ความอบอุ่นใดๆ ในโลก คงไม่มีอะไรเสมอเหมือนความอบอุ่นของแม่ที่มีต่อลูก เพราะความอบอุ่นของแม่ ไม่เพียงทำให้รู้สึกปลอดภัยและสบายใจเท่านั้น ทว่ายังเป็นความอบอุ่นที่ช่วยจุดประกายความฝันของลูกๆ ให้เกิดขึ้นจริง
คุณเอ๋-สุดาญา เกษมวุฒิรัช ประธานกรรมการบริษัท เอส.เอส.โอ อินดัสตรีส์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายและส่งออกอะไหล่รถ และเครื่องจักรกลทางการเกษตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาจเรียกได้ว่าเป็นคุณแม่ที่ให้ความรักและความอบอุ่นกับลูกสาว 2 คนอย่างสม่ำเสมอ และมีวิธีการเลี้ยงลูกในแบบฉบับของคุณแม่ที่เป็นนักธุรกิจ “ก็มีลูกสาวอยู่ 2 คนค่ะ คือน้องใบพลู-ธพิมส์สิญา (ลูกสาวคนโต) และน้องลูกไม้-ปาณิพา (ลูกสาวคนเล็ก) ซึ่งทั้ง 2 คนมีนิสัยที่แตกต่างกัน รวมถึงยังชอบ และทำอะไรที่แตกต่างกันไปด้วยค่ะ” คุณแม่เอ๋เล่าว่า น้องใบพลู ลูกสาวคนโต มักมีนิสัยที่ค่อนไปทางผู้ชายเยอะ ส่วนน้องลูกไม้ก็จะเป็นคนที่ค่อนข้างเรียบร้อยและอ่อนหวาน
สอนลูกด้วยความรักของแม่
“ด้วยนิสัยที่แตกต่างกัน ทำให้เราในฐานะแม่ก็ต้องพยายามมองหาวิธีการเลี้ยง และดูแลพวกเขาให้แตกต่างกันไปด้วย อย่างตัวของน้องใบพลูที่ดูห้าวเหมือนเด็กผู้ชาย แม่ก็จะคอยพยายามสอนให้เขามีความอ่อนหวาน และสอนความเป็นผู้หญิงให้น้องเขามากขึ้น ขณะที่ลูกสาวคนเล็ก แม้จะมีกริยามารยาทที่เรียบร้อยอยู่แล้ว เราก็จะสอนลูกสาวคนนี้ในอีกสไตล์ที่แตกต่างไปจากลูกสาวคนโตค่ะ แต่ทั้งนี้สิ่งที่เราสอนเขาไปนั้น ก็ต้องสอดรับกับตัวของแม่อย่างเราด้วยเหมือนกัน เหมือนกับให้เป็นไปในแนวทางเดียวกับเรา”
นอกจากการอบรมเรื่องต่างๆ ตามแบบฉบับของผู้หญิงแล้ว คุณแม่เอ๋ยังให้การสนับสนุนลูกๆ ทั้งสองคนอย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องของการเรียนและการแสดงออกในความสามารถพิเศษ “ในสมัยก่อนตอนที่พี่เป็นลูก เราก็จะเห็นคุณพ่อคุณแม่ของเราต่างก็ต้องทำงานอย่างหนัก ดิ้นรนต่อสู้ในการทำมาหากินเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว ทำให้ตอนนั้นเราต้องพยายามดิ้นรนและพัฒนาตัวเอง จัดหาและทำอะไรเองมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียนหรืออาชีพ และพอมาถึงวันนี้ วันที่เราเป็นแม่ของลูก ตัวเราที่มีอาชีพการงานที่มั่นคง เราก็จะพยายามให้การสนับสนุนลูกทุกคน และมอบสิ่งดีๆ ให้กับเขาทุกอย่างตามที่เขาต้องการ”
