วิจิตรงดงามอย่างร่วมสมัยด้วยกระเป๋าดีไซน์ล่าสุดจากแบรนด์ “พญา” (PHYA) “เดอะ แคนคูน คอลเลกชั่น”

0
1254

เพราะความหลงใหลในแฟชั่นและงานฝีมืออันสมบูรณ์แบบ จิรยง อนุมานราชธน ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์แบรนด์ ‘พญา’ (PHYA) ได้ปลุกกระแสการใช้ผ้าไทยให้กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง

ด้วยการถ่ายทอดไอเดียสดใหม่ผ่านกระเป๋าหนังที่รังสรรค์อย่างมีเอกลักษณ์ด้วยการใช้ผ้าไหมสามตะกอจากจังหวัดขอนแก่น ดินแดนที่ขึ้นชื่อด้านการทอผ้าไหมมัดหมี่ผืนงามด้วยเทคนิคและลวดลายอันวิจิตรบรรจง ถ่ายทอดลงบนกระเป๋าหนังดีไซน์โก้หรูที่ชื่อว่า ‘เดอะ แคนคูน คอลเลกชั่น’ (The Kankoon Collection) โดยในการเปิดตัวครั้งนี้ ‘พญา’ (PHYA) ได้จัดเวิร์คช็อปร่วมกับกูรูแฟชั่นชื่อดัง จงกล พลาฤทธิ์ แฟชั่นไดเร็กเตอร์ นิตยสารโว้ก ประเทศไทย แนะนำเทคนิคการมิกซ์แอนด์แมทช์กระเป๋าลายผ้าไทยใน 4 ลุคเด่น พร้อมด้วยเหล่าเซเลบริตี้ชื่อดัง อาทิ จริยดี สเป็นเซอร์, อภินรา  ศรีกาญจนา, เมลนีย์ อยู่วิทยา และวีรานันท์ สดากรวงศ์วัชร์ มาร่วมเผยเคล็ดลับการเลือกใช้ผ้าไทยในชีวิตประจำวันตามแบบฉบับของตนเองที่ร้าน ‘พญา’ (PHYA) ชั้น 3 ศูนย์การค้าเกษรวิลเลจ

‘พญา’ (PHYA) แบรนด์กระเป๋าหนังและเครื่องประดับดีไซน์คุณภาพ ภายใต้คอนเซ็ปต์ โดดเด่นอย่างมีเอกลักษณ์ (Unique), โก้หรู (Elegance), สุนทรียะ (Aesthetic) และ เหนือกาลเวลา (Timeless) สี่คำที่สามารถบ่งบอกถึงงานดีไซน์ได้เป็นอย่างดี ผ่านการรังสรรค์จากช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญชาวไทยผนวกกับวัสดุชั้นเยี่ยมที่ถูกคัดสรรมาอย่างบรรจง ด้วยเทคนิคการผลิตอันแยบยลตอบสนองความต้องการของหญิงสาวที่ชื่นชอบในความโก้หรูและการใช้งานที่สะดวก เสริมภาพลักษณ์ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ฉลาดและเลือกสรรแต่สิ่งที่ดีที่สุด สมกับเป็นหญิงสาวผู้มีความสง่างามตามแบบฉบับของ ‘พญา’ (PHYA)

จิรยง อนุมานราชธน กล่าวถึงแนวคิดหลักในการออกแบบครั้งนี้ว่า “ด้วยยุคสมัยที่คนเปิดกว้างเรื่องการแต่งตัว และสนุกกับการมิกซ์แอนด์แมทช์มากขึ้น เราจึงนำเสนอสิ่งใหม่ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของงานศิลป์ไทย ประกอบกับได้มีโอกาสเดินทางไปที่จังหวัดขอนแก่น และได้เห็นผลงานการทอผ้าไหมอันประณีตบรรจง ซึ่งเรียกว่าผ้าไหมสามตะกอที่มีเส้นใยการทอแน่นเป็นพิเศษ มีลวดลายสวยงามแปลกตาจึงเกิดไอเดียที่นำผ้าไหมมัดหมี่นี้มาผสานเข้ากับกระเป๋าหนังแบรนด์พญาที่มีดีไซน์โก้หรูอยู่แล้ว สามารถสร้างความแปลกใหม่ที่มีความร่วมสมัยได้เป็นอย่างดี สามารถใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน และยังเป็นการส่งเสริมการใช้ผ้าไทยอีกทางหนึ่ง”

