แพทย์หญิงเบญ บุตรวงศ์ ว.23639  “สร้างความสำเร็จด้วยความมุ่งมั่น”

0
43

ในวงการศัลยกรรมปลูกผมด้วยเทคนิค FUE ซึ่งเป็นการปลูกผมโดยการย้ายเซลล์รากผมมาปลูกให้กับคนไข้นั้น ชื่อของหมอเบญ หรือ พญ.เบญ บุตรวงศ์ (ชื่อเดิม พญ.เบญจวรรณ) ผู้ก่อตั้งและเป็น CEO ของ MEDIREN CLINIC ถือเป็นศัลยแพทย์เบอร์ต้นๆ ของเมืองไทยที่ได้การยอมรับจากกลุ่มลูกค้ามายาวนานกว่า 15 ปี ด้วยฝีมือและความละเอียดลออเฉพาะตัว ทำให้การบริการของที่นี่แตกต่างจากคลินิกอื่นๆ ด้วยความสามารถและความมุ่งมั่นที่ไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง ทำให้เธอได้รับตำแหน่งประธานสมาคมแพทย์ปลูกผม FUE ASIA ซึ่งถือว่าเป็นคนไทยคนแรกที่ดำรงตำแหน่งนี้ ซึ่งสร้างความภาคภูมิใจให้กับตัวเธอและวงการศัลยแพทย์ปลูกผมของไทยอีกด้วย

“ย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน หมอเรียนจบเฉพาะทางด้านสูตินรีเวช และมีความชอบในเรื่องศัลยกรรมและหัตถการ หลายคนบอกว่าหมอมีบุคลิกแบบ Perfectionist ชอบงานยาก ไม่ชอบอยู่ในกรอบ เป็นที่มาของความสนใจในเรื่องศัลยกรรมปลูกผม ซึ่งตอนนั้นถือเป็น Field ใหม่ ทั่วโลกหาสถาบันที่จัดการเรียนการสอนได้ยาก เมื่อมีช่องทางในต่างประเทศจึงได้เรียนรู้และฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงแรกต้องบอกว่า คนไข้ในเมืองไทยน้อยนักที่จะเชื่อว่าจะทำได้จริง การผ่าตัดปลูกผมจึงตอบโจทย์และท้าทายความสามารถอย่างที่หมอชอบ การผ่าตัดปลูกผมเป็นเทคนิคที่อาศัย Skill หรือความแม่นยำสูง มีความละเอียดลออ ต้องฝึกฝนจนมีความชำนาญ ต้องใช้เวลา หรือที่เรียกว่าชั่วโมงบินยาวนาน จนหมอมาเปิด เมดิเรน คลินิก เมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้ว โดยหมอจะดูแลรักษาเรื่องเส้นผมให้กับคนไข้ งานหลักๆ หมอจะตรวจคนไข้และทำศัลยกรรมด้วยตัวเอง ส่วนในฐานะ CEO หมอจะดูแลเรื่องแผนธุรกิจ วางกลยุทธ์ธุรกิจ การบริหารทีมแพทย์และบุคลากร พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย คัดเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ ตลอดจนการขยายฐานลูกค้าและวางแผนการเติบโตขององค์กรในระยะยาวอย่างยั่งยืน”

“ถ้าถามหมอว่า เมดิเรน คลินิก มีความต่างจากผู้ให้บริการรายอื่นอย่างไร ก็ต้องบอกว่า วันนี้เรื่องของนวัตกรรม เรื่องของเทคนิคอาจจะไม่แตกต่างกันมากนัก แต่การที่เราได้การยอมรับเพราะฝีมือและความตั้งใจ และผลงานของหมอ ให้โอกาสการขึ้นของเส้นผมอย่างเต็มศักยภาพและดูคล้ายธรรมชาติ ในการปลูกผมแต่ละครั้งหมอจะใช้เวลาทำงานแต่ละเคสนานประมาณ 5-7 ชั่วโมง ซึ่งต้องใช้ความอดทนมาก หมอเป็นคนที่ทำอะไรจะตั้งใจทำเต็มที่ ทำให้คนไข้ได้รับบริการที่ดีอย่างที่หมอคาดหวัง และทำให้ทุกเคสได้รับผลลัพธ์ที่ดีและน่าพอใจ ต้องบอกว่าการที่ เมดิเรน คลินิก ประสบความสำเร็จเกิดจากความจริงใจ ความอดทน และการสรรค์สร้างผลงานด้วยสองมือของหมอ ที่ตั้งใจทำจนช่วยให้คนไข้ได้ผมกลับคืนมา และใช้ชีวิตประจำวันอย่างมั่นใจ”

