นักธุรกิจสาวสวยเจ้าของ “อสิตา อีโค รีสอร์ท” คุณจี๊ด-อสิตา วิมลไชยจิต อดีตผู้บริหารโรงแรมระดับห้าดาว ในเครือ Accor ผู้คร่ำหวอดในวงการโรงแรมมานานกว่ายี่สิบปี นอกจากวันนี้เธอจะเป็นเจ้าของอีโค บูทีค รีสอร์ต สุดชิคแล้ว เธอยังทำธุรกิจเกี่ยวกับการประมง โรงน้ำแข็ง รวมไปถึงเป็น Owner Representative มือทองอีกด้วย เธอบอกกับเราว่าเมื่อก่อนชีวิตเธอโฟกัสแค่เรื่องงาน เงิน และความสำเร็จ แต่หลังสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เธอได้เปลี่ยนวิถีชีวิต เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ เปลี่ยนมุมมองความคิด จาก Perfectionist สู่เส้นทางการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ด้วยการสร้าง Wheel of Life เพื่อชีวิตสมดุลและเป็นสุข “จี๊ดทำธุรกิจหลายอย่าง มีธุรกิจบางตัวเป็นธุรกิจดั่งเดิมของครอบครัวซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการประมง มีเรือประมงจับปลาทั้งในและต่างประเทศ มีฟาร์มหอยแมลงภู่ เป็นเจ้าของสะพานปลา โรงงานทำน้ำดื่ม และมีโรงงานน้ำแข็ง หลังจากออกจากงานประจำที่เป็นผู้บริหารระดับสูงให้กับโรงแรมในเครือ Accor มาเปิดรีสอร์ตแนวอีโค ชื่อ ‘อสิตา อีโค รีสอร์ท’ ซึ่งเป็นบูทีค รีสอร์ต ที่มีห้องพัก 23 ห้อง เน้นงานจัดเลี้ยง ร้านอาหาร และคาเฟ่ ในเนื้อที่ 10 ไร่ติดแม่น้ำแม่กลอง ใกล้ชิดกับธรรมชาติ รวมทั้งตอนนี้ยังรับเป็น Owner Representative ให้กับโรงแรม”
อย่างการรับบริหารธุรกิจโรงแรมให้กับเจ้าของธุรกิจเป็นงานที่จี๊ดถนัดนะ เพราะเรารู้จริง รู้ทุกเรื่อง อยู่ในสายอาชีพนี้มานานมาก เรารู้ว่าต้องบริหารงานแบบไหน ทำการตลาดแบบไหน ดูแลธุรกิจอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ จะว่าเป็นงานที่เหนื่อยไหม ส่วนตัวก็ถือว่าไม่ได้เหนื่อยมาก เมื่อก่อนรับทำเกือบ 10 แห่ง แต่ตอนนี้รู้สึกว่าอยากใช้ชีวิตสบายๆ ก็ทำน้อยลง แต่ที่ยังอยากทำอยู่เพราะได้ใช้ความรู้ความสามารถที่เรามีไปช่วยเหลือธุรกิจคนอื่นด้วย เป็นงานที่ชอบ สนุก ท้าท้าย และยังทำให้ตัวเองวิ่งไปกับเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นทุกวัน”
“ที่ผ่านมาจี๊ดเป็นคนสนุกกับการทำงาน ไม่กลัวงานหนัก ตื่นตัวตลอด ตั้งเป้าหมาย ไว้สูงเสมอ และวางแผนงานชัดเจนเพื่อไปให้ถึงความสำเร็จที่ตั้งไว้ ทุกอย่างต้องเนี้ยบ ทำได้ 100 ก็อยากได้ 200 ด้วยความที่เป็น Perfectionist เวลาทำอะไรทุกอย่างต้องเกินมาตรฐาน ทุกอย่างต้องเป๊ะมาก เพราะต้องการให้ทุกอย่างออกมาดีที่สุด งานทุกอย่างต้องผ่านตัวเองทั้งหมด