“กณิการ์-ปรางสินี-ปวรดา วีรวรรณ” ความฝัน กำลังใจ และความมุ่งมั่น

0
5912

เราได้มีโอกาสพูดคุยกับลูกสาว 2 คน คือ คุณปราง-ปรางสินี คุณปาว-ปวรดา และภรรยาคุณบอย-ถกลเกียรติ วีรววรณ คุณปริม กณิการ์ เกี่ยวกับการเลี้ยงดูและการใช้ชีวิตของสาวๆ บ้านวีรวรรณ ซึ่งการเป็นลูกและภรรยาของคุณบอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทุกการกระทำย่อมเป็นที่จับตามอง และอาจโดนวิพากษ์วิจารณ์ แม้จะกดดันแต่นั่นก็ไม่ได้กีดขวางทางเดินเข้าสู่วงการบันเทิง เพราะทั้งคุณปรางและคุณปาวบอกกับเราว่า การเป็นลูกพ่อทำให้ต้องมีความพยายาม และมุ่งมั่นมาก ยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า ขณะที่ในความเป็นแม่ของคุณปริมก็คอยสนับสนุนและให้กำลังใจ และยืนยันว่าทุกความสำเร็จของลูกๆ คือความยากลำบากที่เด็กๆต้องฝ้าฟันซึ่งแม่ก็ทำได้แค่เป็นที่ปรึกษา และเป็นกำลังใจ ยืนมองลูกๆ ค่อยๆ ก้าวไปบนหนทางสู่ความสำเร็จ

คุณปริม : ตั้งแต่ปรางกับปาวเกิด ปริมจะดูแลลูกเองค่ะ ยอมรับว่าเป็นคนใส่ใจ ดูแลลูกมาก จะไม่เคยละเลยลูก ๆ เลย สองคนพี่น้องเขาไม่ใช่เด็กดื้อ เพราะคุยกันด้วยเหตุผลรู้เรื่อง แต่ถ้าอะไรไม่ถูกต้องก็จะต้องดุบ้าง แต่ดุแบบมีเหตุผล บ้านเราจะตามใจบางเรื่อง แต่บางเรื่องก็ไม่ตามใจ

คุณปราง : โดยรวม ๆ แม่จะดุมากกว่าพ่อค่ะ เพราะแม่ดูแลเราทุกเรื่อง ก็จะมีเรื่องดุเยอะหน่อย แต่พ่อจะดูเฉพาะเรื่องใหญ่ๆ ก็เลยจะโดนดุน้อยกว่า เราสอง
คนก็จะมีดื้อบ้าง แต่ดื้อคนละแบบ

คุณปาว : อย่างปาวก็จะดื้อเรื่อยๆ จะกวนๆ หน่อย ถ้าแม่บอกว่าให้ทำอะไรก็จะต้องมีอะไรนิดหนึ่ง…แต่ก็ทำตามนะคะ แต่พี่ปรางเขาจะดื้อแบบใหญ่ๆ มาทีเดียวแบบ…ฮืมมมม

คุณปราง : ปกติก็จะไม่ค่อยดื้อค่ะ เพราะที่บ้านก็จะคุยอย่างมีเหตุผล พ่อกับแม่ก็จะไม่ได้เลี้ยงลูกตามใจนะคะ มีอะไรก็ต้องคุยกัน แต่ไม่ได้กำหนดอะไรตายตัว ถ้าเขามองว่าไม่สมควรก็จะไม่ให้ทำ ตอนเด็ก ๆ แม่จะค่อนข้างหวง เพราะกว่าจะได้ไปไหนเองก็เรียนมัธยมแล้ว เพื่อนเรียน ป.5 เขาก็ไปไหนกันเองแล้ว

คุณปริม : เราเป็นห่วงเขา เพราะสังคมเดี๋ยวนี้มันมีแต่เรื่องอันตราย เราพยายามให้เหตุผลกับลูกๆ ว่าทำไมถึงทำไม่ได้คุณปาว : แม่เขาจะมองถึงความเหมาะสมว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ ซึ่งจะเป็นแค่บางเรื่องที่บังคับ แต่เรื่องเรียน เรื่องการใช้ชีวิต ทุกอย่างคือแค่ทำให้เต็มที่แม่จะให้ชีวิตที่ฟรีสไตล์ อยากทำอะไรก็ให้ลองทำ

คุณปราง : ถ้าเลือกที่จะทำแล้วทำไม่เต็มที่แม่ก็จะดุ เพราะเขาอยากให้เราตั้งใจ ผลจะออกมายังไงไม่เป็นไร ขอให้ตั้งใจทำเต็มที่ก่อน แต่สิ่งที่ทำต้องไม่ผิดกฎกติกาของสังคม อย่างตอนที่ปรางกับปาวอยากมาเป็นนักแสดง แม่ก็ไม่ได้ห้ามนะคะ แต่เขาจะห่วงเรื่องสังคมภายนอก กลัวอันตราย กลัวเจอคนไม่ดี ส่วนเรื่องเรียนแม่ก็จะให้รับผิดชอบหน้าที่หลักคือเรื่องเรียนให้เสร็จก่อน

