“หม่อมราชวงศ์วรปภา จักรพันธุ์” เรื่องราวความทรงจำในวังเก่า

0
10137

เรื่องราวในอดีต ไม่เพียงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นและผ่านไป หรือบางคนอาจจะหลงลืมไปแล้ว ทว่าเรื่องราวเหล่านั้นยังมีความทรงจำดีๆ ที่แฝงด้วยความสุข และความภูมิใจมากพอที่จะหยิบออกมาเล่าให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้ฟัง เพื่อนำเอาส่วนดีๆ เหล่านั้นไปเป็นข้อคิด และแนวทางในการดำเนินชีวิตของตัวเอง

หม่อมราชวงศ์วรปภา จักรพันธุ์ ธิดาในหม่อมเจ้าสมานมิตร จักรพันธุ์ ปนัดดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าจาตุรณต์รัศมี กรมพระจักพรรดิพงษ์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อาจเรียกว่าเป็นบุคคลหนึ่งที่ยังมีความทรงจำกับเรื่องราวในอดีต เมื่อครั้งที่อยู่ในรั้ววังดินสอ “ด้วยวันนี้ตัวของเราเองก็อายุ 72 ปีแล้ว แต่ถึงแม้จะดูสูงวัย แต่หัวใจก็ยังวัยรุ่นอยู่” คุณหญิงเริ่มต้นการพูดคุยด้วยการเรียกเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่จะเล่าถึงแนวคิดบวกนี้ว่ามาจากเมื่อครั้งสมัยเด็กที่เคยอยู่ในรั้ววังมาก่อน

ภาพทรงจำ ในวังดินสอ
“จำได้ว่าสมัยเด็กๆ เราอยู่ในวังดินสอ แต่ก็มีโอกาสไปเที่ยววังแต่ละวังของเจ้านายสมัยนั้นอยู่เสมอ ส่วนใหญ่มักเป็นการตามเสด็จท่านย่า (พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้ารำไพประภา) เพราะตัวของคุณหญิงเป็นหลานของท่าน และท่านทรงมีพระเมตตานำเรามาชุบเลี้ยงอยู่ที่วัง หลังจากที่ท่านพ่อได้สิ้นชีพิตักษัย” และนั่นก็เป็นจุดเริ่มตันที่ทำให้คุณหญิงในสมัยเด็ก ได้พบกับความประทับใจมากมาย โดยเฉพาะเรื่องของอาหาร

เรื่องอาหารและขนม เรียกว่าเป็นเรื่องแรกๆ ของความทรงจำอันน่าประทับใจตั้งแต่เด็ก มาจนถึงเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งไม่มีทางลืมได้แน่นอน “เรียกว่าสมัยนั้นขนมและอาหารของแต่ละวังก็จะมีจุดเด่นและความอร่อยแตกต่างกันไป ถ้าเป็นเรื่องของขนม ต้องยอมรับว่าลูกชุบของวังสมเด็จย่าวาปี (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวาปีบุษบากร) พระธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรียกว่ามีชื่อเสียงที่สุด” คุณหญิงเล่าถึงจุดเด่นของลูกชุบวังวาริชเวสม์ ว่ามีความประณีตในการทำมาก ทั้งการปั้นและการชุบสีมีความละเอียด และให้ความรู้สึกเหมือนเป็นผลไม้จริงๆ แต่มีขนาดย่อส่วนลงมา

ข้าวแช่ชาววัง ที่ยังอร่อยไม่รู้หาย
เช่นเดียวกับข้าวแช่ของวังดินสอ ซึ่งเป็นวังที่ ม.ร.ว. วรปภา จักรพันธุ์ อาศัยอยู่กับพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้ารำไพประภา ก็เรียกว่ามีชื่อเสียงไม่แพ้กัน “ท่านย่า ตามศักดิ์แล้วท่านเป็นสมเด็จอาของท่านพ่อ และท่านก็เป็นพระธิดาในสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช หรือที่คนทั่วไปในสมัยนั้นเรียกสมเด็จวังบูรพา ก็จะมีข้าหลวงที่เป็นต้นเครื่องในวัง ซึ่งจำได้ว่าชื่อคุณยายเมี้ยนเป็นคนที่ดูแลอาหาร ซึ่งตอนนั้นเราที่ยังเป็นเด็ก ก็มีโอกาสได้เข้าไปช่วยคุณยายเมี้ยนได้เห็นอาหารนานาชนิด และยังได้ชิมอาหารอร่อยๆ หลายเมนู เลยรู้สึกประทับใจเรื่องของอาหารในวังมาตั้งแต่เด็ก”

“เจ้านายสมัยก่อน มักจะส่งลูกหลานให้ไปอยู่ในวังต่างๆ ด้วยจุดประสงค์เพื่อให้ลูกหลาน ไม่เพียงแค่มีความรู้เท่านั้น แต่ยังได้เรียนรู้ขนบธรรมเนียมและประเพณีต่างๆ”