สนับสนุนพรสวรรค์ของลูก
แม้แต่เรื่องของการค้นหาพรสวรรค์ของลูก ๆ คุณแม่เอ๋ก็พร้อมที่จะสนับสนุนอย่างสุดความสามารถ “เรื่องของพรสวรรค์ในตัวลูก ก็เป็นส่วนหนึ่งที่แม่อย่างเราต้องคอยสังเกตค่ะ เมื่อเรารู้แล้วว่าลูกเราพอจะมีพรสวรรค์ทางด้านไหน ก็จะช่วยผลักดัน และเป็นกำลังใจให้กับพวกเขาได้ทำในสิ่งที่พวกเขารักและชอบที่สุด อย่างน้องใบพลูเขาชอบแข่งรถ เราก็จะพยายามหาข้อมูลและหาสถานที่ฝึกซ้อมขับรถให้กับลูกได้ลองทำอย่างดีที่สุด ก็ห่วงลูกนะคะ แต่ก็ต้องให้เขาลองทำก่อน แต่ในเวลาเดียวกันก็จะพยายามมองหาความสามารถพิเศษอื่นๆ ให้ลูกด้วย เช่น การเป็นนางแบบ ซึ่งก็ลองให้ลูกทำด้วยเหมือนกัน ส่วนสุดท้ายแล้วเขาจะชอบหรือไม่ค่อยว่ากันอีกทีค่ะ”
ไม่ใช่แค่น้องใบพลูเท่านั้นที่คุณแม่เอ๋ทุ่มสุดกำลังกับการช่วยลูกให้พบเส้นทางฝัน “ส่วนน้องลูกไม้ ก็ให้เขาได้มีโอกาสค้นหาความฝัน และพรสวรรค์ในตัวเองเหมือนกัน และก็เหมือนว่าเขาจะทำได้ดีด้วย โดยเฉพาะการขี่ม้า ซึ่งเมื่อ 3 ปีที่แล้วได้มีโอกาสไปแข่งขันขี่ม้ากระโดดข้ามเครื่องกีดขวางที่ต่างประเทศ จนได้รางวัลที่ 1 ในการแข่งขัน SEA Asia Championship 2019 และล่าสุดรางวัล Rising Star Award จากการแข่งขัน FEI World Championship Category B 2021 ค่ะ” คุณแม่เอ๋เล่าถึงความสำเร็จของลูก ๆ พร้อมกับเผยรอยยิ้มที่อบอุ่นของความเป็นคุณแม่ที่ภูมิใจในตัวลูกๆ ออกมาให้เห็น
“จริงๆ เราเองก็ฝันอยากให้ลูกทั้งสองมาสานต่อและดูแลกิจการที่เราสร้างขึ้นมาด้วยมือ แต่ก็มองว่าเขาคงไม่ชอบ เลยต้องปล่อยให้เขาได้ไปทำในสิ่งที่เขาฝันและเขารักก่อน ให้เขาได้เดินตามความฝันของเขา ได้รู้จักตัวตนของเขาจริงๆ แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยมาว่ากันเรื่องของอนาคตต่อไปค่ะ”
คุณแม่เอ๋ยังบอกด้วยว่า แม้ตัวของคุณแม่จะสนับสนุนให้ลูกมีพรสวรรค์ แต่สิ่งที่เธอย้ำหนักหนาและบอกลูกๆ เสมอก็คือ การไม่ทิ้งเรื่องของการเรียน “แม่เป็นคนหนึ่งค่ะที่วางแผนอนาคตการเรียนให้กับลูก อยากให้พวกเขาจบปริญญาโท หรือหากอยากเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น แม่คนนี้ก็พร้อมที่จะสนับสนุนลูกเสมอ นี่เป็นอีกเป้าหมายที่วางไว้ให้กับลูกค่ะ”
นิยามความเป็นแม่
