ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้รายงานผลการนับคะแนนทั่วประเทศ ( 81%) ในส่วนของคะแนนบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล มาเป็นอันดับ 1 ด้วย 10,364,478 คะแนน ตามด้วยอันดับที่ 2 พรรคเพื่อไทย 8,142,317 คะแนน อันดับที่ 3 พรรครวมไทยสร้างชาติ 3,411,633 คะแนน และอันดับที่ 4 พรรคภูมิใจไทย 830,457 คะแนน
สำหรับบัตรการเลือกตั้งที่นับได้แล้วมียอดรวมดังนี้ แบบแบ่งเขต 12,694,807 ใบ เป็นบัตรดี 12,014,334 ใบ บัตรเสีย 358,911 ใบ และไม่ลงคะแนน 321,562 ใบ ส่วนบัญชีรายชื่อ 8,839,482 ใบ เป็นบัตรดี 8,461,551 ใบ บัตรเสีย 250,924 ใบ และไม่ลงคะแนน 127,007 ใบ
อย่างไรก็ตาม จากการผลประกาศคะแนนการเลือกตั้งส.ส. เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา คะแนนของพรรคก้าวไกลได้ชัยชนะอย่างถล่มทลาย กวาดคะแนนเสียงทั่วประเทศอย่างท่วมท้น โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ สามารถชนะส.ส. ฐานเสียงเก่าได้เกือบทุกเขต ทั้งๆ ที่ส่วนใหญ่ก็ส่งส.ส.หน้าใหม่ลงเลือกตั้ง ขณะที่พื้นที่ในต่างจังหวัดในภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออก พรรคก้าวไกลก็ยึดพืนที่ครองจนกลายเป็นพื้นที่สีส้มทั้งหมด
จากผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการในขณะนี้ พรรคก้าวไกลได้ที่นั่งทั้งสิ้น 151 ที่นั่ง เพื่อไทยเป็นอันดับ 2 ที่ 141 ที่นั่ง อันดับ 3 ได้แก่ พรรคภูมิใจไทยได้ 70 ที่นั่ง พรรคพลังประชารัฐอันดับที่ 4 ได้ 40 ที่นั่ง พรรครวมไทยสร้างชาติอันดับ 5 36 ที่นั่ง และพรรคประชาธิปัตย์อันดับที่ 6 ได้ 25 ที่นั่ง
ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค พท. และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ยอมรับว่า ผิดหวังที่เพื่อไทยได้คะแนนเสียงไม่เป็นไปตามเป้า โดยเฉพาะการพลาดพื้นที่ฐานเสียงเดิมในพื้นที่กรุงเทพฯ รู้สึกเสียใจ และแปลกใจนิดหน่อย ส่วนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังไม่ได้ต่อสายมามาคุยเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งต้องขอคุยกับฝ่ายประชาธิปไตยที่ร่วมอุดมการณ์ด้วยกันมาก่อน
สำหรับสูตรการจัดตั้งรัฐบาลนั้น นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า ได้เตรียมทาบทามพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมร่วมจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งประกอบด้วยอย่างน้อย 5 พรรคการเมือง ได้แก่ ก้าวไกล (151) เพื่อไทย (141) ประชาชาติ (9) ไทยสร้างไทย (6) เสรีรวมไทย (1) รวม 308 เสียง
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งผ่านไลน์ของพรรค เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อการเลือกตั้ง แต่ยืนยันว่าจะยังให้การสนับสนุนพรรคต่อไป
ทั้งนี้ เนื่องจากพื้นที่ในเขต กทม. และภาคใต้นั้น เคยมีส่วนที่เป็นพื้นที่ของพรรคประชาธิปัตย์ แต่กลับเสียให้กับก้าวไกล และเพื่อไทย จนทำให้พรรคมาเป็นอันดับ 6 และมีที่นั่งเหลือเพียง 26 ที่นั่ง เท่านั้น ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ใช่แค่คุณจุรินทร์ และคุณเศรษฐา จะผิดหวังกับผลคะแนนที่ต้องพ่ายแพ้กับกระแสความมาแรงของพรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่ส.ส.ที่มีฐานเสียงเก่าในหลายพื้นที่หลายๆ จังหวัด ไม่ว่าจะเป็นสมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ชลบุรี ต่างก็ต้องผิดหวังที่ต้องเสียที่นั่งให้กับก้าวไกลทั้งสิ้น ซึ่งคาดว่า หลังจากที่มีการนับคะแนน และประกาศผลอย่างเป็นทางการ เราก็จะได้เห็นการจับขั้วรัฐบาล และแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในเร็วๆ นี้ อย่างแน่นอน
