ในการสร้างธุรกิจใหม่ หรือการขยายช่องทางการตลาดเพื่อทำธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งแล้ว นอกจากเรื่องของความชำนาญและเชี่ยวชาญที่ถูกนำมาเป็นเครื่องมือการตัดสินใจแล้ว การใช้ไลฟ์สไตล์และความชอบของตัวเอง ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้เจ้าของธุรกิจได้รู้จักกับตลาดใหม่ๆ และเกิดธุรกิจใหม่ตามมา
หมอกี้ – อังคนางค์ ชากีร่า บำรุงสรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ ซีอีโอ บริษัท รีเจน สมาร์ท ซิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด เล่าว่า เธอก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ใช้ความชอบส่วนตัวมาเป็นตัวตัดสินใจสร้างธุรกิจใหม่ของตัวเองขึ้นมา “นอกจากตัวเองจะมีธุรกิจในส่วนของบริษัทวิศวกรรมไฟฟ้า ที่มีสินค้าและบริการอยู่ในตลาดพลังงาน รวมถึงยังมีเทคโนโลยีเมืองอัจฉริยะ หรือสมาร์ทซิตี้ ที่ให้บริการในตลาดพลังงาน และในตลาดภาครัฐ ที่ได้เริ่มโครงการนำร่องเมืองอัจฉริยะไปในหลายจังหวัดแล้ว วันนี้ยังมีอีกธุรกิ๊จหนึ่งที่แตกต่างจากธุรกิจที่ทำอยู่ด้วย”
แพสชัน สร้างแรงบันดาลใจ
หมอกี้บอกว่า ด้วยความที่เธอเป็นผู้หญิง ต่อให้อยู่ในธุรกิจวิศวกรรมมาอย่างไร เธอก็ยังคงมีความชื่นชอบเรื่องของความสวยความงามอยู่ดี “ด้วยความชอบในส่วนนี้เอง ทำให้ตัวเองเกิดแพสชันในการสร้างความสมดุลให้กับชีวิต เพื่อให้เกิดความสุข เพราะงานที่ทำอยู่ทำให้ตัวของเราเองต้องเผชิญกับความเครียดยิ่งสถานการณ์เศรษฐกิจไม่สู้ดีในเวลานี้ ก็ยิ่งส่งผลให้เกิดความเครียดมากขึ้น การมองหาไลฟ์สไตล์ที่จะมาสร้างความสุขให้กับตัวเอง ไม่เพียงจะทำให้รู้สึกถึงความผ่อนคลายเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความอ่อนหวานให้กับตัวของเราด้วย ขณะเดียวกัน ก็ยังคิดด้วยว่าหากเรานำเอาไลฟ์สไตล์เหล่านั้นมาเป็นธุรกิจก็น่าจะดีไม่น้อย” และนั่นก็เป็นสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้หมอ อกี้นำเอาไลฟ์สไตล์ที่มีความเป็นแฟชั่น มาสร้างสรรค์เป็นธุรกิจใหม่ในวันนี้
แบรนด์แห่งพลังจักรวาล
“SHAKIRA” แบรนด์เครื่องหนังจระเข้ไฮเอนด์ กับการผสานพลังจักรวาล จึงถือกำเนิดขึ้นมาและกลายเป็นส่วนหนึ่งในการส่งพลังด้านบวกให้กับผู้หญิงหลายๆ คน “เพราะตามปกติแล้วเวลาทำกิจกรรมในการทำงาน หรือความสนใจ ส่วนตัว เราเป็นคนที่ชอบเรื่องของแฟชั่นอยู่แล้ว ชอบการแต่งตัว ชอบอัปเดตเทรนด์แฟชั่นใหม่ๆ ทั้งดีไซเนอร์ในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งไม่เพียงทำให้เราผ่อนคลายและมีความสุขเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดไอเดียใหม่ๆ ขึ้นมาด้วย” หมอกี้บอกด้วยว่า