ด้าน จงกล พลาฤทธิ์ ได้แนะนำเทคนิคการมิกซ์แอนด์แมทช์กระเป๋าหนังลายผ้าไทยใน 4 ลุคเด่น พร้อมเคล็ดลับการรักษาว่า   “ผ้าไทยจริงๆ เป็นผ้าที่ใช้ไม่ยาก ถ้าอยากนำมาใช้ก็อาจจะต้องมิกซ์แอนด์แมทช์หน่อยจะได้ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันง่ายๆ เลยก็อาจจะเริ่มต้นจากแอคเซสเซอรี่อย่างกระเป๋าลายผ้าไทย เพราะเป็นไอเท็มที่แมทช์ให้เข้ากับเสื้อผ้าได้ไม่ยาก แต่อาจจะต้องเลือกจากดีไซน์ที่มีความโมเดิร์นและคุณภาพดี สำหรับลุคในชีวิตประจำวัน หรือ Everyday Look ของผู้หญิง ก็เป็นลุคที่ค่อนข้างเบสิก ซึ่งผู้หญิงส่วนใหญ่ก็จะชอบใส่ยีนส์กับเสื้อยืดแล้วก็มีเบลเซอร์คลุมเท่ๆ ลุคนี้เราก็อาจจะแมทช์กับกระเป๋าทรงบ็อกซี่ใบเล็กในโทนสีเข้มที่ลายผ้าไม่ฉูดฉาดมาก เพราะจะได้เข้ากับโทนสีของยีนส์ ถัดมาสำหรับวันทำงาน เสื้อผ้าก็จะต้องมีความคลาสสิกและสง่าขึ้น ฉะนั้นกระเป๋าที่เลือกก็ควรจะเป็นคลัทช์ใบใหญ่หน่อยที่เหมาะกับผู้หญิงทำงาน โดยจะเลือกจากผ้าที่มีโทนสีเข้มและลวดลายที่โมเดิร์นขึ้นเพื่อช่วยเสริมความหรูหราให้ลุค สามารถใช้ได้ทั้งกับลุคทำงานกลางวันจวบจนกระทั่งออกไปสังสรรค์ในยามค่ำคืน ต่อมาเป็นลุคท่องเที่ยวสำหรับผู้หญิงยุคใหม่ที่รักการเดินทาง และต้องการความคล่องตัว ก็ควรเลือกกระเป๋าไซส์เล็กที่สามารถใส่พาสปอร์ต เครื่องสำอางชิ้นเล็กๆ และมือถือได้ก็พอ โดยอาจจะเลือกเป็นทรงคลัทช์ที่ลายผ้ามีความสดใสของโทนสีเพื่อช่วยให้ลุคดูสนุกขึ้น และควรเลือกแบบที่มีสายโซ่สามารถสะพายแล่งได้จะได้ทะมัดทะแมงขณะเดินทาง และสุดท้ายกับลุคสำหรับออกงานกลางคืน หรือ Evening Dress ซึ่งกระเป๋าผ้าไหมเป็นไอเท็มที่เหมาะกับการออกงานสังคมมาก เพราะด้วยสีและลวดลายของผ้าที่มีความหรูหราในตัวอยู่แล้ว ฉะนั้นหากเราใส่เป็นเดรสเรียบๆ แมทช์กับคลัทช์ผ้าไหมมัดหมี่ทอลายก็จะช่วยทำให้ลุคดูสวยเด่นไม่ซ้ำใครอย่างแน่นอน และสำหรับการดูแลรักษาผ้าไหม ก็ให้ระวังเรื่องการเก็บรักษาที่ควรหลีกเลี่ยงจากความชื้น เพราะผ้าที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติ เวลาโดนความชื้นก็อาจจะเสียหายได้ ดังนั้นหลังใช้เสร็จควรเอาใส่ถุงเก็บในที่แห้งและมิดชิด สำหรับคนรุ่นใหม่ก็อยากให้เปิดใจลองใช้ผ้าไทยดูบ้าง เพราะเดี๋ยวนี้ลวดลายของผ้าไทยก็มีความโมเดิร์นขึ้น ซึ่งจริงๆ มันคือเอกลักษณ์ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมของเมืองไทย โดยอาจจะเริ่มจากการใช้ในโอกาสพิเศษ หรือมิกซ์แอนด์แมทช์จากชิ้นเล็กๆ อย่างกระเป๋าก่อน แล้วค่อยปรับไปเป็นเสื้อผ้าก็ได้”