สำหรับนิยามของความเป็น “แม่” ในแบบฉบับของคุณสุดาญา เกษมวุฒิรัชแล้ว เธอก็คงไม่ได้ต่างอะไรไปจากคุณแม่ทั่วไป “คือการเป็นแม่ ถึงแม้จะรู้สึกเหนื่อยบ้างกับการดูแลลูก ๆ แต่ก็ทำให้เรามีความสุขค่ะ อยากเป็นแม่ที่ทำอะไรที่ดีที่สุดให้กับลูกทั้งสองคน และไม่เคยคาดหวังอะไรจากตัวของลูก แค่เราเห็นสิ่งที่ลูกคิด และทำในสิ่งที่ถูกต้องก็รู้สึกพอใจ และหากเขาประสบความสำเร็จกับสิ่งที่เขาทำ เราในฐานะของคนเป็นแม่ก็รู้สึกภูมิใจค่ะ” คุณแม่เอ๋บอกด้วยว่าไม่ใช่ตัวเธอเท่านั้นที่ดูแลลูกอย่างเต็มที่ คุณพ่อของลูกทั้งสองก็มีส่วนสำคัญในการผลักดันสิ่งที่ลูกๆ ทำ
“คุณพ่อของลูกๆ ก็จะทำงานเป็นส่วนใหญ่ค่ะ แต่หากมีเวลาก็จะไปรับส่งลูกที่โรงเรียนและมหาวิทยาลัย หรือบางครั้งก็จะพาลูกไปแข่งขี่ม้า ส่วนตัวของคุณแม่เองก็คล้ายๆ กัน ตอนเข้าอาจจะต้องรีบไปทำงาน แต่พอตอนเย็นก็จะกลับมาบ้านมาทำนั่นทำนี่ให้ลูก พอก่อนเข้านอนก็จะเข้าไปนั่งคุยกับลูกๆ ถามไถ่ว่าเขาไปเจออะไรมาในแต่ละวัน มีความอึดอัดใจอะไรบ้าง ถ้าลูกมีปัญหาอะไรก็จะบอกให้เราฟัง แล้วเราก็จะเป็นคนช่วยอธิบายว่าสิ่งที่เกิดขึ้น และสิ่งที่เขาคิดอยู่นั้นผิดหรือถูก รวมถึงค่อยๆ แก้ไขกับปัญหาที่เกิดจะทำแบบนี้ก่อนนอนอย่างน้อย 1 ชั่วโมงค่ะ” คุณแม่เอ๋ อธิบายพร้อมบอกว่า “ครอบครัวของเราวันนี้ไม่ได้มีแค่ความรักให้กันเท่านั้น แต่ยังมีความสุขและความฝันที่จะได้เห็นลูกๆ เติบโต และเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิตตามแบบฉบับที่พวกเขาเป็น
มุมมองลูก ที่มีต่อคุณแม่
มาให้ลูก ๆ เล่าถึงคุณแม่เอ้ในมุมมองของพวกเขากันบ้าง เริ่มจาก น้องใบพลู-ธพิมส์สิ่ญา เกษมวุฒิรัช ดีกรีนักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งมีมุมมองต่อคุณแม่ของน้องว่าแม่เป็นคนเก่ง และสู้ชีวิตมาก “แม่เป็นเหมือนไอดอลของหนู ทำให้หนูอยากทำงานเก่ง และหาเงินเก่งเหมือนกับคุณแม่ค่ะ ในเวลาเดียวกัน คุณแม่ก็ยังเป็นเหมือนเซฟโซนให้กับหนู และเป็นที่ปรึกษาที่ดีที่สุด เพราะเวลาหนูมีปัญหาอะไร คุณแม่ก็จะคอยเป็นคนแก้ปัญหาให้” แต่วิธีการแก้ปัญหาของคุณแม่เอ๋ในมุมของลูกสาวคนโต อาจดูไม่เข้าข้างลูก “แต่หนูมองว่าเป็นสิ่งดีค่ะ บางครั้งปัญหาอาจเกิดจากตัวของเราเอง คุณแม่ก็จะให้เรามองมาที่ตัวของเราเองก่อนว่าเราควรแก้ไขจุดใดบ้าง แล้วค่อยๆ ไล่ไปถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้เราเข้าใจต้นสายปลายเหตุของปัญหาที่ชัดเจน” น้องใบพลูบอกด้วยว่าวิธีการของคุณแม่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนโตเป็นผู้ใหญ่ และยังทำให้เธอเข้าใจสิ่งต่างๆ รอบตัว “ถ้าคุณแม่แก้ปัญหาโดยวิธีเข้าข้างหนู อาจทำให้หนูเป็นเด็กนิสัยเสียก็ได้ ที่สำคัญอาจทำให้เราไม่มีเพื่อนเลยก็ได้”