ความทันสมัยของเทรนด์แฟชั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอรู้สึกตื่นตัวตลอดเวลา รวมถึงยังมีพลังใจเพิ่มขึ้น “การขยายธุรกิจมายังฝั่งแฟชั่นที่มีกลุ่มเป้าหมายในตลาดเป็นผู้หญิงส่วนใหญ่ เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้ตัวของเรารู้สึกมั่นคงมากขึ้น ในการทำธุรกิจอะไรก็ตาม เราควรจะมีสัก 2 สายหรือ 2 กระเป๋า เพราะเมื่อเรารู้สึกอิ่มตัวกับธุรกิจหนึ่งแล้ว เราก็จะยังมีแรงคิดและพลังในการทำงานกับอีกธุรกิจหนึ่งต่อไป”
“แบรนด์ SHAKIRA ไม่เพียงจะมีสินค้าอย่างกระเป๋าหนังจระเข้สุดหรูเท่านั้น แต่ยังมีเสื้อผ้าแฟชั่นที่มีดีเอ็นเอ หรีออัตลักษณ์ของความเป็นแบรนด์ SHAKIRA อย่างครบถ้วน” หมอกี้เล่าด้วยว่า ทั้งวัสดุ รวมถึงการตัดเย็บและรูปทรงการดีไซน์ และการนำเอาผ้าไหมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในผลิตภัณฑ์ ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของแบรนด์ด้วย
ความหมายของผู้หญิงยุคใหม่
ในความเป็นแบรนด์ SHAKIRA นอกจากความหรูหราแล้ว ยังมีความหมายที่บ่งบอกให้เห็นความเป็นผู้หญิงยุคใหม่ที่มีความเข้มแข็งในตัวเอง มีความคล่องแคล่วและเป็นเวิร์กกิ้งวแมน “อย่างกระเป๋า เราได้ดีไซน์ให้ออกมามีความเป็นแคสชวลและค็อกเทล ซึ่งทำให้สามารถนำไปใช้งานได้ในหลายๆ ลักษณะทั้งการถือไปทำงาน หรือการใช้ในไลฟ์สไตล์ทั่วไปไม่เท่านั้น หากถือออกงานที่เป็นทางการ กระเป๋า SHAKIRA ก็ยังทำให้ผู้ถือดูสง่างามและมีระดับ” ที่สำคัญยังทำให้ช่วยประหยัดเวลาในการหาแอกเซสซอรี่ของคุณผู้หญิงอีกด้วย ถือเป็นกระเป๋าอีกหนึ่งแบรนด์ที่เหมาะกับผู้หญิงในยุคปัจจุบัน”
เจ้าของแบรนด์ SHAKIRA ยังบอกด้วยว่า วันนี้ผู้หญิงยุคใหม่ควรจะมีความโดดเด่น มีความเข้มแข็ง รวมถึงยังต้องมีอินเนอร์ในตัวเอง เพื่อตอบโจทย์ความเป็นผู้หญิงยุคใหม่ ที่มีบทบาททั้งในครอบครัวและในสังคม “การที่เราขยายธุรกิจใหม่ออกมา ก็ไม่ได้คาดหวังในเรื่องของธุรกิจ เพราะเราคิดว่าเรามีความมั่นคงในธุรกิจหลักของเราอยู่แล้ว ซึ่งการขยายธุรกิจแบรนด์ SHAKIRA ออกมานี้ก็แค่หวังว่าจะทำให้เกิดแพสชันให้กับผู้หญิงยุคใหม่ ที่ต้องการสื่อให้สังคมได้เห็นว่าผู้หญิงมีความเก่งในหลายรูปแบบ ไม่ใช่แค่เราจะสวย หรือมีความอ่อนโยนเท่านั้น แต่ผู้หญิงในยุคนี้ยังต้องมีพลังในตัวเอง ที่สามารถส่งต่อให้กับผู้หญิงคนอื่นๆ อีกด้วย รวมไปถึงเราอยากเห็นการรวมตัวกันของพลังผู้หญิงให้มีความชัดเจนมากขึ้น เพื่อนำไปสู่การสร้างบทบาทดี ๆ ให้กับโลกใบนี้ได้มากขึ้น” บอกเลยว่ากระเป๋าแบรนด์ SHAKIRA ไม่เพียงจะช่วยเสริมความสง่างามให้กับผู้หญิงเท่านั้น ทว่ากระเป๋าแบรนด์นี้ยังมีพลังที่จะมาเสริมสร้างความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นด้วย “นั่นถือเป็นส่วนหนึ่งของอัตลักษณ์ที่อยู่ในแบรนด์ SHAKIRA ค่ะ เรามาพร้อมกับความอลังการและความเชื่อ โดยเฉพาะสัญลักษณ์ของแบรนด์ที่เป็นรูปแปดเหลี่ยม ในส่วนนี้จะบ่งบอกถึงสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจที่จะช่วยดึงพลังงานจักรวาลเข้าหา และผลักสิ่งไม่ดีออกไปจากตัว” ขณะที่ตัวอักษร S ที่อยู่ตรงกลางในกรอบแปดเหลี่ยม หมอกี้บอกว่ามีความหมายว่า “เงิน” ด้วย “ผู้หญิง นอกจากจะรันด้วยพลังและความเชื่อแล้ว เงินก็ยังเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน”
แผนธุรกิจในอนาคต
นอกจากกระเป๋าและเสื้อผ้าแบรนด์ SHAKIRA แล้ว ผู้หญิงเก่งอย่างหมอกี้ก็ได้วางแผนเปิดธุรกิจใหม่ในอนาคตเพิ่มขึ้นด้วย “ทั้งหมดยังคงอยู่ภายใต้แบรนด์ SHAKIRA ค่ะ โดยในเร็วๆ นี้เราจะเน้นไปที่เรื่องของความสวยงาม ด้วยการออกโปรดักซ์ใหม่ที่ชื่อว่า SHAKIRA MASK ที่เน้นการนำสมุนไพร 100% มาใช้ และถือเป็นสูตรที่มีความพิเศษมากๆ โดยเฉพาะการนำเอาน้ำมันกฤษณามาเป็นส่วนผสมหลักในผลิตภัณฑ์ เพื่อช่วยบำรุงผิวพรรณ”
“จุดเด่นของ Face Mask ตัวนี้ จะมีความแตกต่างไปจากมาส์ก ในท้องตลาด โดยกลิ่นหอมของสมุนไพที่นำมาใช้ นอกจากจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายแล้วยังให้สัมผัสถึงดีเอ็นเอของแบรนด์ SHAKIRA ซึ่งเห็นผลได้หลังจากที่ใช้ไปเพียงไม่กี่ครั้ง ซึ่งสมุนไพรที่นำมาใช้ยังได้รับการรับรองจากสำนักงานองค์การอาหารและยา (อย) แล้ว ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ในช่วงเดือนกันยายนนี้ค่ะ” หมอกี้กล่าว
ส่งพลังบวกคุณแม่สู่ลูกรัก
ความเป็นผู้หญิงเก่งของ “หมอกี้ ” ไม่ใช่แค่การเป็นนักธุรกิจเท่านั้น แต่เธอยังเรียกว่าเป็นคุณแม่ที่มีวิธีการเลี้ยงลูกที่น่าชื่นชมคนหนึ่ง “เราไม่ได้แค่นำแนวคิดที่มีมาใช้ในการบริหารงานในธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเลือกที่จะนำมาใช้ในการบริหารในเรื่องความเป็นแม่กับลูกด้วย เราจะมองลูกของเราก่อนว่าเขามีจุดเด่นอะไร และมีจุดอ่อนอะไร จากนั้นเราจะเลือกใช้ Empowering กับลูกของเรา ในส่วนที่เขาขาดหายไป เขาขาดส่วนใดก็จะเติมเต็มในส่วนนั้นให้” นอกจากนี้หมอกี้ยังบอกด้วยว่า การทำตัวเป็นตัวอย่างให้ลูกเห็น ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหา หรือการสร้างความสำเร็จอะไรก็ตาม ถือเป็นอีกแนวทางที่จะทำให้ลูกได้เรียนรู้จากตัวของเธอ โดยไม่ต้องชี้แนะอะไรเลย
