Special Interview : “ธีระพงศ์ ระบือธรรม” กว่าจะเป็น “หงส์ไทย” ไม่ง่ายอย่างที่คิด

0
897

เชื่อว่าวันนี้ทุกคนน่าจะรู้จักยาดมสมุนไพรแบรนด์ “หงส์ไทย” กันเป็นอย่างดี บางคนอาจคิดว่ากับแค่การสร้างแบรนด์ยาดมสมุนไพร จะไปยากอะไรกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว คุณรู้หรือไม่ว่ากว่าจะมาเป็นแบรนด์ “หงส์ไทย” ได้ในวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทุกอย่างต้องผ่านกระบวนการคิด และผ่านการพัฒนามาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ต้องเจอกับความผิดหวังมากมาย แต่ท้ายที่สุดแล้ว วันนี้ยอดขายของยาดมสมุนไพรมีมูลค่ามากกว่า 200 ล้านบาท

“ถ้าเราทำธุรกิจแบบไปวันๆ หรือทำตามแบบที่เราเข้าใจตามปกติ เชื่อได้เลยว่าเราจะไม่มีทางเข้าถึงแนวลึกของธุรกิจได้” เป็นหนึ่งในคำกล่าวของ “คุณธีระพงศ์ ระบือธรรม” ประธานบริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ถึงการทำธุรกิจในแบบของตัวเขาเอง “คำว่าแนวลึกของผมตรงนี้หมายถึง ความผูกพันระหว่างตัวธุรกิจกับลูกค้าของธุรกิจ หากจะว่าไปแล้ว ชีวิตของคนเราไม่มีทางรู้หรอกว่าจะโตขึ้นมาทำอาชีพอะไร รวมถึงไม่รู้ด้วยว่าเราจะเกิดมาในครอบครัวแบบไหน แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ การเรียนรู้”

ประธานบริษัทฯ บอกด้วยว่า การเรียนรู้ไม่ได้เกี่ยวว่าจะต้องเกิดมาในครอบครัวที่ดีหรือไม่ดี เช่นเดียวกับเส้นทางชีวิตของเขา ที่ไม่เคยรู้เลยว่าจะต้องมาทำแบรนด์สมุนไพรหงส์ไทยเหมือนในวันนี้

“ผมต้องออกจากโรงเรียนตอนอายุ 13 ปี แล้วออกมาทำงาน เพราะตอนนั้นครอบครัวของผมค่อนข้างลำบาก ทำให้ต้องตัดสินใจมาช่วยพ่อทำงาน และนั่นก็ทำให้ผมได้เกิดการเรียนรู้ในเรื่องของการทำงานมาอย่างต่อเนื่อง และผ่านเรื่องราวของการทำงานมาแล้วกว่า 6 – 7 แห่ง”

ทุกงานที่ทำล้วนสำคัญกับคุณธีระพงศ์ เพราะทำให้เกิดการเรียนรู้ในเรื่องของงานทั้งหมด “จากที่ผมไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลยจากการทำงาน พอได้มาเรียนรู้ก็ทำให้เราเข้าใจ แต่นั่นก็ยังไม่ใช่สิ่งที่ผมจะเจอกับจิ๊กซอว์ในการเป็นแบรนด์หงส์ไทย” กระทั่งเขาตัดสินใจทำอาชีพเสริมด้วยการทำ “พิมเสนน้ำ” ไปขยายส่งตามร้านโชห่วย

“เอาจริงๆ นั่นก็ยังไม่ได้ทำให้ผมประสบความสำเร็จ เพราะสินค้าในครั้งนั้นเราเก็บเงินไม่ได้ เพราะไม่มียอดขายเลย ได้แต่ทำส่งอย่างเดียว ขณะที่ตลาดก็มีการเคลื่อนไหวน้อยมาก จึงมองว่านี่อาจไม่ใช่อาชีพเสริมที่เหมาะกับเรา” แม้สูตรและคุณภาพของพิมเสนน้ำในวันนั้นจะเป็นไปตามสิ่งที่เรียนรู้มาแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตาม

จากนั้นไม่นาน คุณธีระพงศ์บังเอิญถูกรถชน หลายคนอาจคิดว่าเขาต้องท้อแท้ และล้มเลิกในการทำธุรกิจแน่นอน แต่ไม่ใช่เลย “นั่นเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ผมได้มีเวลาถามตัวเองว่าเราอาจจะยังคิดเรื่องของการทำตลาดไม่ถูกต้องอยู่หรือเปล่า ซึ่งตอนนั้นผมมีเวลาอยู่ 2 เดือนในการรักษาตัวเอง เลยมานั่งวางแผนและคิดใหม่ โดยเฉพาะเรื่องของตลาด เราปรับจากการไปส่งร้านโชห่วยมาเป็นไปส่งร้านที่อยู่ในปั๊มหรือมินิมาร์ท รวมถึงร้านขายของชำร่วย และยังวางแผนด้วยว่าจะเริ่มวิ่งส่งของในรัศมีย่านที่เราอาศัยอยู่ก่อน ซึ่งเพียงไม่นานเราก็เริ่มมีออเดอร์ และได้รับการตอบรับที่ดีมาเรื่อยๆ มีลูกค้าที่ซื้อไปแล้วกลับมาซื้อใหม่มากขึ้น จนเรียกว่าขายดีกันจนผลิตไม่ทันเลยทีเดียว และทำให้เรามองว่า สิ่งนี้อาจจะกลายเป็นอาชีพของเราได้แล้ว เพราะไม่ว่าจะผลิตออกมาเท่าไรก็ขายหมด”

