ณ วันนี้ หากพูดถึงชื่อ “บุญรอด อารีย์วงษ์” เชื่อว่าหลายคนต้องรู้จักเขาคนนี้อย่างแน่นอน ในฐานะยูทูบเบอร์ชื่อดังในช่อง Poocao Channel หนึ่งในช่องความบันเทิงบนโลกโซเชียล ที่มีผู้คนติดตามกันอย่างล้นหลาม
ถ้าย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน มีเด็กน้อยคนหนึ่งกำเนิดมา ในช่วง 1 – 2 เดือนแรกเด็กผู้ชายคนนี้ก็ไม่ได้มีอาการผิดแผกแตกต่างไปจากเด็กทารกคนอื่นๆ แม้แต่น้อย ซึ่งทางครอบครัว “อารีย์วงษ์” ก็เฝ้าถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูลูกชายคนนี้มาเป็นอย่างดี
วิกฤตของชีวิต
จากคำบอกเล่าของคุณแม่ลัดดา อารีย์วงษ์ แม่ผู้ให้กำเนิดบอกว่า กระทั่งเด็กน้อยมีอายุได้ 3 เดือน เสียงร้องไห้ที่ดูมีความทรมานมีมากขึ้นทุกวัน จนทำให้คุณแม่ลัดดา ณ ตอนนั้นรู้สึกเป็นทุกข์ แม้เธอจะพยายามกล่อมลูกคนนี้อย่างไรก็ตาม เสียงความเจ็บปวดทรมานของลูกก็ไม่เงียบลงเลย ยังคงร้องไห้จ้า ขณะที่ตัวคุณแม่เองก็สังเกตเห็นว่าท้องของลูกบวมโตผิดปกติ ก่อนที่จะพาลูกน้อยไปพบแพทย์ จนตรวจอาการพบว่าทารกน้อยต้องเผชิญกับโรคร้าย “มะเร็งตับ” รวมถึงโรคแทรกซ้อนอื่นๆ อีกหลายอาการ
จากวันนั้น เด็กชายบุญรอดในวัย 3 เดือนจึงต้องเข้ารับการรักษาตัว และใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลนานถึงอายุ 1 ปี กว่าที่จะกลับสู่อ้อมอกของครอบครัวอีกครั้ง ซึ่งแม้โรคที่รุมเร้าจะได้รับการรักษาจนอาการดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ทว่าอาการป่วยดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อระบบกล้ามเนื้อในร่างกาย และทำให้เกิดปัญหาด้านการเดิน การพูด และการเขียน กับเด็กชายบุญรอดในเวลาต่อมา
ร่างกายไม่ใช่อุปสรรค
บุญรอด อารีย์วงษ์ เล่าด้วยว่า แม้ร่างกายของเขาจะดูไม่สมบูรณ์เหมือนคนอื่นๆ แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาต่อการใช้ชีวิตของเขาแม้แต่น้อย “ผมเป็นคนหนึ่งที่โชคดีมากที่คนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ พี่ชาย และเพื่อนๆ ต่างให้โอกาส ทำให้ผมไม่ได้รู้สึกว่าแตกต่างไปจากคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการเรียนหนังสือหรือทำกิจกรรมต่างๆ” ยิ่งตอนที่ได้เข้าไปทำงานในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ “ตรงนี้ผมก็ต้องขอบคุณทางมหาวิทยาลัยที่เปิดโอกาสให้ผมได้เข้าไปทำงานเป็นพนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์และการตลาดของมหาวิทยาลัย และได้รับมอบหมายงานเหมือนกับคนปกติทั่วไป ถือเป็นอีกโอกาสที่ผมได้รับ เช่นเดียวกับเพื่อนๆ ในที่ทำงาน ก็มีความเข้าใจกัน”
บุญรอดเล่าด้วยว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 5 ปีที่ได้ทำงานในมหาวิทยาลัย เราทำงานทุกอย่างเหมือนกับทุกๆ คน ทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย แม้แต่การออกงานโรดโชว์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมรู้สึกชอบ เพราะได้เจอ ได้พูดคุยกับคนมากมาย รวมถึงเด็กๆ นักเรียน ที่เข้ามาพูดคุยกับเรา”