THE 50 INFLUENTIAL PEOPLE 2023 “หม่อมหลวงปรียพรรณ ศรีธวัช” บทบาทหน้าที่ สร้างประสบการณ์ชีวิต

0
315

หม่อมหลวงปรียพรรณ ศรีธวัช มองถึงภาพรวมของสตรีในประเทศไทย และต่างประเทศในวันนี้ว่า “ดิฉันเดินทางมารอบโลกครบทุกทวีป รวมแล้ว 67 ประเทศ ในมุมมองของดิฉัน ประเทศไทยน่าจะโชคดีที่ในปัจจุบันผู้หญิงได้รับการยอมรับมากขึ้นในการทำงาน และมีความเสมอภาคในสังคม ไม่ต้องระวังบทบาทที่คิดว่าใครเป็นช้างเท้าหลังอีกต่อไป ทุกคนได้เรียนหนังสือ ได้ทำงาน ได้ตัดสินใจ ได้เลือกงานที่ชอบ และได้เลือกคนที่ใช่ เช่นผู้หญิงได้เป็นนักบิน เป็นผู้พิพากษา เป็นประธานศาลฎีกา เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรี ไม่ต้องถูกจำกัดสิทธิ์เหมือนในอดีต ส่วนประเทศอื่นภาพรวมของสตรียังแตกต่างกันไป สตรีบางประเทศมีบทบาทสูงในความเสมอภาค สามารถสลับหน้าที่ ผู้หญิงทำงานและผู้ชายเลี้ยงลูกอยู่บ้านได้โดยสังคมยอมรับ ดังเช่นทวีปยุโรปเหนือ แต่ประเทศอื่นๆ ก็จะมีบริบทที่แตกต่างกันไปตามวัฒนธรรมของเชื้อชาตินั้นๆ”

ขณะที่ภารกิจหน้าที่สำคัญของท่านในวันนี้ “ดิฉันเคยเป็นผู้แทนการค้าไทยไปทวีปอเมริกาใต้ ปัจจุบันทำงานเป็นกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์สาธารณรัฐเปรู ประจำจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเครือข่ายผู้ประกอบการสตรีอาเซียนของประเทศไทย เป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นผู้แทนประชุม UNESCAP ในนาม BPW International ดังนั้นจึงทำงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า และวัฒนธรรม รวมทั้งพัฒนาศักยภาพของเยาวชนและของสตรีทั้งในไทยและติดต่อกับนานาชาติมาตลอด 30 กว่าปี นอกจากนี้ยังเคยเป็นสมาชิกวุฒิสภา และเคยทำงานในฐานะประธานอนุกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีด้านสิ่งแวดล้อม ดิฉันเรียนจบปริญญาตรีทางเศรษฐศาสตร์ และปริญญาโทสหสาขาวิชาหลักสูตรนานาชาติด้านการจัดการวัฒนธรรม ปัจจุบันกำลังเรียนปริญญาเอกที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเรียน Teaching Diploma (บัลเลต์คลาสสิก) จากสถาบันรอยัล อคาเดมี ออฟ ดานซ์ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ พระราชินีเอลิซาเบทแห่งสหราชอาณาจักร จบ Associate Teaching Diploma จากสถาบันออสเตรเลียน ทีชเชอร์ส ออฟ ดานซ์ซิง ประเทศออสเตรเลีย”

หม่อมหลวงปรียพรรณ ศรีธวัช ยังกล่าวด้วยว่า “ที่ผ่านมาในชีวิตได้สวมหมวกหลายใบ คือเริ่มต้นทำงานเป็นเจ้าของกิจการโรงเรียนสอนเต้นระบำตะวันตกที่เรียกว่า Chiang Mai Ballet Academy เป็นผู้แทนหลักสูตรการเต้นระบำตะวันตกของสถาบันออสเตรเลียน ทีชเชอร์ส ออฟ ดานซ์ซิง ประเทศออสเตรเลีย จัดการเผยแพร่หลักสูตร จัดสอบเทียบมาตรฐานสากลให้แก่หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมทั้งจัดการแข่งขันเต้นนานาชาติตลอด 9 วันเต็มขึ้นในกรุงเทพฯ ให้แก่เยาวชนจากทั่วโลกกว่า 20 ประเทศ จนการแข่งขันเป็นที่รู้จักของสถาบันสอนเต้นในเอเชียแปซิฟิก”

