รชตะ หัมพานนท์ จุดเปลี่ยนชีวิต ผู้ชายชื่อ “แจม”

0
4168
จากบทตัวละคร “จิว” ในเรื่อง “คุณชาย” เรียกว่าเป็นหนึ่งในละครเด่นที่ทำให้วันนี้ชื่อของหนุ่ม “แจม-รชตะ หัมพานนท์” กระโดดขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์แถวหน้าในเวลาเพียงข้ามคืน แต่ใครจะรู้บ้างว่ากว่าที่ชายหนุ่มคนนี้จะก้าวขึ้นมาโด่งดังอย่างวันนี้ได้นั้น เขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง

หนุ่มแจมเล่าให้ฟังถึงคาแรกเตอร์ตัวละคร “จิว” กับตัวของเขาว่ามีคาแรกเตอร์คล้ายๆ กัน “แต่ตัวของจริงจะเป็นคนที่มีปมในใจหนักมาก เพราะกว่าที่เขาจะมาเป็นนักฆ่าได้ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะมาเป็นนักฆ่าเลย ต้องมีปมในใจค่อนข้างหนักทีเดียว ซึ่งในส่วนนี้ผมต้องเวิร์กช็อปหนักพอสมควร ทั้งดูซีรีส์ หาข้อมูล หรือแม้กระทั่งหาสารคดีที่เกี่ยวกับมือปืนรับจ้างผมก็เคยหาดูครับ ดูว่าเขามีแนวคิดหรือวิธีคิดอย่างไร ทำไมเขาถึงรับงานเพื่อไปฆ่าคน นอกจากนี้ตัวของจิว เขาทำอะไรไม่เป็นเลยนอกจากการฆ่า แต่ในเรื่องปั้นน้ำตาลให้ยกเว้นไว้ เพราะเขาต้องหาอาชีพเพื่อมาบังหน้าตัวเอง เดี๋ยวจะถูกจับได้ เขามีสิ่งที่ต้องแบกอยู่มาก ทั้งน้อง ทั้งตัวเขาเอง ทั้งอนาคตของน้อง เขาคิดถึงตัวเองน้อยที่สุด ทุกอย่างในชีวิตของเขาจะเป็นน้องทั้งหมด ถ้าไม่มีน้องเขาก็อยู่ไม่ได้ นี่คือตัวของจิวครับ”

ความท้าทาย

หากพูดถึงความท้าทายในงานแสดงละครเรื่องล่าสุด หนุ่มแจมยอมรับว่าความท้าทายของเขาคือนักแสดงที่เขาต้องประชันบทบาทด้วย “เพราะแต่ละท่านเรียกได้ว่าเป็นระดับตำนาน ไม่ว่าจะเป็นพี่ป็อก-ปิยธิดา พี่แท่ง-ศักดิ์สิทธิ์ พี่เป้ย-ปานวาด อาเดือน หรือแม้แต่พี่หญิง-รฐา ถือว่าสุดจริงๆ ครับ ยิ่งต้องมาเจอกับสามีแห่งชาติอย่างฟิล์ม-ธนภัทร ที่ผมติดตามผลงานของเขามาตลอดยิ่งท้าทายมาก เพราะเราเป็นเด็กใหม่ที่เข้ามาแล้วต้องไปเจอกับนักแสดงที่เก่งมากๆ แล้วเรื่องนี้ยังเป็นละครที่อยู่ในช่วงยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 เราก็ต้องหาข้อมูลว่าช่วงนั้นสังคมเขาเป็นแบบไหน แต่เท่าที่รู้คือความหลากหลายทางเพศยังไม่เปิดกว้างในช่วงนั้น ดังนั้นคนที่รักเพศเดียวกันจึงเป็นสิ่งที่สังคมสมัยนั้นไม่ยอมรับ เวลาจะรักกันก็ต้องฝ่าฟันอะไรเยอะมากครับ แต่ด้วยความเป็นจิว เขาไม่แคร์ใครเลย ผมจะรักคนนี้ก็คือคนนี้ มีอุปสรรคแค่อาชีพของเขา มีอุปสรรคแค่หน้าที่ของเขา ไม่อยากให้คนคนนี้มาลำบากด้วย แต่ก็ยังรักคนคนนี้ เลยกลายเป็น conflict ของตัวละครในเรื่องนี้ ซึ่งต้องไปหาให้เจอในเรื่องครับ”

