THE 50 INFLUENTIAL PEOPLE 2023 “คนข่าว” อัตลักษณ์ แห่งความเป็นตัวตน “หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” พิธีกรรายการโหนกระแส

0
659

หากเอ่ยชื่อของ “หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” ในอดีตเมื่อกว่า 30 ปีที่ผ่านมา อาจจะนึกถึงภาพของความเป็นนักแสดงรูปหล่อ ที่มีความสามารถด้านการแสดงในหลายบทบาท แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนมาถึงวันนี้ เขาคนนี้อาจเรียกได้ว่า เป็นพิธีกรแถวหน้าของวงการข่าวที่มีแบบฉบับ และมีความเป็นตัวตนที่ไม่ซ้ำใคร

หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย นักแสดงและพิธีกรชื่อดัง จากรายการโหนกระแส เล่าให้ฟังถึงการเข้าสู่วงการข่าว จนมีชื่อเสียงอย่างทุกวันนี้ว่า วันนี้เขาอยู่ในวงการบันเทิงมาแล้วกว่า 30 ปี “ส่วนการทำงานในรายการโหนกระแส ก็ทำมาแล้ว 6 ปี ขณะที่ก่อนหน้านี้เคยมีทำรายการอื่นๆ มาก่อน เช่น รายการปากโป้ง บอกเล่าเก้าสิบ และเมืองไทยวาไรตี้ ซึ่งก็จะมีลักษณะคล้ายรายการข่าว แต่เป็นรายการข่าวที่ไม่ได้เน้นความเป็นข่าวแบบจริงจังมากนัก”

ส่วนการปรับตัวจากการเป็นนักแสดงมาเป็นพิธีกรข่าวหนุ่ม-กรรชัย เล่าว่า จริงๆ ก็ไม่ได้ปรับตัวอะไรเลย แค่ได้ เข้ามาทำข่าวในช่วงที่ยุคสมัยเปลี่ยนพอดี “การทำข่าวในยุคนี้ต่างจากอดีตค่อนข้างมาก เรามีเรื่องของการเล่าข่าวที่สนุกสนานมากขึ้น พร้อมกับการแสดงความคิดเห็นต่างๆ แต่ก็ยังอยู่ในกรอบ รวมถึงมีเรื่องโซเชียลเข้ามาสอดแทรกด้วย ซึ่งก็เรียกตรงกับจริตของเราพอดี เลยแทบไม่รู้สึกว่า ต้องปรับเปลี่ยนอะไรในตัวเอง”

