หากพูดถึงแพทย์ด้านความงามที่ประสบความสำเร็จและได้การยอมรับ ชื่อของ “หมอจุ๊บ-พญ.กนกวรรณ จันทอุปฬี” เจ้าของ The Phoenix Medical Clinic by Dr. Joop จัดว่าเป็นอีกหนึ่งชื่อที่ถือว่าเป็นหมอความงามฝีมือดีเบอร์ต้นๆ ของเมืองไทย การที่คุณหมออยู่วงการนี้มานานมากกว่า 20 ปี จึงได้มีโอกาสดูแลคนไข้กลุ่ม Celebrities แถวหน้าของเมืองไทย หลายๆ คนล้วนผ่านมือหมอทั้งนั้น แต่จริงๆ คนทั่วไปก็สามารถเข้าหาคุณหมอได้ง่าย เพราะคุณหมอเป็นคนที่มีนิสัยค่อนข้างเป็นกันเอง ทำให้คนไข้สนิทจนโทรปรึกษาปัญหาความงามช่วงตีหนึ่งตีสองก็มีมาแล้ว
“คลินิกหมอจะดูแลตั้งแต่เส้นผม ใบหน้า เรือนร่าง และผิว ทั้งภายในและภายนอกแบบครบจบที่เดียว ซึ่งแต่คนจะมีปัญหาผิวหรือปัญหาตามช่วงอายุ วัยรุ่นอาจจะมีเรื่องสิว ผู้ใหญ่ขึ้นมาก็จะมีเรื่องริ้วรอย ความหย่อนคล้อย หรือในส่วนของผมก็สำคัญมาก ถ้าผมมีสุขภาพที่ดี มีน้ำหนัก ก็มีผลต่อหน้าตา และบ่งบอกถึงสุขภาพที่ดีได้ ถ้าเราอยากดูดี ดูอ่อนกว่าวัย เราก็ต้องดูแลตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า โดยเฉพาะในเรื่องของการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ หมอเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้มากว่า 15 ปีแล้ว ส่วนเรื่องผิวหน้าก็ 20 กว่าปีแล้วค่ะ โดยสมัยก่อนยังไม่มีการผ่าตัดปลูกรากผม คนไข้จะได้รับยาทานและยาทา หรืออาหารเสริม และวิตามิน ซึ่งทุกวันนี้มีนวัตกรรมใหม่ทั้งการผ่าตัดโยกย้ายเส้นผม จนถึงการรักษาในระดับเซลล์แล้ว คนไข้ที่มารักษากับหมอส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องของการรักษาผิวค่อนข้างเยอะมาก โดยเฉพาะรักษาฝ้าและริ้วรอย สมัยก่อนฟิลเลอร์กับโบท็อกซ์ยังไม่เข้าเมืองไทย เราก็จะมีแบบทา แบบกิน พอยาฉีดเข้ามา มีเลเซอร์เข้ามา ลูกค้าก็เปลี่ยนมาใช้นวัตกรรมใหม่ ซึ่งเราก็เติบโตไปพร้อมๆ กับคนไข้”
“ทั้งนี้ The Phoenix จะเน้นการนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาให้บริการกับลูกค้า ในแต่ละปีหมอจะเดินทางไปประชุมอัปเดตว่ามีอะไรเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ หมอใช้เงินส่วนตัวในการศึกษางานเยอะหน่อย เป็นความเหมาะเจาะที่ต้องเดินทางเพราะว่าต้องไปดูแลบ้านแฟนที่อเมริกาด้วย นานๆ จะได้ทุนทีค่ะ ใช้คำว่าเดินทางมาทั้งชีวิตเพื่อหานวัตกรรมและความรู้ใหม่ๆ แถมได้เที่ยว ได้เพื่อนใหม่ ได้ความรู้ใหม่ ซึ่งหมอก็จะเลือกสิ่งที่คิดว่าดีและมีประสิทธิภาพที่สุด ณ วันนั้นมาให้บริการลูกค้าและตัวเอง (ยิ้มกว้าง) ซึ่งนอกเหนือจากการรักษาผิวจากภายนอกแล้ว ในเรื่องของ Anti Aging ก็จะเน้นเรื่องของการทานวิตามิน และฮอร์โมนแบบธรรมชาติ เพื่อปรับความ สมดุลให้ผิวสวยจากภายในสู่ภายนอก รวมทั้งการปรับตารางชีวิต นอนให้พอ ทานน้ำให้พอทาน อาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็มีผลต่อผิวพรรณอยู่ทุกยุคทุกสมัย”