ด้วยการทำหน้าที่ในหลายบทบาท ถือเป็นผลดีกับตัวของเธอคนนี้ “ประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา จึงช่วยปลูกฝังให้คิดภาพเป็นองค์รวมในมุมกว้างของทั้งประเทศและทั้งภูมิภาคอยู่เสมอ โดยมุ่งเน้นการเติบโตของเพื่อนร่วมชาติให้ทัดเทียมอารยประเทศ และเมื่อคำนึงถึงด้านสิ่งแวดล้อม ก็คิดไปถึงโลกทั้งใบ กล่าวได้ว่า งานที่ทำเริ่มมาจาก Passion คือได้ทำในสิ่งที่รักก่อน แล้วก็เกิด Vision ว่าโอกาสในอีก 10 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ตามมาด้วยการ Contribution คือมีการแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ให้ทุกฝ่าย ได้ประโยชน์ร่วมกัน เกิดเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็งในการทำงานได้กว้างขวาง และช่วยทำให้งานยากกลายเป็นงานง่ายขึ้นมาก”

ในความมุ่งหวังกับการทำงานเพื่อสังคม หม่อมหลวงปรียพรรณกล่าวว่า “ส่วนหนึ่งของคำตอบได้กล่าวมาบ้างแล้วในข้อ 2 คืออยากเห็นการเติบโตและพัฒนาการที่ก้าวล้ำของคนกลุ่มใหญ่ทั้งประเทศ ไม่อยากให้คนคิดหวังพึ่งน้ำบ่อหน้า แต่ให้พึ่งตนเอง และแข็งแรงได้ด้วยตนเอง ในเวลาที่ผ่านมาดิฉันชอบทำงานที่ท้าทายความสามารถ และคิดถึงประโยชน์ที่ทุกคนจะได้รับร่วมกัน ดังนั้นสิ่งที่สนองตอบกลับมาโดยไม่คาดคิด จึงเป็นรางวัลจากนานาประเทศ รางวัลในระดับสากล ระดับชาติ ระดับท้องถิ่น และระดับองค์กร ซึ่งรางวัลและเกียรติยศเหล่านี้เป็นสิ่งที่มีเงินก็ซื้อไม่ได้ อีกสิ่งหนึ่งที่ได้มาคือ เครือข่ายที่ทำให้งานยากหลายงาน สำหรับหลายคน กลายเป็นเรื่องที่ทำให้สำเร็จโดยง่าย เมื่อได้รับ Recognition และมี Connection ที่ดี”

อย่างไรก็ตาม หม่อมหลวงปรียพรรณ ในฐานะที่เป็นสตรีผู้ประสบความสำเร็จคนหนึ่งของประเทศไทย ยังได้ฝากเคล็ดลับการสร้างความสำเร็จให้กับคนทั่วไปด้วยว่า “ไม่อยากคิดว่าตนเองเป็นสตรีที่ประสบความสำเร็จแล้ว เพราะยังมีคนเก่งๆ กว่าอีกมากมาย แต่ก็ยินดีให้ข้อคิดในการทำงานว่าโลกปัจจุบันเติบโตเร็วขึ้น ความสามารถที่มีในอดีตอาจไม่สามารถใช้ได้กับบริบทปัจจุบัน ดังนั้นเราไม่ควรทำงานเป็น Specialist หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางอยู่เพียงอย่างเดียว แต่ควรเติมความรู้ใหม่ๆ ให้แก่ตนเองด้วยตลอดเวลา การเชี่ยวชาญในงานด้านอื่นๆ ด้วยทำให้เราเป็น Generalist และทำให้เรามีมุมมองที่กว้างกว่า จึงอาจได้เปรียบกว่าผู้อื่นในการคิดและวางแผนงาน ทำให้ทำงาน และทำธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น ทั้งยังมีช่องทางเติบโตได้มากกว่า ส่วนการสร้างทัศนคติในทางบวกก็ทำให้เรามีพลังบวกตามมามากมาย และเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ได้”

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.