“การบริหารคลินิกให้ประสบความสำเร็จ นอกเหนือจากความมุ่งมั่น และบุคลิกส่วนตัวของหมอแล้ว ในฐานะผู้บริหารก็ต้องมีความมุ่งมั่น มีวิสัยทัศน์ เข้าใจคน กล้าตัดสินใจ ในมุมมองของหมอ ผู้นำที่เป็นเจ้าของธุรกิจควรมีคุณสมบัติ 3 ด้าน คือ Visionary Thinking – มองภาพอนาคตได้ชัดเจน ไม่กลัวที่จะคิดไกลหรือทำในสิ่งที่ยังไม่มีใครทำ People-Centric Leadership – เข้าใจหัวใจของคน ทั้งพนักงาน ลูกค้า และพาร์ตเนอร์ Decision Making with Compassion – ตัดสินใจโดยใช้เมตตาและเข้าใจคนรอบข้าง เรามุ่งพัฒนาบุคลากร ฝึกฝน และแนะนำพัฒนา Skill แพทย์ เพื่อนำมาเสริมทีมให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในอนาคต เพื่อให้คลินิกเติบโตได้อย่างยั่งยืน”

“สำหรับ Mindset สู่เส้นทางความสำเร็จของหมอคิดว่า ผู้นำที่ดีต้องเรียนรู้เสมอ เปิดใจกับทุกฟีดแบ็กและไม่หยุดพัฒนา “ผู้นำต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต” ไม่ยึดติดตำแหน่ง สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ทีม กล้าคิดกล้าทำ ส่วนกลยุทธ์ของ Mediren Clinic คือ “การเติบโตอย่างมีรากฐาน” ลดความผิดพลาด Human Error เราจะลงทุนในคนและรับฟังเสียงลูกค้าเพื่อพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป้าหมายในอีก 5 ปีข้างหน้า เราต้องการผลักดันให้เกิด Hair Restoration Education Hub ในภูมิภาคเอเชีย เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้สู่แพทย์รุ่นใหม่โดยใช้เทคโนโลยีอย่าง AI และ Telehealth เพื่อขยายการเข้าถึงการรักษา บนพื้นฐานความถูกต้องตามข้อกำหนดทางการแพทย์ หลังจากที่หมอได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานสมาคมแพทย์ปลูกผม FUE Asia ซึ่งถือว่าเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก และหวังว่าตนเองจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยยกระดับวงการศัลยแพทย์ปลูกผมของไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอีกขั้นหนึ่งในอนาคต”

“อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จที่ได้ทุกวันนี้ หมอมองว่า นอกเหนือจากฝีมือก็คงเป็นเรื่องความจริงใจและใส่ใจ เป็นหัวใจหลักในการบริหารงาน เพราะสามารถสร้างความเชื่อมั่นทั้งภายในและภายนอกองค์กร หมอชอบเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง ทั้งลงเรียนคอร์สบริหาร ฟัง Podcast และพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกับผู้รู้ ที่สำคัญต้องกล้าลงมือทำ ยอมรับความผิดพลาด พร้อมแก้ไข และรู้จักรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น”

“ส่วนตัวหมอเป็นคนที่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับงาน ทุกอย่างที่ทำต้องสมบูรณ์แบบ ถ้าไม่ได้ก็ต้องทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ ทุกครั้งที่ทำงานก็จะมุ่งมั่นแบบสุดๆ แต่ถ้ามีเวลาว่างก็จะใช้เวลาอยู่กับครอบครัว อยู่กับตัวเอง ไปออกกำลังกาย นั่งสมาธิ และเขียนบันทึกไดอารีเพื่อบันทึกเรื่องราวและทบทวนสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต หมอเชื่อว่าถ้าเราดูแลตัวเองได้ดี เราก็จะสามารถดูแลคนอื่นได้ดีเช่นกัน”

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.