จุดเปลี่ยนในชีวิต

เป็นส่วนหนึ่งที่หนุ่มแจมต้องใช้ความพยายามอย่างหนักกับละครเรื่องที่สร้างชื่อให้เขามากที่สุด แต่จะมีใครเชื่อไหมว่ากว่าที่หนุ่มแจมจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้นั้น เขาต้องผ่านจุดเปลี่ยนของชีวิตมาแล้วนับไม่ถ้วน “เอาจริงๆ ที่ใหญ่ๆ ก็ประมาณ 4 ครั้งครับ ครั้งแรกเป็นตอนที่คุณปู่เสีย ตอนนั้นเรายังคงต้องอาศัยเงินของปู่เลี้ยงดูครอบครัวของเรา เพราะท่านเป็นข้าราชการบำนาญ พอคุณปู่เสียก็เท่ากับเสาหลักของครอบครัวหายไป ทำให้เราต้องดิ้นรนมากขึ้นเพื่อหารายได้มาเลี้ยงครอบครัว”

“มาถึงจุดเปลี่ยนครั้งที่ 2 ตอนนั้นผมต้องเลือกเรียนระหว่างตำรวจกับครู แต่สุดท้ายผมก็ไปเลือกเรียนครูทั้งที่ชอบตำรวจมากกว่า ซึ่งพอเรียนครูไปจนจบก็ต้องเจอกับจุดเปลี่ยนครั้งที่ 3 คือสอบข้าราชการครูติด แต่ตอนนั้นผมก็คิดแล้วรู้สึกว่าอยากเข้าวงการบันเทิง เพราะได้เงินเยอะกว่า ได้เงินเร็วกว่า แต่ก็ยังอยากเป็นครู ซึ่งตอนนั้นผมก็คิดแค่ว่าเดี๋ยวอนาคตถ้าเรามีโอกาส ก็อาจจะได้ไปสอนหนังสือก็ได้ แล้วก็หันหน้าเข้าวงการบันเทิงในที่สุด และครั้งที่ 4 อาจเรียกว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสุดท้ายก็ได้ นั่นคือตอนที่กระแสของละครเรื่องคุณชายพักที่สุดครับ” จึงอาจเรียกได้ว่าละครเรื่องคุณชายเป็นจุดเปลี่ยนที่พลิกชีวิตให้กับหนุ่มแจมมากที่สุดก็ว่าได้

ชีวิตที่เลือกเอง

แต่หากถามว่าจุดเปลี่ยนครั้งใดของหนุ่มแจมที่รู้สึกดีที่สุด “ก็ต้องเป็นตอนที่สอบข้าราชการครูได้ครับ เพราะเป็นข้อสอบที่ยากมาก ขณะที่ทางบ้านของเราเองก็อยากให้ผมเป็นข้าราชการครู พอเราสอบได้แล้วเขาดีใจกันมาก และคิดว่าผมจะได้เป็นครูแน่นอน แต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้เป็นครูอย่างที่ทุกคนตั้งหวังเอาไว้ แต่การสอบข้าราชการครูก็เป็นสิ่งที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับผม เพราะเป็นการเปิดรับสมัครเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น คือทั้งจังหวัดรับแค่ 1 คน ซึ่งผมก็ไม่ได้เป็นคนเก่งนะครับ แต่ผมน่าจะอ่านหนังสือถูกที่มากกว่าก็เลยสอบได้”

หนุ่มแจมเล่าด้วยว่า “ผมเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับทุกโอกาสที่เข้ามาหาภายนอกของผมอาจมองดูเป็นคนไม่ค่อยรู้สึกกับอะไรมากนัก แต่ข้างในจริงๆ ผมรู้สึกปลื้มกับทุกๆ โอกาสที่เข้ามาหาเรา เวลามีอะไรดีๆ เข้ามาในชีวิตเราก็อยากจะจับทุกอย่างไว้ให้หมดเลย แต่ความเป็นจริงก็ต้องเลือกอยู่ดีว่าต้องเลือกโอกาสใด” แม้แต่การได้เป็นตัวประกอบ ผู้ชายคนนี้ก็ยังรู้สึกภูมิใจ “ผมภูมิใจมาก และผมก็ไม่เคยคิดว่าเราจะได้มาไกลขนาดนี้ ตอนนั้นผมคิดแค่ว่าทำงานได้เงินก็ดีแล้ว วันละ 400 – 500 บาท ก็ยังได้เยอะกว่าคนที่ต้องทำงานตากแดดอยู่แถวบ้าน เราเข้ามากรุงเทพฯ ได้เข้ามาทำเราก็ดีใจ แต่สุดท้ายชีวิตเปลี่ยนแบบก้าวกระโดดไปเลย แต่การก้าวกระโดดของผมไม่ได้กระโดดจาก 400 ไปเป็นหลักหมื่นหลักแสนนะครับ แต่เราค่อยๆพัฒนาตัวเอง ถีบตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ พยายามหางานให้เพิ่มมากขึ้น อัปเกรดตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ จนมาถึงทุกวันนี้

