เรียกได้ว่าเป็นทายาทรุ่นที่ 4 ของบุญรอดบริวเวอรี่ ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก จากบรรดาแวดวงธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ หลังจากที่ล่าสุด “ภูริต ภิรมย์ภักดี” ได้รับการแต่งตั้งให้ก้าวขึ้นเป็น “กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ ที่เปรียบเสมือน “แม่ทัพ” ที่ต้องนำพาองค์กรเก่าแก่แห่งนี้ ไปสู่เป้าหมายต่างๆ ตามที่วางไว้
เต้-ภูริต ภิรมย์ภักดี นอกจากจะมีตำแหน่งเป็นถึง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด แล้ว เขายังเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด อีกด้วย ด้วยบทบาทหน้าที่ เขายังต้องดูแลธุรกิจของบริษัทในเครืออีกมากกว่า 159 แห่ง ที่ถือว่ามีความซับซ้อนค่อนข้างมาก และจำเป็นที่เขาต้องศึกษารายละเอียดของแต่ละธุรกิจไปพร้อมกัน
“การตัดสินใจต่างๆ จำเป็นต้องใช้การวิเคราะห์ข้อมูลมาประกอบมากขึ้น จะใช้เพียงสัญชาตญาณอย่างเดียวไม่ได้อีกแล้ว”
การปรับตัวโดยเน้นไปที่ความรวดเร็วและความยืดหยุ่น เป็นอีกหนึ่งแนวทางการบริหารที่ “เต้-ภูริต” มองว่าเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญ ซึ่งแนวทางเหล่านี้เกิดขึ้นต่อเนื่องหลังจากที่ต้องเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 โดยแม่ทัพใหญ่คนใหม่ของสิงห์ยอมรับว่าแต่ก่อนมีการทำแผนธุรกิจแบบรายปีและรายเดือน แต่วันนี้มีการปรับตัวมาเป็นการทำแผนธุรกิจแบบรายสัปดาห์ เพื่อให้ทันเกมของตลาดในภาคธุรกิจอยู่ตลอด พร้อมกับเพิ่มความหลากหลายของสินค้า และช่องทางการจำหน่าย “โควิดทำให้รู้ว่าธุรกิจต้องเร็ว และเราจะมามองแต่ช่องทางแบบเดิมๆ ไม่ได้แล้ว เมื่อมีช่องทางไหนที่ไปได้ เราก็ต้องไป” กรรมการผู้จัดการใหญ่แห่งบุญรอดบริวเวอรี่ เปิดใจหลังแถลงข่าวการรับตำแหน่งใหม่ พร้อมบอกด้วยว่าการตัดสินใจต่างๆ จำเป็นต้องใช้การวิเคราะท์ข้อมูลมาประกอบมากขึ้น จะใช่เพียงสัญชาตญาณอย่างเดียวไม่ได้อีกแล้ว
วันนี้ “เต้- ภูริต ภิรมย์ภักดี” จึงเป็นอีกหนึ่งผู้บริหารของบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ ที่จะนำพาให้องค์กรที่มีอายุยืนยาวมาถึง 80 ปีแห่งนี้ ให้แข็งแกร่งและเติบโตต่อไป และยังอาจเรียกได้ว่าเป็นแม่ทัพของธุรกิจที่น่าจับตามองอีกคนหนึ่งทีเดียว
