“ทุกคนมีความฝันเป็นของตัวเอง บางคนอยากเป็นสตาร์ทอัพ หรือจะทำธุรกิจอะไรสักอย่าง ซึ่งบางคนอาจขาดเงินทุนในการผลักดัน และจะดีกว่าหรือไม่ หากเราสามารถส่งต่อเงินทุนให้กับพวกเขาเหล่านั้นไปสนับสนุนธุรกิจของพวกเขาได้เดินต่อไป”
ถือเป็น CEO ที่เรียกว่าอายุน้อยที่สุดในวงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งแม้จะอายุน้อย แต่ก็ถือว่าความสามารถไม่แพ้คนรุ่นก่อนเลยก็ว่าได้ เพราะวันนี้ “คุณนัท-พชรกฤษฏิ์ ชื่นชม” มาพร้อมกับรางวัล ASIA TOP Award สาขา Best CEO คนล่าสุด ที่การันตีความสามารถได้เป็นอย่างดี
คุณนัท-พชรกฤษฏ์ ชื่นชม ประธานบริหาร บริษัท พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า รางวัล ASIA TOP Award สาขา Best CEO ถือเป็นรางวัลที่เขารู้สึกภาคภูมิใจ “ผมต้องขอขอบคุณอย่างมากครับสำหรับรางวัลดังกล่าว เพราะถือเป็นเกียรติอย่างมาก และเป็นความภูมิใจของคนทำงาน ซึ่งนอกจากผมจะรู้สึกดีแล้ว รางวัลดังกล่าวยังเป็นอีกแรงผลักดันที่ทำให้ผมมีพลังในการพัฒนาองค์กรและบริษัทให้ดียิ่งขึ้น”
ประธานบริหารบริษัท พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เล่าว่า บริษัทฯ ของเขาดำเนินธุรกิจในรูปแบบของการให้สินเชื่อ “เราเป็นบริการรับจำนองและขายฝากที่ดิน รวมถึงอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ซึ่งแรงผลักดันที่ทำให้ผมเข้ามาทำธุรกิจนี้ก็เพราะผมเห็นว่าบริษัทของผมจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ส่งมอบโอกาสทางการเงินให้กับคนอื่นได้นำไปต่อยอดสร้างความมั่นคง และความแข็งแรงให้กับบริษัทของผู้ประกอบการอีกมากมาย โดยเหตุผลสำคัญ ผมยังมองว่าผู้ประกอบการบางคนอาจมีสินทรัพย์ของตัวเองอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถยื่นกู้เงินจากสถาบันการเงินได้ เพราะติดเงื่อนไขของสถาบันการเงินบางข้อ เลยอาจทำให้ผู้ประกอบการรายนั้นไม่สามารถบรรลุเป้าหมายของการทำธุรกิจได้ เราจึงเห็นว่าหากเรามอบโอกาสทางการเงินให้กับผู้ประกอบการที่ประสบปัญหาทางการเงินได้ ก็จะทำให้เขาเติบโตได้ต่อไป”
คำว่า “การส่งมอบโอกาสทางการเงิน” ในความหมายของ “พชรกฤษฏิ์” ยังมีมากกว่านั้น “ผมมองว่าทุกคนมีความฝันเป็นของตัวเอง บางคนอยากเป็นสตาร์ทอัพที่จะทำธุรกิจอะไรสักอย่าง ซึ่งการจะทำธุรกิจได้ก็ต้องใช้เงินทุน หรือบางคนอาจจะประกอบธุรกิจตัวเอง แต่ก็ขาดเงินทุนในการผลักดัน และจะดีกว่าหรือไม่หากเราสามารถส่งต่อเงินให้กับพวกเขาเหล่านั้น โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องมีสินทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน บ้าน หรือคอนโดมิเนียมมาเป็นหลักทรัพย์ในการยื่นขอเงินทุนมาสนับสนุนธุรกิจให้เดินได้ต่อ” คุณพชรกฤษฏิ์กล่าวนอกจากนี้ประธานบริษัทยังกล่าวด้วยว่า สินทรัพย์แต่ละชิ้นต่างก็มีมูลค่าในตัวเอง “และมูลค่าของสินทรัพย์เหล่านั้นก็ยังคงมีอยู่เสมอ แม้เวลาจะผ่านไปนานกี่ยุคกี่สมัยก็ตาม มูลค่าเหล่านั้นก็ไม่ได้ลดลงเลย มีแต่จะเพิ่มขึ้น และแพงขึ้น”
เจ้าตัวอธิบายด้วยว่า “ที่ดินที่เขาคุ้นเคยในสมัยเด็กอาจจะมีราคาในระดับหนึ่ง แต่พอมาถึงวันนี้ราคาที่ดินตรงนั้นกลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก และมีมูลค่าสูงขึ้นเป็นร้อยเท่า สองร้อยเท่า ถือเป็นการยืนยันได้ว่ามูลค่าของที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์มีแต่จะเพิ่มขึ้นทุกวัน และสิ่งเหล่านี้เองก็จะกลายมาเป็นเงินทุน และวงเงินก็จะโตตามมูลค่าของสินทรัพย์ให้กับผู้ประกอบการในธุรกิจได้”