หนุ่ม-กรรชัยบอกด้วยว่า การเป็นนักแสดงของเขา ยังถือเป็นเรื่องดีที่ถูกนำมาปรับใช้ในการทำงานด้านข่าว “ผมถือว่าเป็นเรื่องดีนะ เพราะตอนที่เราสัมภาษณ์แขก รับเชิญ ทำให้แขกรับเชิญไม่รู้สึกเกร็ง ขณะเดียวกัน ความเป็น นักแสดงของเรายังมีส่วนช่วยละลายพฤติกรรมของแขก รับเชิญ ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด และตอบประเด็นคำถามต่างๆ อย่างเป็นกันเอง” เรื่องดราม่าเป็นอีกเรื่องที่พิธีกรคนดังต้องเผชิญอยู่ตลอดเวลา แต่เขาก็ไม่ได้นำมาใส่ใจมากนัก “ผมว่าไม่ใช่เรื่องแปลกนะที่คนมาจากสายงานบันเทิง เล่นละคร และพิธีกร จะมาเป็นคนทำงานด้านข่าว ซึ่งบางคนอาจจะบอกว่า ไม่เหมาะสม ไม่ควร เพราะอาจดูขัดๆ กับรายการที่ทำ แต่สำหรับผมแล้ว คำพูดเหล่านั้นอย่างน้อยก็ทำให้ผมหยิบยกเอามาเป็นแรงบันดาลใจในการทำงานได้ดี จะว่าไปแล้ว ช่วงแรกๆ ผมก็รู้สึกนอยด์เหมือนกัน แต่พอหลังๆ ก็จะเริ่มคิดบวกมากขึ้น เพราะเราก็ต้องเข้าใจว่าจะให้คนทุกมารักเราหมดมันเป็นไปไม่ได้ หรือจะให้เกลียดเราทั้งหมดก็ไม่ใช่ ซึ่งในแต่ละการทำงาน เราเองก็ต้องเจอทั้งคนชอบ และคนไม่ชอบ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าตัวของเราจะเลือกเอาสิ่งใดมาเป็นแรง ผลักดันให้เราก้าวเดินต่อไปในอาชีพที่ทำอยู่” เช่นเดียวกับการทำรายการโหนกระแส บางครั้งพิธีกรชื่อดังอาจต้องเจอกับคำตอบที่แรงกลับมา เมื่อมีการตั้งคำถามออกไป “สิ่งแรกที่ผมทำก็คือ จะไม่ฝืนใส่เมื่อแขกรับเชิญในรายการใช้คำพูดแรงๆ ตอบกลับประเด็นคำถามที่เราถามไป เราในฐานะพิธีกร ไม่จำเป็นต้องเอาชนะแขกรับเชิญด้วยการตอบโต้ด้วยคำพูดแรงๆ กลับไปเหมือนเขา เพราะการกระทำแบบนั้น ผมมองว่าไม่ถูกต้อง เพราะบางครั้งประเด็นที่เราถามไป อาจจะไปกระทบกับใจ หรือไปกดดันแขกรับเชิญก็ได้ ดังนั้นเขาก็มีสิทธิ์ที่จะโมโหเรา หรือตอบกลับอะไรมาแบบแรงๆ ซึ่งเราเองก็ต้องรับคำตอบนั้นๆ ให้ได้ และยอมรับกับสิ่งที่แขกรับเชิญตอบกลับมา”

หนุ่ม-กรรชัยบอกว่า ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องธรรมดา การทำรายการฮาร์ดทอล์ก ก็ต้องยอมรับให้ได้อย่างหนึ่งว่า “เป็นไปไม่ได้ที่จะให้สิ่งที่เราทำนั้นถูกใจทุกคน” พิธีกรชื่อดังยกตัวอย่างด้วยว่า ในหนึ่งรายการอาจมีมุมมองถึง 2 มุมมอง ซึ่งมุมมองหนึ่งคือได้ประโยชน์ กับอีกมุมหนึ่งคือเสียประโยชน์ บางครั้งเราทำงานบนความถูกต้อง แต่นั่นก็ไม่ใช่ว่าจะต้องถูกใจคนดูทุกคนเสมอไป แต่สำหรับผมแล้ว ตัวเราย่อมรู้ตัวดีว่าสิ่ง ที่ทุกคนมองและเข้าข้างนั้น เป็นสิ่งที่เขาทำผิด เราก็แค่อยากจะชี้ให้ เห็นว่าการกระทำเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง แต่คนดูอาจจะรับไม่ได้ ก็เลยทำให้มีกระแสกลับมาค่อนข้างแรง โดยเฉพาะการบอกว่าเราไม่เป็น กลาง แต่จริงๆ แล้วผมอยากจะบอกว่าที่ไม่เป็นกลาง ก็อาจจะไม่ได้ไปอยู่ในกลางใจคุณมากกว่า”

“ผมอาจจะไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเองดีที่สุด แต่ในบางครั้งเราก็ต้องมอง และให้ความเป็นธรรมกับอีกฝ่ายเหมือนกัน สำหรับวิธีรับมือเมื่อถูกกระแสตีกลับ ผมก็ไม่ต้องทำอะไรมากครับ แค่คิดบวก และมองว่าคนที่เขาว่าเรา หรือด่าเรา เขาก็คงจะมีความคาดหวังกับสิ่งที่เราทำมากแค่นั้น ว่าทำไมเราไม่ทำอย่างนั้น ทำอย่างนี้”