“สำหรับเทรนด์นวัตกรรมใหม่ล่าสุดจะเป็นเลเซอร์ที่มีผลข้างเคียงน้อยลง หรือ less Aggressive ซึ่งเหมาะสำหรับคนไข้ที่กลัวการศัลยกรรมผ่าตัด โดยจะเป็นเลเซอร์กลุ่ม Ultrasound ซึ่งจะมีชื่อตามยี่ห้อแล้วแต่ใครจะเรียกแบบไหน และจะมีกลุ่ม RF (Radio Frequency) แต่เปลี่ยนชื่อไปตามบริษัทที่ผลิต แต่ละบริษัทเขาก็มีจุดขายที่แตกต่างกันให้แพทย์เลือกใช้ และกลุ่มที่เป็น Lifting ทั้งหมด รวมทั้งเรื่องของการรับ Stem Cell กำลังมาแรง ซึ่งจะนำมาใช้ได้ทั้งกับผิวหน้า ผิวกาย และเส้นผม ปัจจุบันมาในรูปแบบซึ่งเป็น Nanoparticle หรือ Exosome นำมาทาก็ใช้ได้ผลที่ดีใช้ได้เลยค่ะ แต่ที่คลินิกจะมีเทคนิกสเปรย์อัดความดันสูงพ่น ทำให้ยาลงลึกสู่ชั้นผิวกว่าระดับการทา หรือใช้เครื่อง laser เปิดรูผิวก่อนทำให้ได้ผลกว่าการทาด้วยมือค่ะ ซึ่งจริงๆ การเข้ารับการรักษาในแต่ละคลินิก เรื่องนวัตกรรมอาจจะไม่ต่างกันมาก แต่ส่วนใหญ่จะต่างกันเรื่องของเทคนิค ฝีมือหมอ แพทย์ ราคา ยาที่ใช้ สถานที่ตั้ง ความสะอาด ความปลอดภัย และราคาการทำตลาด ฉะนั้นถ้าจะเลือกรักษากับใครก็ขึ้นอยู่กับความไว้ใจ ถูกใจ และต้องปลอดภัยกลับบ้าน ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เช่น การฉีดฟิลเลอร์ ถ้าฉีดผิดพลาดเข้าเส้นเลือดที่เลี้ยงลูกตาก็อาจทำให้ตาบอดได้ หรืออาจทำให้ช็อกได้ทุกเมื่อ หมอจะถามเสมอว่ารับความเสี่ยงได้ไหม ถ้ารับไม่ได้ให้เลือกทำอย่างอื่นค่ะเพราะไม่มีอะไร 100% ในวิชาแพทย์ ทุกคนมีสิทธิ์พลาดได้หมด ดังนั้นเราต้องเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญด้าน Anatomy มีความระวัง ทำให้เรามีโอกาสปลอดภัยมากกว่า ซึ่งที่คลินิกของหมอเล็งเห็นถึงความเสี่ยงต่อการ เกิดอันตราย หมอก็ไปลงเรียน Ultrasound เส้นเลือดเพิ่ม คลินิกเรามีเครื่อง Ultrasound เส้นเลือด ดูเส้นเลือดก่อนการสอดเข็มทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย ไม่ไช่เครื่องสแกนเส้นเลือดดำหรือ Vein นะคะ แบบนั้นใช้หาเส้นเลือดดำเวลาเจาะเลือดมากกว่า อุปกรณ์เหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงค่ะ”