คุณปาว : พอมาเป็นนักแสดงเราก็ต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น ซึ่งในส่วนความรับผิดชอบแม่ไม่ค่อยเป็นห่วง แต่เรื่องส่วนใหญ่จะห่วงเรื่องของการวางตัว

คุณปริม : ชื่อของบอย-ถกลเกียรติ ก็เป็นสิ่งที่ลูกต้องระวังด้วย เพราะถ้าเขาทำอะไรไม่ดี คนเขาก็จะว่าถึงพ่อ การที่ปรางกับป่าวเป็นลูกคุณบอยก็ไม่ได้แปลว่า อยากทำอะไรก็ทำได้ การที่ลูกๆ มาเป็นนักแสดงก็มีคนพูดว่าเขาเป็นเด็กเส้นทั้งๆ ที่สองคนนี้ก็ไปออดิชัน ไปแคสติ้งเหมือนคนอื่น ไม่ได้งาน กลับมาร้องห่มร้องไห้ก็มี ทั้งๆ ก็เป็นละครของค่ายพ่อนั่นแหละ เพราะคุณบอยจะให้อิสระกับผู้กำกับ กับทีมงานเต็มที่ ไม่ต้องเกรงใจ ไม่ได้ก็คือไม่ได้ บางครั้งเรารู้สึกว่าลูกเราเสียโอกาสเพราะจะไปเล่นกับค่ายอื่น ช่องอื่นไม่ได้ ซึ่งต่างจากนักแสดงคนอื่นๆ ที่สำคัญเขาจะถูกคาดหวัง และถูกตัดสินจากคนอื่นก่อน ทั้งๆ ที่ไม่เคยได้อภิสิทธิ์อะไรเลย แต่เราต้องคุยให้ลูกยอมรับในจุดนั้น เวลาเขาจะทำอะไรแม่จะขอให้เขาคิดเยอะๆ ต้องวางตัวดี ๆ และต้องระวังตัวมากกว่าคนอื่นๆ ปรางกับปาวเอาจริงๆ คือดำเนินชีวิตลำบากมากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ แต่แม่ก็ดีใจที่สองคนพิสูจน์ให้เห็นว่าที่เขาได้มาอยู่จุดนี้เพราะความสามารถของเขาจริงๆ

คุณปราง : ทุกวันนี้ปรางก็แค่ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด วางตัวดีๆ คิดเยอะๆ ก่อนจะทำอะไร

คุณปาว : เพราะทุกอย่างมันลบไม่ได้ แรก ๆ ก็กังวลนะคะ กลัวคนว่า กลัวโดนวิจารณ์ แต่เดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้กังวล เพราะเรื่องงานเราก็เต็มที่เกินร้อย ส่วนชีวิตในโลกโซเซียลจะลงอะไร จะโพสต์อะไร จะพูดจาแบบไหนก็ต้องคิดแล้วคิดอีก

คุณปริม : ปรางจะเป็นคนนิ่งๆ ถ้าไม่ที่สุดก็จะไม่พูด ถ้าปาวก็จะมีตอบกลับบ้าง เราก็ไม่เลี้ยงลูกให้กลัวคนอื่น แต่ก็ต้องมีสัมมาคารวะ

“ถ้าเลือกที่จะทำแล้วทำไม่เต็มที่แม่ก็จะดุ เพราะเขาอยากให้เราตั้งใจ ผลจะออกมายังไงไม่เป็นไร ขอให้ตั้งใจทำเต็มที่ก่อน แต่สิ่งที่ทำต้องไม่ผิดกฎกติกาของสังคม”

HOWE : ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วยถือว่าหนักไหม

คุณปราง : ของปรางไม่หนักมาก เพราะมีเวลาค่อนข้างเยอะ แต่ช่วงที่รับละครเวทีก็อาจจะมีนอนดึกบ้าง แต่ก็ยังโอเค

คุณปาว : แต่ของปาวก็ค่อนข้างหนัก เพราะพอขึ้น ม.1 ก็ได้เล่นละครเวทีเรื่องแรก ช่วงแรกยังจัดการตัวเองไม่ค่อยได้ พอขึ้น ม.2 เริ่มมีแฟนจำเข้ามาก็เลยปรับตัวได้มากขึ้น

คุณปริม : สองคนนี้ถือว่าจัดการชีวิตตัวเองได้ค่อนข้างดี แม่ก็ไม่ได้เป็นห่วงมาก

คุณปาว : แม่ก็จะเหมือนผู้ที่คอยสอน เอาประสบการณ์ที่ผ่านมามาสอนเรา แม่จะบอกเหตุผล ไม่ใช่แค่บอกให้เราทำ แต่ทำให้เห็นว่าต้องทำอย่างไร ทุกอย่างที่แม่สอนก็ทำให้เราเห็นด้วย