เป็นคนเอาจริงเอาจัง

อย่างที่เจ้าตัวบอก ภายนอกเขาเป็นคนที่ดูเหมือนไม่ค่อยสนใจอะไรมากนัก แต่สำหรับเรื่องของงานแล้ว เขาถือเป็นคนที่เอาจริงเอาจังกับการทำงานมากที่สุดคนหนึ่งทีเดียว “ผมเป็นคนจริงจังมากเวลาทำงาน แล้วก็จริงจังกับชีวิตพอสมควรเลย เวลาใครมองเห็นผมภายนอก อาจจะรู้สึกเหมือนผมชิลล์ๆ เพราะเราเป็นคนที่เคยเครียดมาก่อน แล้วรู้สึกว่าความเครียดไม่ดีต่อสุขภาพ เราก็เคลียร์เรื่องเครียดออกไปแล้วก็ชิลล์ๆ ไปก่อนดีกว่า แต่ถามว่าจริงจังกับทุกอย่างไหม จริงจังกับทุกอย่างเลยครับ เพราะวันนี้ผมเป็นเสาหลักของบ้าน เราต้องรู้ทุกอย่าง ต้องดูแลทุกคน ทั้งคุณย่า ทั้งปี และตัวของเราอีกด้วย รวมถึงอนาคตของเราอีก” หนุ่มแจมยังบอกถึงเป้าหมายในชีวิตอย่างแรกที่เขาอยากทำ “ใกล้ๆ นี้ผมอยากจะสร้างบ้านให้คุณย่าก่อน แล้วก็ผ่อนรถของตัวเองให้เสร็จ แล้วก็จะเริ่มทำธุรกิจของตัวเองครับ”

ความสุขและนิยามความรัก

ชายหนุ่มเจ้าของฉายาในละคร “นักฆ่าหน้าหล่อ” ยังพูดถึงความสุขของเขาด้วยว่า “แรกๆ ผมก็ยังคิดไม่ออกนะครับว่าความสุขของผมคืออะไร แต่พอผมทำงานไปเรื่อยๆ ก็เริ่มรู้แล้วว่าเวลาเราเห็นผลงานที่ออกไปให้คนดูแล้วคนดูชอบ ก็จะรู้สึกว่านั่นคือสิ่งที่สมบูรณ์แล้ว มีความสุขมาก อารมณ์จะคล้ายๆ ตอนที่ผมสอบได้ครูเหมือนกัน และหากผมสอนนักเรียนผมก็คงมีความสุขมากเวลาที่นักเรียนแต่ละคนสอบได้ เรียกว่าเป็นปลายทางที่เราเห็นผลสำเร็จของสิ่งที่เราทำ”

เมื่อถามถึงเรื่องของความรัก หนุ่มแจมยกตัวอย่างนิยามความรักของ “จิว” นักฆ่าหน้าหล่อว่า “นิยามความรักของจิวก็คือ ‘เทียน’ เพราะเขาทำทุกอย่างเพื่อเทียนจริงๆ แล้วตัวของจิวเองก็เป็นคนที่รักแบบดิบๆ แต่เขาก็รักเทียนมาก ทุกอย่างที่เขาให้แม้ต้องถวายชีวิตให้เขาก็ยอมทำ” แต่ถ้าถามถึงหนุ่มแจมเอง “รักของผมคือการดูแลและเอาใจใส่ ความรักมีหลายแบบครับ ทั้งถ่ายทอดทางคำพูด ทางด้านการกระทำ การสนับสนุน ผมจะเป็นฝ่ายสนับสนุนโดยที่เขาไม่รู้ตัวมากกว่าครับ ผมจะชอบสนับสนุนโดยที่เขาไม่รู้ตัวว่าเรามอบให้ แต่เรามอบให้เขาไปหมดเลย สักวันหนึ่งถ้าเขาลองมองย้อนกลับมา เขาก็จะเห็นเองว่าวันนั้นเราดูแลเขาดีขนาดไหนครับ” หนุ่มแจม-รชตะ หัมพานนท์ ทิ้งท้ายการพูดคุยกันที่นิยามความรักของตัวเอง

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.