สำหรับจุดเด่นของบริษัท พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด นั้น ประธานบริษัทบอกว่า ลูกค้าสามารถออกแบบการส่งเงินได้ด้วยตัวเอง โดยสัญญาขายฝากขั้นแรกอยู่ที่ระยะเวลา 1 ปี “โดยลูกค้าสามารถต่อสัญญาได้ไม่จำกัด จะเป็น 3 ปี หรือ 5 ปีก็ได้ โดยเรามีระยะเวลาสูงสุดของสัญญาอยู่ที่ 15 ปี และลูกค้าก็ยังสามารถเลือกที่จะส่งเงินต้นหรือดอกเบี้ยอย่างที่ต้องการ เพราะเราไม่มีค่าปรับหรือค่าทวงถามหนี้ เราไม่บังคับลูกค้า หากลูกค้าพอมีเงินที่จะชำระก็สามารถชำระได้เลยระหว่างปี หรือจะไปส่งตอนครบ 1 ปีแล้วก็ได้ โดยที่เราจะคิดดอกเบี้ยตามเงินต้นที่คงเหลือในบัญชี ทั้งนี้ก็เพื่อให้มีช่องว่างสำหรับผู้ประกอบการได้มีเวลาในการทำธุรกิจเพื่อสร้างรายได้ และกำไรให้กับธุรกิจของตัวเอง”
ส่วนเรื่องของวงเงินในการกู้ คุณพชรกฤษฏิ์บอกว่าขึ้นอยู่กับมูลค่าของสินทรัพย์ที่นำมายื่นขอ “วงเงินทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับมูลค่าของสินทรัพย์ที่อ้างอิงราคาซื้อขายในปัจจุบันหรือเวลานั้นๆ”
สำหรับภาพของบริษัท พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในอนาคต “ผมมีภาพที่ชัดเจนมาตลอดครับ อยากให้คนที่กำลังมีความจำเป็นในการใช้เงินทุน และคิดถึงการจำนองหรือขายฝากที่ดิน คิดถึงเราเป็นอันดับแรกๆ และเราก็พร้อมที่จะสนับสนุนผู้เข้ามาใช้บริการ ด้วยเงื่อนไขที่มีความยืดหยุ่น และมองว่าเราจะเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ประกอบการด้านธุรกิจมีความสะดวกในการเข้ามาใช้บริการในธุรกิจของเรา และเราก็ยังอยากที่จะเป็นบริษัทที่เติบโต และติดอยู่อันดับต้นๆ ของวงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะในเรื่องของการจำนองและขายฝากที่ดิน”
การบริหารงานก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ “ซีอีโอ” อย่างคุณพชรกฤษฏิ์ให้ความสำคัญ “หากพูดถึงการบริหารงาน แนวคิดของผมคือการใช้ใจในการบริหารงาน เราต้องนำคนด้วยใจ ก่อนไปสู่เป้าหมายในท้ายที่สุด และเป็นหนึ่งในหลักการบริหารงานที่ชัดเจนที่สุด เพราะผมมองว่าวันนี้ หากเราบริหารใจคน และทำให้มองเห็นภาพหรือเป้าหมายการทำงานเดียวกันได้ ก็จะทำให้ระหว่างทางของการทำงานของแต่ละคนเกิดความรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเองที่มากขึ้น เพราะทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน ฉะนั้น ‘ใจ’ จึงมีความสำคัญที่จะทำให้เราเดินไปถึงเป้าหมายด้วยกัน ส่วนเรื่องระบบระเบียบอื่นๆ ผมมองว่าทุกคนรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว จึงไม่ต้องเน้นย้ำอะไรมาก” เช่นเดียวกับเทคโนโลยีและเครื่องมือนวัตกรรมที่ทันสมัย ซีอีโอหนุ่มมองว่าเป็นอีกความจำเป็น และถือเป็นเครื่องมือทรงพลังสำหรับการทำธุรกิจในวันนี้
กระนั้นก็ตาม คุณพชรกฤษฏิ์ยังได้ให้นิยามการทำงานในแบบฉบับของตัวเองด้วยว่า การทำงานในวันนี้ของเขาได้สร้างความสุขให้กับเขาในทุกวันที่ตื่นมา “เราตื่นมาในทุกวัน เราได้เป็นส่วนหนึ่งของผู้คน โดยเฉพาะการส่งมอบโอกาสทางการเงินให้กับคนที่กำลังเดือดร้อน ถือเป็นการหยิบยื่นโอกาสที่จะทำให้เกิดการต่อยอดธุรกิจอย่างหนึ่ง เหมือนกับการยิ่งให้ยิ่งรับ ซึ่งก็ไม่ต่างจากคำคมที่ว่า…ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งโหยหายิ่งห่างหาย เติมเขาเดี๋ยวเราก็เต็มเอง…”
และนี่ก็เป็นอีกนิยามที่ทำให้ “คุณนัท-พชรกฤษฏิ์ ชื่นชม” ประธานบริษัท พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด สร้างความสำเร็จให้กับตัวเองและองค์กรได้อย่างต่อเนื่องและตลอดไป