“การทำธุรกิจความงามถือเป็นธุรกิจที่ท้าทาย เพราะปัจจุบันมีการแข่งขันสูงมาก แต่คลินิกไหนจะประสบความสำเร็จก็ขึ้นอยู่กับความพอใจในการเลือกใช้บริการของกลุ่มลูกค้า เพราะอุปกรณ์และตัวยาที่ใช้ฉีดก็มีหลายเกรดมากในท้องตลาด ซึ่งคลินิกหมอก็พยายามเลือกสรรตัวที่หมอคิดว่าปลอดภัย และมี Side Effect หรือผลข้างเคียงให้น้อยที่สุด และเลือกโปรดักซ์เป็นตัวที่ใช้กับตัวเองด้วยเลยค่ะ เพราะคลินิกเราเน้นมากเรื่องความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับแรก คือเราทำงานกับกลุ่มคนไข้ที่บอกเราเสมอว่าหมอคะ หมอครับ ขอตัวคุณภาพนะ ดีที่สุดได้ยิ่งดี รักชีวิตมาก เราเข้าใจเลย”
“หัวใจในการทำธุรกิจของหมอไม่ได้โฟกัสที่รายได้เป็นหลัก ลูกค้าส่วนใหญ่บอกหมอว่าการขายของคลินิกนี้คือการไม่ขาย หมอต้องการให้ภาพลักษณ์ของหมอมีความเป็นหมอ ไม่ใช่หมอขายของ หมอต้องเป็นผู้ที่ทำหน้าที่แก้ปัญหาให้คนที่มีปัญหา ถ้าแก้ได้เงินจะตามมาเอง ทำให้ที่นี่มีสาขาเดียว แต่ใช้เงินลงทุนสูงมาก เพราะทุกอย่างที่เลือกต้องดีที่สุด สถานที่ ยาที่ใช้ อุปกรณ์ ไปจนถึงเตียงทำหัตถการ เพื่อนที่เป็นหมอด้านเดียวกันบอกว่าเงินลงทุนที่คลินิกหมอสาขาเดียวทำคลินิกอื่นได้ 15 สาขา (หัวเราะ) เพราะเราอยากรักษาคุณภาพการให้บริการให้ดีที่สุด ลูกค้าส่วนใหญ่เรียกว่าเติบโตมาด้วยกัน เราก็พยายามรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้ ซึ่งการตลาดของคลินิกคือ Word of Mouth เราไม่มีโปรโมชัน ไม่มีแพ็กเกจ”
“ทุกวันนี้ความสุขของหมอคือการที่ลูกค้ากลับมารักษากับเรา และลูกค้า กลับไปโดยไม่มี Complication หรือผลข้างเคียง มีแต่คนชมว่าสวยขึ้น นั่นคือความสำเร็จหรือ Success สำหรับเราแล้วค่ะ สิ่งนี้ถือเป็นกำลังใจที่ทำให้อยากทำงานต่อ และพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ สิ่งหนึ่งที่หมอจะบอกกับคนไข้ก็คือ นอกจากจะดูแลผิวแล้วก็ต้องดูแลสุขภาพ สร้างบาลานซ์ ทำงานพอเหมาะ พักผ่อน ออกกำลังกาย ผิวสวยแล้วสุขภาพก็ต้องดีด้วย”
“ถ้าถามว่าหมอจุ๊บเป็นผู้หญิงแบบไหน คงเป็นคนที่ทำตามความฝัน หมอเป็นเด็กต่างจังหวัด มีความฝันอยากไปเรียนเมืองนอก ก็ทำให้ต้องเรียนหนัก ทำงานหนักเพื่อหาทุนไปเรียน อยากเป็นหมอก็ต้องทำให้ได้ วันหนึ่งอยากมี Luxury Clinic ก็ต้องทำให้ได้ ชอบชีวิตที่ช้าแต่ชัวร์ ทำความฝันบน ความเป็นจริง ชีวิตต้องมี Goal บางคนอาจจะอยากรวยมากๆ หมอเองก็อยากมีเงิน แต่มันไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดของชีวิต หมอเคยป่วยแล้วรู้เลยว่าสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญที่สุด มีเงินก็ไปหาหมอได้ แต่ทำไมเราไม่ทำสุขภาพตัวเองให้ดี เพื่อที่จะได้ไม่เจ็บป่วย ความสวยต้องมาพร้อมสุขภาพที่ดี เป็นสิ่งที่ดีที่สุดค่ะ”
