หากพูดถึงวงการโรงแรมและนางโชว์แถวหน้า เมืองไทย คงไม่มีใครไม่รู้จัก “คุณดาร์ลิ่ง- ดาริณ พันธุศักดิ์” ผู้บริหารและหนึ่งในเจ้าของ ทิฟฟานี่โชว์แห่งเมืองพัทยา กว่า 10 ปีที่เธอเข้ามาช่วยครอบครัวบริหารธุรกิจร่วมกับน้องสาวสองคน (คุณอลิสาและคุณวรัษยา พันธุศักดิ์) ต่างช่วยกันผลักดันให้ทิฟฟานี่โชว์มีความทันสมัย งดงาม ตื่นตาตื่นใจจนเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก เธอมองว่าการบริหารธุรกิจครอบครัวที่เรียกได้ว่าเป็น “ตำนาน” เป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถที่จะต่อยอดพัฒนาธุรกิจให้เติบโตและยั่งยืน จนกลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่ใครก็รู้จักเมื่อพูดถึงเมืองไทย
“ปัจจุบันดิฉันดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการบริษัท พีทีเอส โฮลดิ้ง กรุ๊ป จำกัด และเป็นหุ้นส่วนหลักเท่ากันกับพี่น้องคือคุณอลิสา (CEO) และคุณวรัษยา (CFO) ที่ช่วยกันดูแลบริษัทในเครือ ได้แก่ Tiffany’s Show Pattaya, Woodlands Hotel and Resort Pattaya, La Baguette Bakery Cafe และ La FermePattaya เป็นต้น ส่วนคุณแม่ (คุณอรวรรณ พันธุศักดิ์) ปัจจุบันยังดำรงตำแหน่งเป็นประธานบริษัทอยู่ค่ะ ส่วนดิฉันนอกเหนือจากการดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการแล้ว ยังเป็นกรรมการบอร์ดดูแลด้าน Internal Audit ตรวจบัญชีภายใน หลังจากฝ่ายบริหารส่งรายละเอียดด้านตัวเลขมา ก็จะเป็นฝ่าย support มากกว่า ส่วนงานบริหารจะมีผู้บริหารที่รับผิดชอบ ซึ่งหากมีการตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ บอร์ดกรรมการก็จะดูแลในภาพรวมหลักๆ เช่นการตั้ง budget ในการลงทุนครั้งใหญ่ๆ เนื่องจากดิฉันเคยทำงานด้านการเงินกับสถาบันการเงินขนาดใหญ่ทั้งในและ ต่างประเทศมาหลายแห่ง ทำให้รู้ถึงหลักการทำงานกับผู้บริหาร เพื่อนร่วมงาน และลูกค้า ดิฉันจึงปรับวิธีการทำงานมาใช้กับธุรกิจของครอบครัว”
“ดิฉันมองว่าหลักการบริหารงานทุกอย่างต้องสัมพันธ์กันทั้งหมด โดยในส่วนของดิฉันที่บริหารงานภาพรวมนั้น สิ่งสำคัญก็คือจะต้องเข้าใจคนแต่ละคนก่อนว่าเขาต้องการอะไร และมีศักยภาพด้านใดเพื่อให้ทุกฝ่ายทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น คุณพ่อ (คุณสุธรรม พันธุศักดิ์) ท่านเคยสอนอยู่เสมอว่า ในการทำงานเราต้องให้เกียรติคนทุกระดับ ถ้าจ้างฝรั่งมาทำงานก็ต้องไม่ทำตัวเป็น Boss อย่าเข้าไปยุ่งในรายละเอียดการทำงาน หรือไปคุมลูกน้องเขา เพราะเรามีหน้าที่กำหนดนโยบาย เป้าหมาย และผลกำไร ให้เขาปฏิบัติเพื่อไปสู่เป้าหมายที่บริษัทต้องการ ปล่อยให้เขาเป็นแม่ทัพในการจัดการงานของตัวเอง ซึ่งคำตอบสุดท้ายของการทำงานก็คือ การวัดผลว่าเขาทำได้ตามเป้าหมายที่องค์กรกำหนดไว้หรือไม่มากกว่าค่ะ”
“อย่างไรก็ตาม การสานต่อธุรกิจครอบครัวที่คุณพ่อคุณแม่สร้างมา ลูกทุกคนจะต้องพัฒนาและต่อยอดให้ดียิ่งขึ้น เราทำธุรกิจโรงแรม เอ็นเตอร์เทนเมนต์ อาหาร และเบเกอรี่ มันคือศิลปะของรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และ Serviced Mind ที่ต้องใส่ใจ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการมีลูกน้องดี มีทีมเวิร์กที่ดี ยิ่งโตขึ้น ยิ่งมีเรื่องที่ท้าทายมากขึ้น เรายึดหลักเติบโต
อย่างมั่นคง เมื่อมีปัญหาต้องมีสติ ชีวิตก็เหมือนเหรียญที่มีสองด้าน ในวิกฤติย่อมมีโอกาสเสมอ ปัญหาคือความท้าทาย การผ่านวิกฤติโควิดมาไม่ได้ใช้เวลาปีสองปีในการฟื้นตัว แต่ดิฉันเชื่อมั่นว่าธุรกิจด้านนี้ในอนาคตจะยังสามารถเติบโตได้ดี เนื่องจากผู้คนในประเทศไทยที่มีน้ำใจ มีวัฒนธรรมที่งดงาม มีอาหารการกินที่มีชื่อเสียง ทำให้กรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองที่คนอยากมาเที่ยวมากที่สุด ต้องยอมรับว่าการท่องเที่ยวของไทยจะดึงดูดเม็ดเงินมหาศาลเข้าประเทศ และกระจายรายได้ไปสู่ภาคธุรกิจอื่นๆ ซึ่งเรายังคงเน้นการลงทุนธุรกิจอาหารและเอ็นเตอร์เทนเมนต์เป็นหลัก การทำหนัง The Legend of Tiffany ที่ฉายใน Netflix หรือแพลตฟอร์มต่างประเทศ อยู่ในระหว่างดำเนินการไปสู่เป้าหมาย”
“สำหรับทิฟฟานี่โชว์ถือว่าได้รับการ กล่าวขานว่าเป็น 1 ใน 10 ของโชว์ที่ดีที่่สุดในโลกที่ต้องมาดูสักครั้ง ในแต่ละปีมีผู้คนเดินทางมาดูโชว์มากกว่า 5 ล้านคน สิ่งที่ทายาทรุ่นเราทำได้ก็คือการรักษามาตรฐานให้ดียิ่งขึ้น การพัฒนาการแสดง แสง สี เสียงทุกปี และด้วยความสามารถของ Transgender ฝีมือเยี่ยมที่ผ่านการบ่มเพาะรุ่นต่อรุ่นกับที่นี่มายาว นานกว่า 40 ปี ในอนาคตเรามีเป้าหมายเป็น Transgender Entertainment อันดับหนึ่งที่ผู้ชมทั่วโลกนึกถึง และวางแผนโกอินเตอร์เพื่อไปจัดการแสดงในต่างประเทศอย่างเช่นที่มาเก๊าและลาสเวกัส เราอยากเป็นตัวแทนความบันเทิงสำหรับผู้คนทุกเพศทุกวัยที่อยู่ในใจผู้ชมทั่วโลก โดยวันนี้ความสำเร็จของทิฟฟานี่โชว์ไม่ใช่เป็นแค่ความสำเร็จของธุรกิจเราเท่านั้น แต่ยัง เป็นความสำเร็จของประเทศไทย ซึ่งนี่ถือเป็นความภาคภูมิใจของเราค่ะ