                สำหรับ ‘เดอะ แคนคูน คอลเลกชั่น’ (The Kankoon Collection) ทีมดีไซน์ของ ‘พญา’ (PHYA) ได้ใช้เทคนิคการตัดเย็บขั้นสูง และประณีตในทุกขั้นตอน เพราะเป็นการผสมผสานระหว่างผ้าไหมมัดหมี่ที่นำมาตัดเย็บเข้ากับโครงของกระเป๋าที่ทำจากหนัง ดังนั้น การวางลวดลายและแพทเทิร์นของผ้าจึงต้องใช้ทักษะความเชี่ยวชาญของทีมช่างฝีมือเป็นอย่างมาก เพื่อไม่ให้ผ้าตึงหรือหย่อนจนเกินไป ซึ่งสำหรับรูปทรงของกระเป๋าในคอลเลกชั่นนี้ ‘พญา’ (PHYA) ได้ออกแบบมาเป็น 2 ดีไซน์ด้วยกัน ได้แก่ กระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่สามารถใช้ถือเป็นคลัทช์ได้ พร้อมประดับด้วยสายสะพายโซ่โลหะจากอิตาลี สำหรับหญิงสาวที่ต้องการความทะมัดทะแมงด้วยการสะพายข้างหรือสะพายแล่ง ซึ่งออกแบบมาให้มีทั้งขนาดเล็กและขนาดกลางที่มีพื้นที่จุของได้อย่างครบครัน และอีกหนึ่งรูปทรงนั้นมาในดีไซน์เล็กกะทัดรัดกับกระเป๋าทรงบ็อกซี่อันสง่างามราวกับผลงานสถาปัตยกรรมชั้นสูง ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยการเย็บประกบหนังสองชิ้นเข้าด้วยกัน  เมื่อผสานเข้ากับลวดลายอันวิจิตรของผ้าไทยยิ่งสามารถสะท้อนถึงดีไซน์หรูหราสง่างามได้เป็นอย่างดี ที่นอกจากใช้ถือแล้วทางแบรนด์ยังเพิ่มฟังก์ชั่นประดับสายโซ่สำหรับใช้สะพายได้เช่นกัน