แต่นั่นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เกิดปัญหา เพราะในที่สุดในการทำตลาดครั้งที่ 2 ได้เกิดปัญหาเรื่องการตีราคา โดยเฉพาะราคาของการทำการตลาด “ในขณะที่สินค้าติดตลาด โดยเฉพาะความนิยมในพิมเสนน้ำ ที่เป็นน้ำมันแบบลูกกลิ้ง ซึ่งเราส่งที่ราคา 28 บาท แต่ลูกค้าตีราคาอยู่ที่ 25 บาท แล้วลดลงมาเหลืออยู่ที่ 20 บาท สุดท้ายไปตีราคาลงมาจนอยู่ที่ 15 บาท จนสุดท้ายเกิดวิกฤตที่เน้นไปที่การตีราคา เนื่องจากคุณภาพไม่ได้ตามสเปกที่ควรจะเป็น ผมเลยชี้แจงกับลูกค้าที่รับสินค้าเราไปจำหน่ายว่า ถ้าให้ผมทำสินค้าส่งมาในราคา 15 บาท ผมจะต้องลดสเปก หรือลดคุณภาพของพิมเสนน้ำลง เพื่อให้ได้ส่งในราคา 15 บาทได้ ขณะที่เราได้เทสสินค้าที่เขามาส่งในราคา 15 บาท พบว่าสูตรทั้งหมดถูกลดทอนลงไป และคุณภาพก็ลดลงด้วย เพราะมีความเจือจางมาก เราก็เลยบอกลูกค้าว่า ถ้าให้ผมทำส่งราคา 15 บาท คงทำไม่ได้ เพราะหากทำออกมาแล้วไม่มีคุณภาพ ลูกค้าก็ไม่น่าจะใช้งานได้ ทำให้ทางร้านค้าตอบกลับมาว่า ถ้าส่งราคา 15 บาทไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แล้วลูกค้าก็ไม่รับสินค้าของเราไปขายอีกเลย สุดท้ายจึงเกิดวิกฤตขึ้นในตลาดพิมเสนน้ำเวลานั้นไปทั่วทั้งหมด”

คุณธีระพงศ์อธิบายด้วยว่า ลูกค้าส่วนใหญ่เวลานั้นคิดว่าหากส่งในราคาถูก เขาก็จะได้กำไรมาก แต่ไม่ได้มองในเรื่องคุณภาพ “เราเองก็ได้รับผลกระทบมาก จนทำให้ความนิยมในพิมเสนน้ำถอยลง กลายเป็นวิกฤต และความล้มเหลว อันเนื่องมาจากคุณภาพของสินค้าที่ไม่เป็นจริง และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องหยุดการผลิตไปในที่สุด ซึ่งในตอนนั้นผมก็หันกลับไปทำงานประจำ” ทว่าต่อมาหลังจากนั้นประมาณ 3 ปีกว่า และไม่มีการส่งสินค้าให้กับร้านค้าเลยประมาณ 2 ปีครึ่ง

“มีเหตุให้ผมต้องออกจากงานในช่วงนั้น ผมเลยลองตระเวนหาลูกค้าเก่าตามปั๊มน้ำมัน ตามมินิมาร์ท ตอนนั้นเองผมก็ได้ข้อมูลจากน้องเด็กปั๊มน้ำมันปิโตรนาส สาขาอ้อมใหญ่ ซึ่งน้องเขาบอกว่า ยังมีลูกค้าของเรามาตามหาสินค้าของเราอยู่เลย ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจว่าเราไม่ได้ส่งสินค้ามา 2 ปีกว่าแล้ว ทำไมลูกค้าเจ้านี้ถึงยังรอและตระเวนหาสินค้าของเราทุกเดือน ขณะที่น้องเด็กปั๊มน้ำมันยังบอกด้วยว่า ให้เราเอาสินค้ามาส่ง เดี๋ยวลูกค้าก็จะมาเอา นั่นเลยทำให้ผมรู้สึกว่าสิ่งที่เราคิดและยึดถือในเรื่องของคุณภาพ และการไม่ยอมลดสเปกหรือลดคุณภาพที่ส่งในราคาต่ำ ตรงนี้เลยเป็นตัวจุดประกายให้เรารู้สึกว่าเมื่อเราทำอะไรออกมาดีๆ แล้วก็จะไม่มีวันตายแน่นอน”

ถือเป็นจุดยืนสำคัญที่ทำให้วันนี้ คุณธีระพงศ์ ระบือธรรม ได้พัฒนาสินค้าในบริษัทไปแล้วมากกว่า 50 แบรนด์ และยังทำให้บริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด เติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมียอดขายในแต่ละปีไม่เคยลดลงเลย “สินค้าของเราไม่ใช่ว่าดีที่สุด แต่เราไม่เคยหยุดพัฒนาต่างหาก เราพัฒนาสินค้าของเราต่อเนื่องในทุกปี และตั้งใจว่าจะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้สินค้าของเราเป็นผู้นำในตลาด ไม่ใช่ผู้ตาม”

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.