Max Mara เปิดตัวคอลเลคชั่น Resort 2026 ที่อดีตพระราชวัง

0
64

ปี 1951 Max Mara เริ่มก่อตั้งขึ้น และเป็นปีเดียวกับที่ Ruth Orkin ได้ถ่ายภาพ ‘American Girl in Italy’ ในตอนนั้นการที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะมั่นใจในตัวเอง เป็นอิสระ และเดินทางเพียงลำพังบนถนนหนทางของ เมืองฟลอเรนซ์โรม และ เนเปิลส์ หรือเมืองอื่น ๆ ในอิตาลี ถือเป็นภาพที่สะดุดตาและน่าจดจำ 75 ปีผ่านไป เธอได้ก้าวเดินมาไกล และ Max Mara ก็อยู่เคียงข้างเธอในทุกย่างก้าว 

ปี 1951 เป็นช่วงกลางของการฟื้นฟูอันยิ่งใหญ่ของอิตาลีหลังสงคราม Achille Maramotti รู้ดีว่ากระแสกำลัง เปลี่ยนไปเมื่อเขากล่าวว่าเขาต้องการแต่งตัวให้กับ “ภรรยาของหมอและทนายในท้องถิ่น” เพราะเขาเชื่อว่า ผู้หญิงเหล่านี้คือกลุ่มที่จะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงระดับโลก ในกรุงโรม เหล่านักออกแบบเสื้อผ้าชั้นสูงต่าง แย่งชิงความสนใจจากบรรดาขุนนางและเจ้าหญิง ขณะที่ในเมืองเรจจิโอ เอมิเลีย Maramotti มุ่งมั่นกับการ สร้างสรรค์เสื้อผ้าที่ดูดี ใช้งานได้จริง และมีราคาที่จับต้องได้สำหรับกลุ่มชนชั้นใหม่ที่กำลังมั่งคั่งขึ้นเรื่อย ๆ 

หญิงสาวผู้แสนเย้ายวนจากทางใต้ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ทางเพศ และแม่บ้านผู้ประหยัดมัธยัสถ์จากทางเหนือที่ ขยันขันแข็ง อาจดูเหมือนเป็นขั้วตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง แต่ทั้งสองกลุ่มต่างขับเคลื่อนด้วยอุดมคติเดียวกัน นั่น คือ ‘bella figura’ (ภาพลักษณ์ที่ดีงาม) ชาวอิตาเลียนที่ทำให้ทั้งโลกทึ่ง ซึ่งไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม พวกเขาทำ ได้ดีกว่า และดูดีกว่า อย่างการประชุมระดับโลกที่เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ หรือการเที่ยวพักผ่อนบน ชายหาดในงานปาร์ตี้ของวัยรุ่น พวกเขาทำสิ่งเหล่านั้นด้วยการผสมผสานระหว่างความสง่างามอย่างไร้ข้อจำกัด และเสน่ห์อันเร่าร้อนจนกลายเป็นสัญลักษณ์ของสไตล์อิตาเลียน 

ภาพยนตร์อิตาเลียนเป็นตัวแพร่กระจายสไตล์นี้ออกไป ไม่ว่าจะเป็น ‘Napoli Milionaria’ ของ De Filippo, ‘L’Oro di Napoli’ ของ De Sica หรือ ‘Riso Amaro’ ของ De Santis — ล้วนถ่ายทอดพลังชีวิตอันไม่ย่อ ท้อของหญิงสาวอิตาเลียน Silvana Mangano และ Sophia Loren — นาโปลีในปี 1951 ชวนให้นึกถึงหญิง สาวที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ เย้ายวน ร้อนแรง เดินสะโพกพลิ้วไหวเคียงข้างเด็กหนุ่มขี้เล่นแต่งตัวเนี้ยบมีเสน่ห์ใน เนเปิลส์หรือที่เรียกกันว่า Scugnizzo ต่อมา E. Marinella แบรนด์เนกไทชื่อดังจากเนเปิลส์ที่เป็นสัญลักษณ์ แห่งความสง่างาม การร่วมมือกับ Max Mara ในครั้งนี้ได้นำลวดลาย cravatte (เนกไท) ที่ออกแบบไว้ตั้งแต่ปี 1951 มาสร้างสรรค์ใหม่ จนกลายเป็นชุดนอนผ้าไหมที่งดงามเกินกว่าจะใส่นอน และลายปักขนาดใหญ่บนเสื้อ แคชเมียร์Chiattillo ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้เรียกหนุ่มเนเปิลส์ผู้มีรสนิยม และภูมิใจในภาพลักษณ์ของตัวเอง — สวม 

เสื้อเชิ้ตลายลายทางสีชมพูฟ้าคอปก แขนสีขาวสะอาด หมวกเฟโดราทรงเอนแบบมีลูกเล่น และแจ็กเก็ตน้ำหนัก เบาที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Sarto Napoletano (ช่างตัดเย็บเสื้อผ้าแบบเนเปิลส์) ในอีกด้านที่ตัดกับความ หรูหราแบบดั้งเดิม คือ กางเกงขาสั้นพับขอบอันโด่งดังแบบที่มานญาโนเคยทำให้ในภาพยนตร์ Riso Amaro กระโปรงบานทรงกลมพร้อมกระเป๋าทรงเม็ดยานูนเด่น เสื้อคอปกพอร์เทรต บราเกาะอกเข้าชุด และเดรสสายเดี่ยวสุดคลาสสิก

คอลเลคชั่นนี้โดดเด่นด้วยโค้ตทรงคลาสสิกที่ไม่มีวันตกยุค ไม่ว่าจะเป็นแบบคาดเข็มขัด ปกคลุมไหล่ คอกรวย หรือแต่งชายรุ่ย ซึ่งดูดีและไม่เชย เมื่อก้าวสู่ช่วงกลางคืนก็มีเดรสเกาะอกที่ตัดเย็บจากผ้าแพนโนเนื้อแน่น ประดับด้วยคริสตัลระยิบระยับ มีโครงเสริมด้านในที่ทำจากผ้าไหมบาง ๆ โผล่ออกมาตรงช่วงอก ดีไซน์เรียบ ง่ายแต่ดูโดดเด่นแบบอิตาเลียนแท้ ๆ เน้นทั้งความสวยและความมั่นใจ จึงไม่แปลกใจที่ Max Mara จะเป็นที่รู้จักทั่วโลก 

ลุคเหล่านี้ถูกเติมเต็มด้วยกระเป๋าในตำนาน Whitney Bag ในรูปแบบใหม่และผ้าพันคอผ้าไหมที่มีความ ประณีตมากขึ้น โดยจะมี Whitney Bag รุ่นใหม่สุดพิเศษ 4 แบบ และผ้าพันคอคลาสสิก 5 แบบวางจำหน่าย ตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายนเป็นต้นไปที่เว็บไซต์ maxmara.com 

แบรนด์ยักษ์ใหญ่แห่งอิตาลีเตรียมจัดแสดงหนึ่งในความมหัศจรรย์ของประเทศ La Reggia di Caserta อดีต พระราชวังบาร็อกชั้นยอด เมื่อก้าวลงมาสู่บันไดหินอ่อนที่ตกแต่งอย่างตระการตาจะพบกับการเปิดตัว Max Mara คอลเลคชั่นใหม่ ที่บอกเล่าเรื่องราวความภาคภูมิใจ ความหลงใหล และพลังของเมืองปาร์เทโนเป้ Viva Venere Vesuviana! 

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.