ULYSSE NARDIN CLASSICO TIGER
Tiger Classico มาในตัวเรือนสีโรสโกลด์ และผลิตมาในจำนวนจำกัดเพียง 88 เรือนเท่านั้น ถือเป็นหนึ่งในซีรีส์นาฬิกาที่แบรนด์นำเสนอตามจักราศีมาโดยตลอด และได้รับความนิยมในหมู่นักสะสมถึงความงดงามของลวดลายบนหน้าปัด พร้อมความพิเศษที่มีจำหน่ายเฉพาะในปีนั้น ๆ โดยนาฬิการุ่น Classico ถูกเลือกและนำมาใช้ในการผลิตนาฬิกาซีรีส์นี้มาโดยตลอด กับขนาดตัวเรือน 40 มิลลิเมตร ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ UN-815 พร้อมความสามารถในการสำรองพลังงานได้นาน 42 ชั่วโมง ใช้งานคู่กับสายหนังจระเข้สีดำพร้อมชุดล็อกที่ผลิตจากโรสโกลด์ และฝาหลังที่กรุกระจกแซฟไฟร์กันน้ำได้ลึก 50 เมตร ตัวเรือนขัดเงาที่ผลิตจากโรสโกลด์ช่วยทำให้ลวดลายของเสือบนหน้าปัดมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
******************************
BREGUET CLASSIQUE COLLECTION REF. 7145
เรือนเวลาสุดพิเศษที่ผลิตมาเพียง 8 เรือนเท่านั้น โดยหน้าปัดของนาฬิกา Classique Collection แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญด้านการแกะสลักกิโยเช่ของ BREGUET โดยลวดลายบนหน้าปัดสร้างขึ้นในสามขั้นตอน มีการแกะสลักลายเสือบนแผ่นทองคำ ประกอบด้วยลวดลายการแกะสลักในขนาดเล็ก และส่วนที่แกะสลักนี้จะให้ความลึกและความคอนทราสต์ตามที่ต้องการ ส่วนที่เหลือใช้เทคนิคกิโยเช่ตามลวดลายที่ละเอียด จนต้องใช้เวลาถึงหนึ่งสัปดาห์ในการสร้างแผ่นหน้าปัดแต่ละชิ้นจนออกมาเป็นภาพเสือที่องอาจกำลังและย่างก้าวอย่างมั่นใจ บนหน้าปัดนาฬิกาที่มีคุณลักษณะที่โดดเด่นเป็นพิเศษ
******************************
GALOP D’HERMES
การเชื่อมต่ออย่างใกล้ชิดกับเรื่องราวแห่งศิลปะการขี่ม้าของเมซง เรือนเวลาอันทรงคุณค่านี้จึงได้รับการปรับแต่งให้เป็นนาฬิกาประดับอัญมณีที่สวยงาม เผยภาพเงาของโกลนม้าผ่านนาฬิกา 3 เรือนในรุ่น Small Models มีตัวเรือนขนาดเล็ก 20×27.2 มิลลิเมตร มาพร้อมตัวเรือนสตีลไม่ประดับอัญมณี แต่ในอีกสองรุ่นมาในตัวเรือนสตีลและโรสโกลด์ ประดับเพชรน้ำงามจำนวน 134 เม็ด
******************************
FRANCK MULLER GRAND CENTRAL TOURBILLON
นาฬิกาที่โดดเด่นด้วยกลไกตูร์บิยองที่ตำแหน่งกลางหน้าปัด พร้อมลวดลายกิโยเช่ในตัวเรือนแบบ Cintree Curvex อันโด่งดังของแบรนด์ที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด เพื่อให้สามารถมองเห็นผลงานชิ้นเอกภายในได้อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน พร้อมความโดดเด่นด้วยลายกิโยเช่แบบใหม่ที่เพิ่มเอฟเฟกต์ที่เน้นการเคลื่อนไหวของกรงตูร์บิยองที่หมุนรอบตัวเอง โดยลายกิโยเช่จะมีสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบของรายละเอียดที่เป็นผลมาจากการคำนวณที่แม่นยำของแผนกออกแบบ ในการปรับสมดุลการทำงานของกลไกได้อย่างลงตัวไร้ที่ติ
