นักธุรกิจสาวสวย คุณบีม-สิริกร ภัทร์คงสิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สิริธนาทรัพย์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายส่งและขายปลีกผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิง และเจ้าของสถานีน้ำมันในแบรนด์ สิริธนาทรัพย์ ได้ควงแขนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนสุดเลิฟ น้องแจ็คกี้-คณินภณ ภัทร์คงสิน MANAGING DIRECTOR บริษัท สิริธนาทรัพย์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ที่เข้ามาช่วยคุณแม่บริหารบริษัทในวัยเพียง 24 ปีเท่านั้น แม้ที่ผ่านมาแจ็คกี้จะไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่วันนี้เมื่อแจ็คกี้ได้กลับมาเมืองไทย สิ่งแรกที่เขาอยากลงมือทำก็คือได้เข้ามาช่วยงาน และสานต่อธุรกิจให้คุณแม่ รวมทั้งยังมีเส้นทางความฝันที่อยากลงมือทำให้เป็นจริงในอนาคต
Howe : ตอนนี้แจ็คกี้เรียนที่ไหน ทำอะไรอยู่บ้าง
คุณแจ็คกี้ : ตอนนี้ผมเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแสตมฟอร์ด สาขาบริหารธุรกิจ ส่วนเสาร์อาทิตย์จะไปเรียนแพทย์แผนไทย (ก) ที่มหาวิทยาลัยรังสิต แล้วก็ช่วยงานที่บริษัท เรียนรู้เรื่องสต็อก ราคาซื้อ-ขาย และการดูแลพนักงานครับ ตอนแรกก็กดดันนิดหนึ่งครับ แต่พยายามเรียนรู้จากคุณแม่ ทั้งเรื่องราคา เรื่องการต่อรองมาทำงานกับคุณแม่ก็รู้สึกดีครับ เพราะได้มาช่วยแบ่งเบางานจากท่าน และได้เรียนรู้ธุรกิจของคุณแม่ที่ท่านสร้างมากับมือ
คุณบีม : ดีใจที่ลูกชายเข้ามาช่วยงานค่ะ แจ็คกี้น่ารักมาก เป็นที่สุดของชีวิต บีมว่าการทำงานหลายอย่างเขาเก่งกว่าบีม เพราะแจ็คกี้เป็นคนรอบคอบ แต่บีมจะเป็นแนวบู๊ๆ ใจร้อน สายแม่ค้า (หัวเราะ) แต่ลูกชายเขาจะนิ่งๆ แนวนักธุรกิจ บางเรื่องเขาก็จะบอกเรา อันนี้ควรเป็นแบบนี้นะ ส่วนงานไหนที่เขายังไม่มีประสบการณ์ บีมก็จะคอยสอนว่าต้องทำแบบไหน หนึ่งปีที่ผ่านมาได้ ลูกช่วยคือเบาแรงลงไปมาก สิ่งที่เขาทำให้เรามันเกินความคาดหมายไปไกลมาก เพราะทุกอย่างเขาเริ่มต้นจากศูนย์ ภูมิใจมากค่ะ
คุณแจ็คกี้ : ผมไปเรียนที่นิวซีแลนด์และออสเตรเลีย 12 ปี กลับมาก็เจองานใหญ่ในวิกฤติของบริษัท ถ้าถามว่าชอบงานที่ทำไหม ก็รู้สึกชอบขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเป็นงานที่ท้าทายความสามารถ พอได้เรียนรู้งานก็เริ่มมั่นใจว่าผมทำได้ พอทำไปก็เริ่มสนุก ตอนแรกผมอยากเป็นสถาปนิกครับ พอกลับมาไทยคุณแม่ไม่มีใครช่วยงาน ผมก็เลยตัดสินใจเรียนด้านบริหาร ผมเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่ง (หัวเราะ) ก็พยายามอยู่ครับ
คุณบีม : แจ็คกี้ชอบกังวลว่าจะทำงานไม่ดีเท่าแม่ เพราะทุกอย่างที่แม่สร้างมาคือดีอยู่แล้ว แต่บีมจะบอกกับลูกทุกครั้งว่าทุกคนมีคาแรกเตอร์เป็นของตัวเองลูกก็ทำได้ดีในแบบที่ลูกเป็น คุณแม่ก็ทำได้ดีในแบบที่คุณแม่เป็น แต่เราสามารถเติมเต็มให้กันและกัน ทำให้บริษัทก้าวไปข้างหน้าได้ดี แจ็คกี้ทำงานดีค่ะ แต่ชอบกังวลว่าตัวเองทำงานไม่ดีพอ การที่ลูกเข้ามาศึกษาวางระบบให้บริษัทก็ช่วยให้ทำงานง่ายขึ้น ซึ่งช่วยบริษัทได้มากค่ะ
Howe : คุณแม่ดุไหม
คุณแจ็คกี้ : ส่วนใหญ่ก็ใจดีนะครับ แต่ถ้าคุณแม่ไม่พูดอะไร แบบนี้ก็รู้ว่าจะโดนดุละนะ ก็เตรียมตัวรับมือ หอมแก้มคุณแม่ไว้ก่อนครับ (หัวเราะ)