“ขณะเดียวกัน เราก็พยายามให้ลูกได้เข้ามามีส่วนในการตัดสินใจเรื่องบางเรื่องของเราด้วย ซึ่งถือเป็นอีกแนวทางที่เชื่อว่าจะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น เพราะเมื่อเขาได้มีส่วนเข้ามาตัดสินใจอะไรสักอย่างในเรื่องของเราแล้ว เขาก็จะยอมรับการทำงานของเรา และไลฟ์สไตล์ของเราไปพร้อมกัน” และด้วยความเป็นคุณแม่ หมอกี้พยายามทำทุกอย่างเพื่อลูกของเธอ โดยเฉพาะการส่งเสริมและสนับสนุนเรื่องของการเรียนและการใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม และต้องอยู่ในกรอบความคิดที่ไม่ได้ปิดกั้น “บางครั้งเราก็อยากให้เขาเรียนรู้ชีวิตความยากลำบาก ก็จะส่งเขาไปอยู่ที่บ้านต่างจังหวัด เพื่อจะได้รู้ว่าการดิ้นรนและต่อสู้กับชีวิตเป็นอย่างไร”
ส่งต่อพลังให้ผู้หญิงทุกคน
หมอกี้บอกด้วยว่า วันนี้เธออยากใช้ประสบการณ์ของตัวเอง และถ่ายทอดความรู้ที่มีออกไป ทั้งเรื่องของการบริหารธุรกิจ การเข้าสังคม ตลอดจนการเป็นคุณแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง “ผู้หญิงทุกคนสามารถทำได้ค่ะ สามารถดูแลบริษัทและดูแลครอบครัวไปพร้อมกันได้ วันนี้กี้เองซึ่งอยู่ในวงการธุรกิจจนได้ฉายาว่า มาดามพลังงาน ก็อยากส่งมอบประสบการณ์และพลัง รวมถึงทัศนคติให้กับผู้หญิงทุกคนได้เห็นมุมมองใหม่ ที่ผู้หญิงทุกคนสามารถทำอะไรได้หลายๆ อย่างไปพร้อมๆ กัน และยังสามารถพัฒนาตัวเองได้มากขึ้นไปเรื่อยๆ ในทุกๆ วัน”
“นอกจากนี้ยังอยากให้คำว่า Empowering women อยู่ในตัวของผู้หญิงทุกคน และจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รู้สึกสนุกสนานกับการทดสอบศักยภาพของตัวเองด้วย เราไม่จำเป็นต้องเซตศักยภาพให้ไปไกล แค่เพียงตั้งเป้าหมายในระยะสั้นไว้ก่อน แล้วค่อยขยับไปเรื่อยๆ อย่าไปกดดันตัวเอง ปล่อยให้ศักยภาพของเราถูกพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายแล้วเราก็จะเห็นว่าเราโตขึ้นเรื่อยๆและจะรู้สึกกับความท้าทายในตัวเองทุกๆ วัน”
จุดหมายความสำเร็จในชีวิตก็เช่นกัน หมอกี้ย้ำว่า การที่เรามองย้อนกลับไปเมื่อวาน แล้วเห็นว่าวันนี้ตัวของเรามีความเก่งขึ้น ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จของตัวเองแล้ว “ในเวลาเดียวกัน เราเองก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมองเป้าหมายข้างหน้าก็ได้ แค่เรามองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแล้วทำให้ดีที่สุด เพียงเท่านี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการสร้างกำลังใจให้กับตัวเองเช่นกัน” เช่นเดียวกับวันนี้ ที่หมอกี้-อังคนางค์ ชากีร่า บำรุงสรณ์ กำลังมีความสุขกับสิ่งที่เธอทำอยู่ในทุกวัน นั่นคือการที่มองเห็นตัวเองพัฒนาศักยภาพในตัวเองให้เก่งกว่าเมื่อวาน รวมไปถึงการได้เห็นลูกของเธอเติบโตอย่างมีศักยภาพ ไปพร้อมกับได้เห็นธุรกิจทั้งในส่วนของบริษัท รีเจน สมาร์ท ซิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด และแบรนด์ SHAKIRA เติบโตไปตามเป้าหมายที่เธอได้วางเอาไว้อย่างดีที่สุด