เมื่อถามถึงการมองภาพของตัวเองในอนาคต หรืออยากทำรายการอะไรอีกในอนาคต ซึ่งพิธีกรชื่อดัง ก็ยอมรับว่า เขาอยากทำงานแบบนี้ไปเรื่อยๆ “ผมอยากทำรายการที่ช่วยเหลือคน หรือเป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชนที่กำลังเดือดร้อน ถึงแม้ว่าวันหนึ่ง ผมอาจจะแก่หรืออยากพักผ่อนแล้ว เราก็อยากหาคนอื่นมาแทน” ส่วนเรื่องของเป้าหมายความสำเร็จ หนุ่ม-กรรชัยบอกคล้ายๆ เดิมว่า คือการเป็นกระบอกเสียงให้กับคนได้มาพูดหรือมาบอกเล่าความทุกข์ยาก หรือสิ่งที่ตัวเองกำลังเผชิญ เพราะโลกปัจจุบันนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปเยอะเหลือเกิน “ผมภูมิใจนะ ที่เราได้มีส่วนช่วยเหลือคนหลายๆ คนให้ได้รับความเป็นธรรม และได้รับในสิ่งที่เขาควรจะได้รับ และผมก็อาจจะไม่ได้เป็นคนที่รู้เรื่องของการทำงานในด้านการเป็นนักข่าวเท่าไรนัก แต่เรามีบริบทของความเป็นมนุษย์ และมีจริยธรรมของความเป็นมนุษย์ ดังนั้นการเป็นสื่อของผม ผมจึงตั้งใจที่จะใช้โอกาสที่ได้รับจากการเป็นสื่อ มาเป็นสะพาน มาเป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงเพื่อช่วยเหลือคน ไม่ใช่แค่การนั่งอ่านข่าวไปวันๆ”

ส่วนแนวคิดในการทำงาน สิ่งหนึ่งที่พิธีกร คนดังเน้นมากที่สุดก็คือ การทำงานที่ต้องมีความต่างจากคนอื่นออกไป และไม่ลอกเลียนแบบ “เพราะผมถือคติที่ว่า การทำรายการอะไรสักหนึ่งรายการ เราจะต้องไม่เหมือนคนอื่น ซึ่งโหนกระแสก็เป็นรายการหนึ่งที่มีความเป็นเอกเทศ และทุกอย่างก็ถอดแบบออกมาจากตัวของผมเอง ซึ่งจริงๆ แล้ว ผมเป็นคนที่กวนๆ ทำให้เวลามีคำถามอะไรออกไปก็จะดูไม่เหมือนใคร และผมก็มักพูดอยู่เสมอว่าเราไม่สามารถเป็นเหมือนใครได้ นอกจากเป็นตัวเอง เพราะแต่ละคน ก็มีคาแรกเตอร์ของตัวเอง หากเราไปก๊อบปี้คนอื่น เราก็จะไม่มีวัน และไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จในการทำงานได้เลย ด้วยเหตุนี้ หากเราอยากประสบความสำเร็จในการทำงานอะไรก็ตาม เราจะต้องค้นหาตัวเองให้เจอให้ได้ แล้วความสำเร็จก็จะตามมาอย่างแน่นอน” อย่างไรก็ดี หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย ในฐานะพิธีกรรายการโหน กระแส ยังเน้นย้ำในช่วงท้ายของการพูดคุยด้วยว่า วันนี้เขารู้สึกพอใจ ในสิ่งที่เขาทำ “ผมรู้สึกพอใจในมุมที่ผมเป็นแบบนี้มานานแล้ว และเป็นคนที่พอใจในสิ่งที่ทำอยู่เสมอ เราไม่ต้องไปแข่งขันกับใคร เราแค่เอาชนะ ตัวของเราเอง ค้นหาตัวเองให้เจอ และทำในสิ่งที่ทำอยู่ในวันนี้ให้ดีที่สุด และเมื่อวันนี้ดีแล้ว วันต่อไปก็ต้องทำให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วยเช่นกัน”

ถือเป็นอีกหนึ่งพิธีกรคุณภาพ ที่ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด และนี่ก็คือ “หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย”

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.