เราได้รับเกียรติจากพี่เปิ้ล-นาคร ศิลาชัย ที่จูงมือภรรยาสาว คุณจูน-กษมา และลูกๆ ทั้งสี่คน ออกัส-ศิศิรา ออก้า-นครา ออกู๊ด-นครินทร์ และออเกรซ-ศิริกร มาพูดคุยและถ่ายภาพน่ารักๆ ในบรรยากาศสบายๆ ซึ่งวันนี้แม้พี่เปิ้ลจะผันตัวมาทำธุรกิจร่วมกับภรรยา แต่เขาก็บอกกับเราว่าแม้จะรับงานในวงการบันเทิงน้อยลง แต่ความเป็นศิลปินในตัวก็ยังคงเปี่ยมล้นเช่นเดิม แต่เป้าหมายของเขาและภรรยายังคงเดินหน้าทำธุรกิจ และตั้งใจที่จะปลุกปั้นลูกชายให้เป็นนักแข่งเจ็ตสกีระดับโลกเช่นเดียวกับเขา พี่เปิ้ลกับคุณจูนเชื่อว่าทุกความตั้งใจในการทำงาน ทำธุรกิจ และเลี้ยงลูก ไม่ได้หวังให้ชีวิตมีเงินทองและความสุขเท่านั้น แต่ทุกความตั้งใจคือการสร้างอนาคตที่มั่นคงให้กับลูกๆ ทั้งสี่คนอีกด้วย
คุณเปิ้ล : ตอนนี้ผมค่อนข้างงงไปหมดแล้ว เพราะทำธุรกิจเยอะมาก เริ่มตั้งแต่การทำ Penguin Studio ซึ่งรับทำวางแผน Marketing ทำ Content เป็น Media Planer ซื้อสื่อโฆษณาเอง ซึ่งเป็น Content Provider บวกกับ In House Agency ซึ่งงานของ Penguin Studio จะเอาไว้รองรับงานของบริษัท มาดามกัสก้า จำกัด ที่จำหน่ายสินค้าแนวสกินแคร์ คอสเมติก และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ก็มีทั้งแบรนด์สินค้าที่นำเข้าจากเกาหลี และผลิตภัณฑ์ของตัวเองซึ่งจำหน่ายทั้งในโมเดิร์นเทรด คอนวีเนียนสโตร์ และจำหน่ายผ่านออนไลน์ และสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งบริหารงานโดยแม่จูน รวมทั้งตอนนี้ผมยังทำร้านอาหารเปิดอยู่ 2 ร้าน คือร้านก๋วยเตี๋ยวเรือที่เอเชียทีค ชื่อ “Sail to the Moon” และร้าน “De Moon Bangkok” ซึ่งอยู่ที่รัชดา ซอย 4 อาหารก็จะมีเนื้อโคขุนย่าง กระทะร้อน มีอาหารไทย-อีสาน ซึ่งยังเป็นสไตล์เดิมจากร้านเก่า รวมทั้งตอนนี้ผมยังได้เข้าไปบริหารงานให้กับ “The Touch Clinic” ซึ่งเป็นคลินิกด้าน Beauty Agent ส่วนงานในวงการบันเทิงก็ยังรับอยู่ครับ และการแข่งเจ็ตสกีผมก็ยังแข่งอยู่นะครับ
สำหรับในส่วนของกีฬา นอกจากตัวผมจะลงแข่งแล้ว ลูกชายผมอย่างออก้าเองก็ลงแข่งด้วยเหมือนกัน ผมเลยอยากสร้างความชอบสู่ “Sport Business” ซึ่งตัวนี้ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม แต่เราจะสร้างรากฐานเพื่อวางแผนทำธุรกิจในอนาคต เพราะเราเป็นนักกีฬาระดับโลกทั้งพ่อทั้งลูก ฉะนั้นแบรนด์ออก้า – นครา และนาครของเราสามารถพัฒนาเป็นธุรกิจได้ในอีก 5 – 10 ปีข้างหน้า โดยเราก็วางรากฐานไว้ก่อน ซึ่งผมเชื่อว่าสิ่งนี้จะสามารถสร้างรายได้ให้กับเราได้อย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการมีรายได้จากสปอนเซอร์ การผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของเราเอง หรือการเป็น Presenter, Brand Ambassador ด้วยเลขแข่งของเรา “666” จะสามารถสร้างเป็นสินค้าที่มีความเป็นเราได้ คนทั้งโลกจะจำชื่อออก้าได้ เราจะผลิตสินค้าอะไรก็สามารถขายได้ ผมเชื่อว่าในอนาคตออก้าจะเป็นนักแข่งที่มีชื่อเสียง ตอนผมเด็กๆ ผมไม่รู้หรอกว่าผมคือใคร รู้แค่ว่าผมเป็นนักแสดงตลก เป็นพิธีกร แต่เมื่อเวลาผ่านไป “เปิ้ล-นาคร” ก็กลายเป็นแบรนด์เพราะมีคนรู้จัก พอเอ่ยถึงเปิ้ล-นาคร ก็จะเป็นผู้ชายอารมณ์ดี สนุก ครีเอทีฟ สปอร์ต ผมก็อยากให้ออก้ามีนิยาม มีจุดที่ผู้คนคิดถึงเขาในอนาคต เราสนใจในเรื่องของการสร้างแบรนด์ ทำบ่อยๆ คนก็จะจดจำเราได้ และต่อยอดจนสามารถพาธุรกิจของเราเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ในอนาคต
คุณจูน : จูนดูแลแบรนด์สินค้าภายใต้บริษัทมาดามกัสก้า ซึ่งมีสินค้าหลากหลายชนิดมากๆ ไม่ว่าจะเป็นที่เขียนคิ้ว ครีมซอง แป้งพัฟ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารพวกดีท็อกซ์ วิตามิน ภายใต้แบรนด์ “จูจูเน่” ซึ่งขายผ่านโมเดิร์นเทรด คอนวีเนียนสโตร์ ซูเปอร์มาร์เก็ต และออนไลน์ เรามีสินค้าเกาหลี ครีมซองจากเกาหลี เลือกสินค้าเกาหลีเพราะชอบ ส่วนงานที่ The Touch Clinic ก็เข้าร่วมบริหารทั้ง 10 สาขา และที่แยกออกมาคือ Beauty Agent ซึ่งจะเป็นการรับตัวแทนแนะนำบริการของ The Touch ใครหาลูกค้าได้ก็จะได้ส่วนแบ่งรายได้ไป ซึ่งเรานับว่าธุรกิจนี้เป็นการสร้างงาน และเป็นอาชีพที่ 2 ที่ช่วยเสริมรายได้ ซึ่งบางคนสามารถสร้างรายได้จากส่วนนี้ได้มากกว่างานหลักด้วยซ้ำ ทาง Beauty Agent จะสอนให้สามารถทำงานบนโลกออนไลน์ ใช้งานบนแพลตฟอร์ม และโซเชียลมีเดียต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ และหารายได้ง่ายๆ ในฐานะพาร์ตเนอร์และคุณสามารถสร้างรายได้ตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนโดยไม่ต้องลงทุนเปิดคลินิกเอง
“ครอบครัวคือแบตเตอรี่ก้อนพิเศษ เวลาเหนื่อยๆ แย่ๆ พอเห็นลูกก็มีกำลังใจ คือความรู้สึกสุขแบบอิ่มใจ ชีวิตผมตอนนี้ Concentrate กับครอบครัว กับธุรกิจที่ทำ ก็อยากให้ธุรกิจของเราเติบโตไปพร้อมๆ กับลูกๆ”