คุณบีม : บีมไม่ค่อยดุลูกค่ะ เพราะลูกไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่เล็ก แต่ก็คุยกันตลอด บีมเลี้ยงลูกแบบเป็นเพื่อนกันมากกว่า เราสามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง แต่ลูกก็ต้องเคารพในคำว่าแม่ สิ่งเดียวที่ขอกับลูกก็คืออย่าโกหกกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามโกหกกัน ปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้ อีกเรื่องที่ห้ามเด็ดขาดก็คือ “ไม่ให้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด” เมื่อก่อนห่วงและหวงเขามาก แต่มาถึงวันนี้ สำหรับลูกก็มีแต่คำว่า “ภูมิใจค่ะ”
Howe : แจ็คกี้มีอะไรห่วงคุณแม่บ้างไหม
คุณแจ็คกี้ : คงเป็นเรื่องสุขภาพครับ อยากให้คุณแม่พักผ่อนและดูแลสุขภาพ สิบกว่าปีที่ผ่านมา คุณแม่ลุยงานหนักมาก ซึ่งนี่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจกลับเมืองไทย เพราะอยากให้คุณแม่ได้พักบ้าง จริงๆ ผมชอบใช้ชีวิตที่ต่างประเทศมากกว่า แต่พอมาอยู่เมืองไทยก็เริ่มชอบที่นี่ นอกจากธุรกิจของคุณแม่ ในอนาคตผมอยากทำธุรกิจเกี่ยวกับสมุนไพรไทย และทำบ้านพักผู้สูงอายุแบบ Health Care ซึ่งเป็นบ้านที่อยู่ในสวนที่เป็นธรรมชาติ ส่วนตอนนี้อยากทำโปรเจกต์เล็กๆ ในการส่งเสริมทำการเกษตรพอเพียงที่บริษัท ให้พนักงานปลูกข้าว ปลูกผัก เลี้ยงเปิด เลี้ยงไก่ แล้วให้พนักงานสามารถนำกลับไปทานที่บ้านครับ
“ตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา คุณแม่ลุยงานหนักมาก ทำให้ผมตัดสินใจกลับเมืองไทย เพราะอยากให้คุณแม่ได้พัก จริงๆ ผมชอบใช้ชีวิตที่ต่างประเทศมากกว่า พอกลับมาอยู่เมืองไทยสักพักก็เริ่มจะชอบที่นี่”
Howe : คุณบีมมีอะไรห่วงแจ็กกี้บ้างไหม
คุณบีม : ก็ห่วงทุกอย่างค่ะ (หัวเราะ) ต้องใช้คำว่าหวง และห่วง ความเป็นแม่คือห่วงลูกอยู่แล้ว ส่วนใหญ่จะห่วงเรื่องขับรถกับสุขภาพ เพราะลูกเรียนและช่วยทำงาน อยากให้พัก และไม่อยากให้กดดันตัวเอง บีมอยากให้เขาเรียนรู้เรื่อง “คน” แบบไหนควรคบ แบบไหนควรอยู่ห่างๆ ส่วนเรื่องคบสาวๆ ก็ห่วงเป็นพิเศษ ก็จะเตือนมากหน่อย แต่ก็จะปล่อยให้เขาเลือกและเรียนรู้ด้วยตัวเขาเอง
Howe : แจ็กกี้ยังไม่มีเรื่องสาวๆ ให้แม่เป็นห่วงใช่ไหม
คุณแจ็คกี้ : (หัวเราะ)
คุณบีม : ยังอีกนานค่ะ (หัวเราะ) แต่บีมเชื่อมั่นว่าลูกจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิต เพราะเราก็ปูพื้นฐานไว้ให้เขา ชีวิตคู่คือชะตาฟ้าลิขิต บีมก็คงทำได้แค่มองอยู่ห่างๆ ลูกอยู่กับใครแล้วมีความสุข บีมก็มีความสุข ถ้าเขารักใครบีมก็ต้องรักด้วย ดีใจที่ลูกไว้ใจ บีมไม่มีเวลาเลี้ยงลูกเพราะทำแต่งาน เขาเติบโตมากับคุณยาย คุณครูที่ รร. ภ.ป.ร และพ่อแม่บุญธรรมที่นิวซีแลนด์ บีมจะสอนลูกเรื่องบุญคุณและความกตัญญู เพราะทุกคนก็ดูแลลูกเป็นอย่างดี ที่ผ่านมาบีมเคยผ่านวิกฤตชีวิต กว่าจะประสบความสำเร็จก็ลำบากมามาก ล้มหลายครั้งแต่ก็ลุกขึ้นสู้ สิ่งที่เป็นกำลังใจให้เดินหน้าต่อไปได้ก็คือ ลูก แค่ได้ยินคำพูดว่าผมจะอยู่เคียงข้างกับคุณแม่เสมอ และเราจะสู้ไปด้วยกัน นี่คือกำลังใจที่ดีที่สุดสำหรับบีม (น้ำตาริ้น) ลูกเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตบีมจริงๆค่ะ
Howe : แจ็คกี้มีอะไรอยากบอกคุณแม่ไหมคะ
คุณแจ็คกี้ : สิบกว่าปีที่ผมไม่ได้อยู่กับคุณแม่ เรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาที่คุณแม่ต้องสู้… (น้ำตาคลอ) มาคนเดียว ตั้งแต่วันนี้คุณแม่จะมีผมอยู่เคียงข้างตลอดไปครับ เราจะสู้ไปด้วยกัน เชื่อมั่นในตัวผม และผมจะรักษาและพัฒนาสิ่งที่คุณแม่สร้างมาให้ดีที่สุดครับ ผมสัญญาครับ