การทำงานแบบนี้เป็นเรื่องที่เหนื่อยทั้งตัวเองและคนรอบข้าง ช่วงโควิด-19 ทำให้มุมมองและการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปเลย เพราะช่วงโควิดจี๊ดมาพักที่รีสอร์ต ได้อยู่กับธรรมชาติ ได้ฝึกสมาธิ ทำให้ชีวิตชิลล์มากขึ้น มีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น ได้ทบทวนชีวิต ทำให้ตอนนี้เลยโฟกัสกับเรื่องของการสร้างความสุข รู้จักการปล่อยวาง ทำให้ชีวิตการทำงานเปลี่ยนไปจากเดิม ไม่ได้ลดมาตรฐาน แต่ลดความคาดหวัง ลดความกดดันให้ตัวเองและคนรอบข้าง ปล่อยให้ผู้จัดการแต่ละฝ่ายได้ทำ ปิดตายอมรับให้มีข้อผิดพลาดบ้าง เราแค่อยู่เบื้องหลังคอยให้คำปรึกษา ชีวิตก็สบายมากขึ้น” “ถ้าถามว่าความสุขของชีวิตคืออะไร ความสุขสำหรับจี๊ดก็คือการได้ทำงาน ได้เห็นธุรกิจเติบโต มีผลกำไร ได้เจอกับเพื่อนฝูง ได้ดูแลตัวเอง ได้ทำในสิ่งที่รัก พอเราปล่อยวางเป็น ชีวิตก็มีความสุขมากขึ้น ทำงานน้อยลง แต่ได้งานที่ดีเท่าเดิม จี๊ดเชื่อว่าเรื่องบุคลากรเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ถ้าเรามีลูกน้องที่ดี เราก็ต้องดูแลรักษาไว้ ต้องรู้จักให้ผลประโยชน์ตอบแทน มีโบนัสให้ตามความเหมาะสม คิดอยู่เสมอว่าถ้าเรามี เราก็ต้องรู้จักแบ่งปัน รู้จักช่วยเหลือผู้คน เรื่องเหล่านี้มันทำให้เราใช้ชีวิตง่ายขึ้น มีความสุขมากขึ้น ผู้คนรอบข้างเราก็มีความสุขตามไปด้วย”
“จี๊ดชอบแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ ให้โอกาสคน และชอบทำบุญ ชอบทำงานการกุศล ชอบช่วยเหลือผู้คน ตั้งแต่สมัยเด็กๆ จนถึงปัจจุบัน ทุกวันนี้ยังทำโครงการบริจาคทุนอาหารกลางวันให้กับเด็กตาบอด บริจาคเงินช่วยเหลือผู้คนจากกำไรบางส่วน บริจาคเงินช่วยเหลือองค์กรต่างๆ ตลอดทั้งปี หรือแม้แต่รับซื้อสินค้าเกษตรจากชาวบ้านรอบรีสอร์ต รวมทั้งเปิดพื้นที่ของรีสอร์ตเพื่อให้ชาวบ้านในชุมชนได้นำสินค้าเกษตรมาจำหน่ายโดยไม่คิดค่าเช่า จี๊ดคิดว่าเมื่อเรามี เราก็ต้องรู้จักที่จะช่วยเหลือและแบ่งปัน ชีวิตเรามีความสุข คนรอบข้างเราก็มีความสุขไปด้วยกัน”“หลังจากที่ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต ก็รู้ว่าสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิมก็คือการมี ‘Wheel of Life’ เพื่อสร้างความสมดุลให้กับชีวิต ไม่ทำงานหนักเกินไป ใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม ปาร์ตี้บ้าง ออกงานสังคมบ้าง ทานอาหารกับเพื่อนๆ บ้าง หากิจกรรม ที่ช่วยให้สุขภาพกายสุขภาพใจดี ออกกำลังกาย เข้าฟิตเนส เล่นโยคะ ดูแลรูปร่าง ซึ่งพอเราวางองค์ประกอบชีวิตได้ ใช้ชีวิตแบบ ไม่ยึดติด เราก็มีความสุขมากยิ่งขึ้น”
