ว่า “คำว่าประสบความสำเร็จของผมคือการทำในสิ่งที่ตั้งเป้าหมายไว้ หรือสิ่งที่ทีมหรือเราต้องการ นั่นคือตัวชี้วัดผลลัพธ์ และต้องเป็นความสำเร็จจากตัวเราเป็นผู้ตัดสินเท่านั้น ไม่ใช่จากคนอื่นเป็นผู้ตัดสิน ถึงแม้จะมีปัจจัยอื่นเข้ามาทำให้สำเร็จแล้วก็ตาม แต่แน่นอนถ้าสิ่งที่วางแผนกันไว้กับทีมยังไม่สัมฤทธิ์ผล เราก็จะไม่เรียกสิ่งนี้ว่าประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง แต่ผลที่ออกมาอาจจะสร้างความเซอร์ไพรส์ขึ้นมา เรามองเป็นวัตถุดิบใหม่ๆ ได้ แต่อย่าลืมหัวใจสำคัญ เราต้องรู้ว่าทำอะไร เพื่ออะไร นี่คือคำว่าประสบความสำเร็จของผม
เช่นเดียวกัน หากเป็นความสำเร็จในอนาคตของ Be On Cloud Music มาย-ภาคภูมิบอกว่า “ผมคิดตั้งแต่วันแรกของการบริการจัดการในการสร้าง Be On Cloud Music ให้แข็งแรง คือจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง ความแข็งแรงของบริษัทไม่ควรพึงพาผมคนเดียว หรือทีมใครคนเดียว Be On Cloud Music ควรสำเร็จได้ด้วยตัวของ Be On Cloud Music เอง ไม่ว่าใครจะมาจัดการต่อจากผมก็ตาม” นอกจากนี้ผู้บริหาร Be On Cloud Music ย้ำอีกด้วยว่า “หัวใจหลักที่ทำให้ประสบความสำเร็จคือการเปิดใจ เปิดใจรับฟังสิ่งใหม่ บวกกับความพอดี ไม่สุดโต่ง แน่นอนโลกเปลี่ยนพฤติกรรมคนเปลี่ยน เทรนด์ความชอบเปลี่ยน ทุกอย่างเปลี่ยน มีปัจจัยต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้องเยอะไปหมด การเปิดรับและอัปเดตสิ่งต่างๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญมากๆ บวกกับหาความพอดีให้เจอ ความพอดีของแต่ละคนไม่เท่ากัน แต่ถ้าเราหาบาลานซ์ให้เจอและจัดการได้ จะเป็นสิ่งที่ทำให้รู้ว่าเราทำอะไรเพื่ออะไร และไปให้ถึงเป้าหมายได้ง่ายกว่าการที่ไม่รู้ว่าเราทำอะไรอยู่”
อย่างไรก็ดีวันนี้ มาย-ภาคภูมิได้วาดภาพในอนาคตของ Be On Cloud Music ไว้ว่า “จริงๆ เนื่องจากผมยังทำงานในส่วนของการเป็น นักแสดงอยู่ แล้วหน้าที่รับผิดชอบในการบริหาร Be On Cloud Music ก็ถือว่ายังใหม่ ดังนั้นตอนนี้แผนระยะสั้นยังเป็นการจัดการโครงสร้าง ภายในบริษัทเป็นหลัก บวกกับทำให้ฐานแฟนคลับเดิมเข้าใจว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ระยะกลางพยายามเฟ้นหาศิลปินในระหว่างทางเพื่อสร้างศิลปินใหม่ๆ ซึ่งเป็นคีย์แมสเสจในการจะให้เกิดการพัฒนาเพื่อต่อยอดไปในอนาคตของค่ายเพลงให้มากที่สุด ดังนั้นในอนาคตของ Be On Cloud Music จะมีศิลปินที่ไม่เกี่ยวกับการแสดงเข้ามาอย่างแน่นอน และสุดท้ายจะเป็นเรื่องของความสนุก ความเพลิดเพลินต่างๆ ของทั้งผลงานที่เสพผ่านสื่อมีเดียช่องทางต่างๆ และการแสดงสด ผมยังมองว่าเสน่ห์ของการมีโชว์สดคือคีย์ที่เป็นจุดที่อยากทำให้กลายเป็น จุดแข็งของบริษัทมากที่สุด จะเป็น live concert หรือ live show ต่างๆ ตรงนี้เป็นสิ่งที่วางไว้ว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีเสน่ห์มากที่สุดในวงการเพลงในอนาคต”
