THE 50 INFLUENTIAL PEOPLE 2022 “อรรถวัติ ศิริสิทธิธงไชย” เคล็ด(ไม่)ลับ เทคนิคลงทุนฉบับ “บอย ท่าพระจันทร์”

0
16589

เรียกว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่ไม่เพียงจะได้รับการยอมรับในฐานะผู้ที่เชี่ยวชาญในด้านพระเครื่องเท่านั้น แต่ยังเรียกได้ว่าเป็น “นักลงทุน” รุ่นใหม่ที่ทุกคนยอมรับในชั้นเชิง และเทคนิคที่มีความเป็นเอกลักษณ์ในตัวเองจริงๆ

“อรรถวัติ ศิริสิทธิธงไชย” หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “บอย ท่าพระจันทร์” เซียนพระชื่อดั่งที่เป็นอีกบุคคลซึ่งถูกกล่าวขานถึงในวงการพระเครื่อง แต่หากย้อนกลับไปในอดีต กว่าที่เซียนพระชื่อดังคนนี้จะมีชื่อเสียง และเป็นที่ล่ำลือกันถึงความเชี่ยวชาญได้อย่างทุกวันนี้ เขาต้องผ่าน และเจอกับเรื่องราวมากมาย ที่เป็นเหมือนบทเรียน และประสบการณ์ที่เขายอมรับว่าเจ็บมาไม่น้อยเหมือนกัน “จุดเริ่มต้นการมาเป็นเซียนพระของผมจริงๆ เกิดจากแรงบันดาลใจเมื่อครั้งที่เข้าร่วมโครงการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน ตอนที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น และเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ได้เจอเพื่อนเณรจากโรงเรียนต่าง ๆ หลายสถานศึกษา ซึ่งในนั้น จะมีเพื่อนเณรอยู่กลุ่มหนึ่งที่ชอบเรื่องของพระเครื่องด้วย พวกเขาก็นำพระเครื่องที่แต่ละคนมีอยู่ มาส่อง มาดูกัน ตอนนั้นผมก็ดูไม่เป็นหรอกครับ แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก็เลยเข้าไปขอเขาดูด้วย” และนั่นอาจเรียกได้ว่าเป็นจุดที่ชักนำให้ “บอย ท่าพระจันทร์” ในวัยเด็ก เริ่มศึกษา และก้าวเดินเข้าสู่วงการพระเครื่องก็ว่าได้

จากวันที่เข้าสู่วงการพระเครื่อง และกลายเป็น “บอย ท่าพระจันทร์” เซียนพระชื่อดัง จนถึงวันนี้เขายังได้เริ่มต้นที่จะก้าวเดินไปบนอีกหนึ่งเส้นทางของการลงทุน คือ ตลาดหุ้น และธุรกิจซื้อขายของเก่า ที่รวมถึงกระเพาะปลาโบราณอย่างจริงจัง “ผมมองว่าการลงทุนเป็นเรื่องความชอบส่วนตัว ซึ่งที่ผ่านมาผมมีความเชี่ยวชาญด้านพระเครื่องมานานเกือบ 30 ปี จนวันนี้ผมยังได้ศึกษาเรื่องของกระเพาะปลา ที่หลายคนกำลังหันมาให้ความสนใจมากขึ้น”

“ผมเริ่มต้นการเข้าสู่ตลาดหุ้น และเปิดพอร์ตครั้งแรกในปี 2556 ช่วงแรกผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องหุ้นเท่าไรนัก” บอย ท่าพระจันทร์ เล่าด้วยว่าการเข้าสู่วงการตลาดหุ้น เกิดจากแรงผลักดันของเพื่อนๆ ที่เรียนในสถาบันพระปกเกล้า รวมถึงมีผู้เชี่ยวชาญให้การสนับสนุน “มีช่วงหนึ่งที่หุ้นไทยร่วงลงไปกว่า 900 จุด ทำเอาผมแทบหมดตัวเหมือนกัน ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตที่หนักที่สุดสำหรับผมก็ว่าได้ ช่วงนั้นทำเอาเครียดมาก แต่บังเอิญผมเป็นนักสู้เลยพยายามต่อสู้ และขายสินทรัพย์ในมือออกไป้ เพื่อจะได้มีเงินเข้ามาประคองหุ้นของตัวเองที่เป็นพอร์ตใหญ่ให้ยังพออยู่ได้ไปก่อน กระทั่งวิกฤตผ่านพ้นไป และสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ผมก็ค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมาได้” และในช่วงวิกฤตที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้น ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ไวรัสโควิด-19 ระบาด บอย ท่าพระจันทร์ ยังได้เริ่มหันมาสนใจเรื่องของการรับซื้อของเก่า และกระเพาะปลา ซึ่งก็สร้างรายได้ให้กับเขาไม่น้อย