น้องใบพลูบอกถึงวิธีการบอกรักคุณแม่ของเธอให้ฟังด้วยว่า “หนูรู้ค่ะว่าบางครั้งหนูก็ดื้อ แต่หนูก็รักและแคร์แม่มากค่ะ ซึ่งวันนี้หนูกำลังพยายามทำตามความฝันของหนูและคุณแม่ ที่เราสองคนกำลังทำด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการก้าวเข้าสู่วงการนางแบบ หรือการเข้าประกวดบนเวทีนางงาม ตรงนี้หนูตั้งใจและอยากสร้างความภูมิใจให้กับคุณแม่ค่ะ” แม่เป็นคนเก่ง และแข็งแกร่ง
เช่นเดียวกับน้องลูกไม้-ปาณิพา เกษมวุฒิรัช เล่าถึงคุณแม่ในมุมมองของตัวเองด้วยว่า คุณแม่เป็นเหมือนพื้นที่ซึ่งเธอสามารถบอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างได้หมด “ถ้ามีปัญหาอะไร ไม่ว่าจะเป็นการเรียนหรือเพื่อนๆ คุณแม่ก็จะช่วยให้กำลังใจเราเสมอ หรือหากทำคะแนนสอบได้ไม่ดี คุณแม่ก็จะปลอบและให้เราตั้งใจทำใหม่ให้ดีที่สุดค่ะ” น้องลูกไม้บอกด้วยว่าคุณแม่ของเธอเป็นคนเก่ง และมีความเข้มแข็งในตัวเอง “หนูอยากเก่งเหมือนคุณแม่ค่ะ ซึ่งภาพของคุณแม่ตอนทำงานที่หนูเห็นค่อนข้างดูเครียดค่ะ แต่พอมาอยู่กับหนูและพี่ใบพลู คุณแม่ก็มักจะเล่นอะไรตลกๆ ให้ดู เหมือนคุณแม่อยากให้พวกหนูมีความสุขค่ะ”
สำหรับวิธีบอกรักคุณแม่ในแบบของน้องลูกไม้ เธอเล่าว่าก็มักจะเข้าไปกอดคุณแม่ และบอกรักคุณแม่เสมอ “แม่เป็นทุกอย่างของหนูค่ะ แม่รู้ว่าหนูมีความฝัน หรืออยากทำอะไร โดยเฉพาะความฝันการเป็นทูตต่างประเทศ คุณแม่ก็จะสนับสนุนหนูในทุกด้าน เพื่อให้ก้าวไปถึงความฝันนั้นๆ แต่วันนี้หนูขอทำความฝันของการเป็นนักขี่ม้าก่อนค่ะ ด้วยการพยายามฝึกซ้อมอย่างหนัก เผื่อสักวันหนึ่งเราอาจจะได้ติดทีมชาติ เพื่อไปแข่งขันกีฬาระดับประเทศและระดับโลก ซึ่งนั่นจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้คุณแม่ของหนูภูมิใจค่ะ” น้องลูกไม้เล่าด้วยว่า เธอและพี่สาวรักคุณแม่เอ๋-สุดาญา เกษมวุฒิรัช มากที่สุด และจะทำความฝันทั้งหมดนั้นให้เป็นจริง เพื่อความสุขและความภาคภูมิใจของแม่อันเป็นที่รัก
ด้วยความรักและความเข้าใจ ทำให้วันนี้ บ้าน “เกษมวุฒิรัช” หอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นอายของความรัก และความอบอุ่นตลอดเวลา…