อีกหนึ่งจุดเด่นของผ้าไหมมัดหมี่สามตะกอที่นอกจากความหนาของผ้าแล้วยังมีเทคนิคพิเศษในการทอด้วย โดยเมื่อทำการทอหรือขึ้นกี่แต่ละครั้งก็จะได้ลวดลาย และสีของผ้าแต่ละผืนแตกต่างกันออกไป ซึ่งถึงแม้จะแกะลาย ทำการย้อมสี หรือกระตุกกี่เหมือนเดิม   แต่ลวดลายก็จะออกมาไม่เหมือนเดิม ถือเป็นความพิเศษและลักษณะเฉพาะตัวของผ้าชนิดนี้ ดังนั้นสำหรับคอลเลกชั่นนี้ ‘พญา’ (PHYA) จึงเลือกสรรลายผ้าที่มีความงดงามตามเอกลักษณ์ไทย และยังคงความทันสมัยสามารถมิกซ์แอนด์แมทช์กับทุกลุคได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งประกอบไปด้วย 7 ลายด้วยกัน ได้แก่ เขียวพฤกษา (Emerald), ทองตาล (Amber), ปีกแมงทับ (Sapphire) รวมถึงลายประยุกต์ต่างๆ ได้แก่ กลีบบัว (Lilac), เทาทองแดง (Auburn), แดงหมอก (Tulip) และลายซิกเนเจอร์ประจำคอลเลกชั่น แคนแก่นคูน (KanKaenKoon) ที่ต้องใช้เทคนิคการทอชั้นสูง เพราะเป็นลายที่จะต้องมีองค์ประกอบของลายอื่นๆ รวมอยู่ 7 ลายด้วยกัน ได้แก่ ลายแคน, ดอกคูน, พานบายศรี, ลายขอ, ลายโคม, ลายกง และลายหมากจับ ซึ่งผ้าไหมแคนแก่นคูนยังเป็นผ้าไหมประจำจังหวัดของขอนแก่นอีกด้วย

นอกจากนี้เหล่าเซเลบริตี้สาวที่มาร่วมในงานเวิร์คช็อปต่างก็ได้เผยถึงความชื่นชอบและเสน่ห์ของผ้าไทย และเคล็ดลับการเลือกใช้ผ้าไทยในชีวิตประจำวันตามแบบฉบับของตนเอง เริ่มจากคุณแม่สาวสวย จริยดี สเป็นเซอร์ เผยว่า “เป็นคนชื่นชอบและสะสมผ้าไทยอยู่แล้ว โดยเฉพาะผ้าไหมทอลายที่มีความสวยและเป็นเอกลักษณ์มาก อย่างการทอมือกับทอเครื่องก็จะต่างกัน ถ้าทอเครื่องลายก็จะเนี้ยบเลย แต่ถ้าทอมือจะเห็นรายละเอียดได้ชัดกว่าไม่เนี้ยบมากแต่มีเสน่ห์ ส่วนตัวก็จะชอบผ้าทอมือมากกว่า ส่วนการใช้ผ้าไทยก็จะเลือกตามวาระโอกาสแต่โดยส่วนใหญ่ก็จะใช้เวลาไปออกงานสังคม ซึ่งก็จะใส่ชุดเรียบๆ ไม่เน้นลวดลาย และแมทช์กับกระเป๋าหนังลายผ้าไทย แต่ก็จะเลือกโทนสีที่เหมาะกับเสื้อผ้าเพราะเป็นคนแต่งตัวคุมโทน”

ถัดมาที่สาวเก่ง อภินรา ศรีกาญจนา เล่าว่า “มีโอกาสได้สัมผัสความสวยงามของผ้าไทยครั้งแรกที่จังหวัดเชียงใหม่  ตอนนั้นไปเที่ยวแล้วก็ไปเจอผ้าซิ่นของภาคเหนือก็ซื้อเก็บไว้เพราะรู้สึกว่าสวยดี จากนั้นก็เริ่มสนใจผ้าไทยมากขึ้นอย่างผ้าไหมมัดหมี่ของภาคอีสานก็สวยไม่แพ้กัน เพราะแต่ละภาคก็จะมีเอกลักษณ์การทอผ้าที่ต่างกัน เสน่ห์ของมันอยู่ที่การทอแต่ละผืนที่ลวดลายจะไม่ซ้ำกัน และเราก็จะชอบเอาผ้าที่ซื้อมาไปตัดเป็นชุดให้แพทเทิร์นมีความทันสมัยสามารถใส่ได้ง่ายขึ้น อย่างวันสบายๆ ที่ไม่ได้ทำงาน เราก็จะชอบใส่ชุดกระโปรงที่ตัดจากผ้าไทยกับรองเท้าผ้าใบไปเที่ยวเป็นประจำ และอาจจะแมทช์กับกระเป๋าหนังลายผ้าไทยใบเล็กก็จะช่วยสร้างคาแรคเตอร์ทำให้เราโดดเด่นขึ้น”