คุณปราง : พ่อกับแม่จะสอนไปในทิศทางเดียวกัน แต่เขาจะมีจุดประสงค์ต่างกันไป ประสบการณ์คนละแบบ แม่เจอแบบนี้ก็จะสอนแบบนี้ พ่อเจอแบบนี้ก็จะสอนแบบนี้ แล้วมาแชร์กัน

คุณปาว : กฎเหล็กของบ้านคือห้ามมีความลับต่อกัน ปาวเลยค่อนข้างจะสนิทกับแม่มากกว่า เพราะพ่อทำงานดึกก็จะได้คุยได้เจอกับแม่มากกว่า

คุณปราง : ถ้าเรานั่งกินข้าวกันก็คุยได้หมด ไม่ได้มีความลับต่อกัน เรื่องผู้หญิงๆ หน่อยก็คุยกับแม่ อยากได้คำปรึกษาเรื่องงานก็คุยกับพ่อ

HOWE : นอกจากการเป็นนักแสดง ยังอยากทำอะไรอีกบ้าง

คุณปราง : ของปรางก็ยังดูๆ อยู่ ก็อาจจะไปทางธุรกิจมากกว่าการทำโปรดักชันส์ เพราะปรางกำลังจะเรียนเศรษจูศาสตร์ งานแสดงตอนนี้ชอบก็ยังทำไปเรื่อยๆ แต่ในอนาคตก็ยังไม่รู้

คุณปาว : ก็คงทำทางด้านโปรดักซันส์เต็มที่ เพราะปาวเกลียดเลขมาก ตอน ม.4 บอกแม่ว่าจะเรียนศิลป์เยอรมันนะแต่อาจารย์แนะนำให้เรียนศิลป์คำนวณ ทุกคนก็บอกมันไม่ได้แย่ขนาดนั้น ก็เลือกเรียนไป แต่ถามว่าความคิดไม่ชอบเลขหายไปไหม ก็ไม่ (หัวเราะ) แต่ก็ตั้งใจจะเรียนนิเทศค่ะ อยากเขียนบท ถ้ามีโอกาสก็จะเทกคอร์สแอ็กติ้ง อยากเป็นผู้กำกับค่ะ

คุณปราง : การได้ทำงานไปเรียนไปก็ดีนะคะ มันทำให้โตขึ้น มีวุฒิภาวะมากขึ้น เราต้องคิดอะไรมากขึ้น

HOWE : ห่วงอะไรคุณแม่บ้างไหม

คุณปราง : คงเป็นเรื่องที่นอนดึกมาก จริงๆ ห่วงทั้งพ่อ ทั้งแม่ เพราะนอนดึกทั้งคู่เลย กว่าจะนอนก็ตี 2 ตี 3 แม่จะนอนไม่ค่อยหลับ มีเรื่องเครียด เพราะต้องดูแลทุกคนในบ้าน ดูแลพ่อ ดูแลลูก แล้วก็ดูแลหมาอีก 2 ตัว ซึ่งมีตัวหนึ่งดื้อและชนมาก กินของทุกอย่าง เคยกินช็อกโกแลตเข้า ICU ไปเลย ก็เลยอยากให้แม่เครียดน้อยลง

คุณปาว : อยากให้แม่ดูแลสุขภาพ ไม่อยากให้แม่เครียด บางครั้งถ้ามีเรื่องอะไรไม่สำคัญมากก็จะไม่ค่อยบอกแม่ ก็มาคุยกับพี่ปรางแทน แต่ถ้าเรื่องสำคัญก็ต้องเล่าให้แม่ฟัง

HOWE : ชีวิตตอนนี้แฮปปี้ไหม

คุณปราง : ก็ถือว่าแฮปปี้นะคะ เพราะเราได้ผ่านการอ่านหนังสือหนัก ได้เข้ามหาวิทยาลัย เรื่องเพื่อน งาน ก็ถือว่าดี

คุณปาว : ของหนูก็แฮปปี้ประมาณ 50% เป็นเพราะกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย และตัดสินใจว่าจะไปทิศทางไหน และเพิ่งกลับมาจากเรียนออนไลน์ก็ยังปรับตัวไม่ค่อยได้ งานก็กลับมาเยอะขึ้น

คุณปริม : แม่เองก็รู้สึกภูมิใจที่เห็นเขาเติบโตขึ้นอย่างดี มีความรับผิดชอบ ปริมเชื่อว่าแม่ทุกคนอยากให้ลูกใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และหวังว่าทั้งสองคนก็จะมีความสุข และก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและมีความสุขค่ะ

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.