“กว่าที่ผมจะรู้ว่าของเก่าชิ้นไหน หรือกระเพาะปลาแบบไหนเป็นของจริง ก็ใช้เวลานานพอสมควรและต้องเสียเงินไปกับสิ่งที่ไม่ใช่มาแล้วไม่รู้เท่าไร จนกระทั่งมาถึงวันที่ผมดูเป็น และรู้จริง ก็สามารถสร้างผลกำไรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ แต่ผมก็ยังมองว่าธุรกิจการรับซื้อของเก่าและกระเพาะปลา ที่แม้จะมีมูลค่าสูงแตะตัวเลขหลักสิบล้านบาท แต่หากมองลึกลงไปถึงสภาพคล่อง ผมยังเห็นว่าการลงทุนนี้ยังมีสภาพคล่องในตลาดไม่เท่ากับตลาดหุ้น” ทำให้ท้ายที่สุดแล้ว เขายังมองว่าการลงทุนในตลาดหุ้นยังคงน่าสนใจไม่น้อย

“ผมโชคไม่ดีที่เกิดมาจน ซึ่งเราไม่สามารถเลือกเกิดได้ แต่ผมว่าผมยังมีความโชคดีอยู่เหมือนกัน ซึ่งในความโชคดีที่ว่านี้คือผมรู้ว่า ผมค้นหาความต้องการในตัวของผมได้ก่อนคนอื่น”

“ต้องบอกว่าสิ่งที่ทำให้ผมก้าวเดินมาจนถึงวันนี้ได้นั้น เป็นเพราะผมโชคไม่ดีที่เกิดมาจน ซึ่งเราไม่สามารถเลือกเกิดได้ แต่ผมว่าผมยังมีความโชคดีอยู่เหมือนกัน ซึ่งในความโชคดีที่ว่านี้คือผมรู้ว่าผมค้นหาความต้องการในตัวของผมได้ก่อนคนอื่น” เรียกง่ายๆ ว่าเป็นการค้นพบตัวเองก็ว่าได้และอีกหนึ่งความโชคดี ที่เซียนพระชื่อดังบอกว่าเป็นจุดสำคัญที่สุดของชีวิตของเขาที่หากไม่มีวันนั้นก็จะไม่มีบอย ท่าพระจันทร์ในวันนี้แน่นอน

“จากวันที่เรายังมองไม่เห็นอนาคตของเราเลย พอได้มาเข้ามาเรียนรู้ตรงนี้ก็ทำให้เห็นโอกาสที่จะเกิดขึ้นข้างหน้าอีกมากมายและที่ยิ่งโชคดีไปกว่านั้นคือ ผมว่าเกิดจาก
ตัวของผมเอง ที่เป็นที่อยากเอาชนะสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ตรงหน้า เราเลยพยายามเรียนรู้จนมีเข้าใจ กระทั่งหาสิ่งนั้นมาอยู่กับตัวเองได้ และขายของที่มีอยู่นั้นๆ ได้ กระทั่งผมกลายเป็นที่รู้จัก และสามารถต่อยอดในสิ่งต่างๆ ได้ ซึ่งก็รวมถึงการเล่นหุ้น การรับซื้อและขายของเก่า และกระเพาะปลา จนกลายมาเป็นความสุขของผมในวันนี้” บอย ท่าพระจันทร์ ย้ำว่าวันนี้เขามีความสุข และสนุกกับงานที่ทำในทุกๆ วัน

ส่วนมุมมองเรื่องการเป็นผู้นำ หรือผู้ทรงอิทธิพล เซียนพระชื่อดังไม่เคยคิดว่าเขาเป็นผู้นำ หรือผู้ทรงอิทธิพลด้านการสะสมพระเครื่อง กระเพาะปลา หรือแม้แต่การลงทุนในทุ้นเลย “ผมเป็นเพียงคนที่เข้าใจในของที่สะสม และเข้าใจตลาดการเงิน รวมถึงรู้ดีว่าตลาดเงินและตลาดหุ้นนั้นเป็นอย่างไร ผมเชื่อแบบนั้น แต่หลายๆ คนที่เข้ามาเล่นตาม และพ่ายแพ้ไปก็เพราะเขาไม่เข้าใจและเล่นไม่เป็น ซึ่งตามหลักการสำคัญคือไม่ว่าจะเป็นการซื้อของเก่าหรือเล่นหุ้น จะต้อง โดน โดน แล้วก็ได้ ซึ่งพอได้มาแล้วก็ให้เอาของเหล่านั้นมาเป็นครู เป็นอาจารย์ให้เราเรียนรู้ต่อไปว่าอันไหนคือสิ่งที่ถูกต้อง หรือมาเป็นต้นแบบเพื่อให้เกิดการเรียนรู้จริงและสิ่งเหล่านั้นสำหรับผมก็ต้องขายได้จริงด้วย และที่สำคัญกว่านั้น เราต้องไม่หลอกตัวเอง” เพราะการหลอกตัวเองเป็นสิ่งที่เซียนพระชื่อดังทิ้งท้ายว่าจะทำให้เราไม่เจอกับสิ่งที่ถูกต้องตลอดไป

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.