******************************
PARMIGIANI FLEURIER LA ROSE CARREE
เรือนเวลาที่ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 25 ปีของแบรนด์ Parmigiani Fleurier นาฬิกาพกแบบดับเบิ้ลฮันเตอร์ในขนาด 64 มิลลิเมตร ภายในมีกลไกการทำงานดั้งเดิมที่ผลิตโดยช่างซ่อมนาฬิกาในตำนานอย่าง Louis-Elisee Piguet ในช่วงปี 1898 และ 1904 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของความคิดสร้างสรรค์และงานฝีมือของเขา โดยนาฬิกาหายากในอดีตชิ้นนี้ได้รับการบูรณะอย่างเต็มที่โดยคงไว้ซึ่งพื้นฐานดั้งเดิมทุกประการ การแกะสลักลวดลาย Rose Carree หรือ ดอกกุหลาบสี่เหลี่ยม นั้นครอบคลุมไปทั่วทั้งหมด ตลอดจนการออกแบบใหม่ซึ่งมีกระบวนการเคลือบด้วยผลกรองด์เฟออันโปร่งแสง และทำให้เกิดเฉดสีฟ้าที่ซับซ้อน
******************************
MAURICE LACROIX AIKON MASTER GRAND DATE
ผลงานรุ่นใหม่ล่าสุดของ Aikon Master Grand Date ได้เผยให้เห็นการสร้างสรรค์กลไกชุดใหม่ พร้อมทั้งงานออกแบบด้วยสไตล์โอเพ่นเวิร์ค เปิดโชว์กลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติแบบเยื้องศูนย์กลาง บรรจุไว้ด้วยการแสดงวันที่ขนาดใหญ่และบาลานซ์วีล ตัวเรือนสตีลขนาด 45 มิลลิเมตร ที่หลอมรวมอย่างสมบูรณ์แบบไว้ด้วยจิตวิญญาณแห่งการประดิษฐ์นาฬิกาจักรกลของคอลเลกชันมาสเตอร์พีซ
******************************
FREDERIQUE CONSTANT CLASSIC TOURBILLON PERPETUAL CALENDAR LIMITED
เรือนเวลาสุดหรูหราผสมผสานความคลาสสิก ที่ผลิตออกมาในจำนวนจำกัดเพียง 88 เรือนในโลก ถูกจัดอยู่ในนาฬิกาตระกูล Manufacture ที่ผ่านการออกแบบ การผลิตทุกชิ้นส่วนกลไกจักร และประกอบโดยช่างประกอบนาฬิกาประสบการณ์สูง ที่ประกอบด้วยความใส่ใจ ประณีต พิถีพิถัน หน้าปัดตัวเรือนขนาด 42 มิลลิเมตร สายหนังจระเข้ กระจก Crystal Sapphire กันน้ำ 30 เมตร และสามารถสำรองพลังงานนาน 38 ชั่วโมง
******************************
VAN CLEEF & ARPELS LADY FEERIE WATCH
นาฬิกาข้อมือที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ สาขานาฬิกาหัตถศิลป์ The Prestigious Ladies’Complication Prize at The 2021 Grand Prix D’Horlogerie de Geneve ซึ่งมอบให้แก่ผลงาน “นาฬิกาข้อมือสุภาพสตรี อันแสดงให้เห็นถึงสุดยอดความเป็นเลิศในเชิงกลไกความซับซ้อน” ร่วมกับไหวพริบและทักษะในการพลิกแพลง ผสมผสานความชำนาญเชิงศิลปหัตถกรรมแขนงต่าง ๆ หลอมรวมกันจนก่อเกิดเป็นผลงานอันวิจิตรบรรจงประดุจภาพแห่งความฝัน นี่เป็นครั้งแรกที่เมซงนำเทคนิคหัตถศิลป์สุดประณีต มาใช้ร่วมกันบนแผ่นโมทิฟชิ้นเดียว เพื่อก่อมิติความลึกสลับลูกเล่นไล่โทนบนปีกนางฟ้า ซึ่งยังทวีอำนาจสะกดสายตาด้วยมนตราของงานฝังเพชรสุดละเอียด พิถีพิถันเพื่อเดินขอบตามเส้นลายลงยา ส่วนด้านหลังของนาฬิกาคือจานเหวี่ยงสลักลวดลายเป็นจันทร์เต็มดวงบนผืนฟ้าประดับดาว