คนต่อมาสาวสังคม เมลนีย์ อยู่วิทยา เผยว่า “เรารู้จักผ้าไทยตั้งแต่เด็กๆ เพราะเห็นคุณแม่ชอบใส่และปลูกฝังเราเกี่ยวกับการอนุรักษ์ผ้าไทยอยู่เสมอ ซึ่งปกติเวลาเข้าวัดก็จะใส่ผ้าถุงตลอด รวมถึงเสื้อผ้าที่ตัดเย็บจากผ้าไหมก็จะชอบซื้อเก็บไว้ เรามองว่าการใส่ผ้าไทยไม่ใช่เรื่องยากแต่จะต้องรู้จักเลือกให้เหมาะกับคาแรคเตอร์ตัวเอง อย่างเราจะชอบชุดแบบที่ไม่มีลวดลายของผ้าเน้นดีไซน์ที่คลาสสิกในโทนสีเรียบ สำหรับแมทช์กับกระเป๋าคลัทช์เพราะรู้สึกว่าใช้ง่ายเข้าได้กับทุกลุค จะถือทำงานกลางวัน หรือถือไปปาร์ตี้ก็ได้ ซึ่งจะเลือกเป็นคลัทช์หนังลายผ้าไทยที่โทนสีเหมาะกับชุดไม่ จะได้เสริมให้ลุคเรียบโก้ของเราดูเด่นขึ้น”

ปิดท้ายที่สาวสวย วีรานันท์ สดากรวงศ์วัชร์ เล่าว่า“เสน่ห์ของผ้าไทยคือลวดลายที่สวยงามและไม่ซ้ำกัน เรารู้สึกว่าผ้าแต่ละผืนก็จะมีเรื่องราวที่ต่างกัน และหากผ้าไทยถูกนำมาออกแบบเป็นเสื้อผ้าหรือแอคเซสเซอรี่ที่ใส่ง่าย เราว่าก็สามารถใช้ได้ทุกวัน อย่างกระเป๋าหนังที่ผสมผสานกับผ้าไทยก็เป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่โดดเด่น เพราะด้วยกระเป๋าหนังที่มีความโก้หรูอยู่แล้ว เมื่อดีไซน์รวมกับผ้าไทยก็ยิ่งสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวขึ้นมา ซึ่งเราจะชอบใช้กระเป๋าสะพายเพราะมีความคล่องตัว และจะเลือกโทนสีที่ตัดกับเสื้อผ้าจะได้ไม่กลืนไปกับชุด”

สัมผัสความงดงามของกระเป๋า ‘เดอะ แคนคูน คอลเลกชั่น’ (The Kankoon Collection) ได้แล้ววันนี้ที่แฟล็กชิปสโตร์ ศูนย์การค้าเกษรวิลเลจ ชั้น 3 หรือ www.phyaofficial.com, Facebook: phyaoffical, Instagram: phyaoffical และ Line ID: @phya

สั่งจองนิตยสาร Howe โดยไม่ต้องรอหาตามแผงสั่งได้ที่
Line : Howemagazine
  Fanpage : Howemagazine
รายละเอียดการสั่ง (คลิ๊ก)

  อ่านนิตยสาร Howe Magazine ออนไลน์ได้ที่

Ookbee-Logo
LOGO-MEB-2017
Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.