สำหรับกิจกรรมที่เด็กๆ สมัยนั้นมักทำกัน คุณหญิงเล่าว่าวังดินสออยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าไร เดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว ทำให้เดินไปกลับได้อย่างสบาย พอกลับมาถึงวัง ถ้าเป็นเด็กผู้ชายก็มักจะไปเล่นขี่จักรยาน หรือว่ายน้ำเล่นในบริเวณวัง บางครั้งก็ไปตัดก้านกล้วยมาทำเป็นปืน หรือม้าก้านกล้วยขี่และวิ่งเล่นรอบวัง “ส่วนผู้หญิงอย่างเราบางครั้งก็จะเข้าไปในท้องครัวเพื่อช่วยคุณยายเมี้ยนแกะมะม่วงเป็นใบไม้บ้าง เป็นดอกไม้บ้าง หรือไปนั่งดูผู้ใหญ่ทำอาหาร”

คุณหญิงรำพึงว่ารู้สึกเสียดายที่สมัยนั้นท่านเรียนหนัก “เพราะตอนนั้นเราอยู่ชั้นมัธยมสาธิตประสานมิตร และเป็นช่วงที่เรียนหนักมาก ทำให้ไม่ได้มีเวลาที่จะมาเรียนรู้วิชาทำอาหารจากคนเก่าคนแก่มากนัก ซึ่งพอมาถึงปัจจุบันก็ยังนึกเสียดายที่เราไม่ได้เรียนวิชาการทำอาหาร ยิ่งนึกย้อนกลับไปก็ยิ่งเสียดาย”

ความสนุกของเด็กชาววังเก่า
เรื่องราวในวัง นอกจากจะมีความประทับใจในเรื่องของอาหารแล้ว การได้ไปเข้าเฝ้าเจ้านายตามวังต่าง ๆ ยังถือเป็นอีกความชอบของเด็กๆ ในรั้ววังสมัยนั้นเช่นกัน

“อย่างที่บอกไปตั้งแต่ตันค่ะว่าเรา มักมีโอกาสตามเสด็จท่านย่าไปตามวังต่าง ๆ ก็เลยได้เข้าเฝ้า และรับเสด็จเจ้านายชั้นผู้ใหญ่หลายครั้ง บางครั้งมีงานเลี้ยงวันประสูติของเจ้านาย ก็จะมีการออกร้าน มีการนำอาหารมาจัดเลี้ยงกันอย่างคึกคัก เจ้านายผู้ใหญ่ก็จะประทับอยู่ทางหนึ่ง ส่วนเด็กๆ อย่างพวกเราก็มักจะวิ่งเล่นกันตามประสากับเพื่อนๆ ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน และก็มักจะไปเอาอาหารมานั่งรับประทานกัน สนุกกันแบบเด็กๆ”

คุณหญิงบอกว่าทั้งหมดนั้น เป็นความทรงจำในสมัยวัยเด็ก ที่เมื่อนึกขึ้นมาครั้งใดก็จะทำให้รู้สึกมีกำลังใจที่จะมีชีวิตเพื่อตัวเอง เพื่อคนรอบข้าง และเพื่อเด็ก ๆ อยู่เสมอ “เจ้านายสมัยก่อนมักจะส่งลูกหลานให้ไปอยู่ในวังต่างๆ ด้วยจุดประสงค์เพื่อให้ลูกหลาน ไม่เพียงแค่มีความรู้เท่านั้น แต่ยังได้เรียนรู้ขนบธรรมเนียมและประเพณีต่างๆ ที่สำคัญๆขณะที่ท่านย่าของเราเอง ก็มักจะทรงสอนลูกหลานอยู่เสมอ โดยเฉพาะการไม่ดูถูกคน และไม่ทำตัวยิ่งใหญ่กว่าใคร ซึ่งนั่นก็ทำให้ตัวของเราเองมีนิสัยติดดิน และไม่ค่อยบอกใครว่าตัวของเราเป็นใคร ไปเที่ยวแบบธรรมดานี่ล่ะ”

กุศโลบายของท่านย่า
อีกสิ่งหนึ่งที่คุณหญิงเล่าว่าติดมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กคือการอ่านหนังสือ “จำได้ว่าตอนเด็กๆ ท่านย่ามักจะมอบหน้าที่ทำความสะอาดและดูแลห้องสมุดให้เราทำ พอเวลาเข้าไปทำความสะอาด หยิบหนังสือออกมาปัดฝุ่น เราก็จะเปิดอ่านบ้าง เพราะในห้องสมุดของท่านย่าที่วังมีหนังสืออยู่หลายเล่ม ทำให้ตัวเราชอบอ่านหนังสือ และก็นำความรู้จากหนังสือเหล่านี้มาพัฒนาตัวเอง หรือบางครั้งก็นำไปใช้เป็นข้อมูลสำหรับการทำงานก็มี”

แม้ว่าเวลาจะผ่านล่วงเลยมานาน และกลายเป็นความทรงจำไปแล้ว ทว่าสำหรับ ม.ร.ว. วรปภา จักรพันธุ์ กลับรู้สึกภูมิใจกับเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมา แม้ว่าวันนี้จะกลายเป็นภาพความทรงจำแล้วก็ตาม แต่ทั้งหมดในเรื่องราวเหล่านั้นยังมีข้อคิดอะไรหลายๆ อย่างแฝงอยู่ที่เชื่อว่าหากใครได้เรียนรู้ก็จะได้นำแง่มุมความคิดดีๆ ของคนในอดีตมาใช้พัฒนาตัวเอง และประเทศชาติต่อไป

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.