หากพูดถึงแฟชั่นนิสต้า เซเลบสาวสวยทายาทนักธุรกิจชื่อดัง ชื่อของ “น้องเพิร์ล-พิมพ์ญาดา วิไลลักษณ์” บุตรสาวคนโตของคุณธนานันท์ วิไลลักษณ์ ผู้บริหารกลุ่มสามารถคอร์ปอเรชัน และคุณเพชรรัตน์ ลิ้มสวัสดิ์วงศ์ ผู้บริหาร S HOTEL GROUP จะเป็นชื่ออันดับต้นๆ ที่เรานึกถึง ด้วยใบหน้าเก๋ๆ บวกกับบุคลิกเท่ๆ ปนความสดใสและมีความกระตือรือร้นเต็มเปี่ยม ทำให้เธอกลายเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่เข้ามาช่วยงาน และสานต่อธุรกิจให้กับครอบครัว แต่ด้วยไลฟ์สไตล์ที่รักการท่องเที่ยวและแฟชั่น ทำให้เธอฝันที่จะสร้างธุรกิจของตัวเองจากแพสชัน แม้วันนี้เธอยังไม่เจอเส้นทางที่อยากเดินจริงๆ แต่ก็ยังมีความสุขที่เดินบนเส้นทางธุรกิจของครอบครัว ด้วยการใช้ชีวิต และทำทุกวันให้ดีที่สุดก็พอ
“หลังจากที่เพิร์ลเรียนจบปริญญาตรีหลักสูตรนานาชาติ (Intemnational program in Design and Architecture หรือ INDA) จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ไปเรียนต่อปริญญาโทด้าน Communication ที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระหว่างเรียนก็ทำงานอินเทิร์นทั่วไป ส่วนใหญ่จะทำงานด้านแฟชั่น พอเรียนจบก็ทำงานที่ LVIMH รับผิดชอบดูแลแบรนด์ Le Vestiaire จาก อิตาลี ทำที่นั่นประมาณ 1 ปี พอดีโควิดระบาดพ่อก็เลยอยากให้กลับไทย ตอนที่กลับมาก็ยังทำงาน Work from Home อยู่ แต่ก็ช่วยพ่อทำธุรกิจขายไวน์ที่ Wine Gallery ไปด้วย จริงๆ เพิร์ลช่วยพ่อทำธุรกิจนี้ตั้งแต่ตอนเรียนจุฬาฯ ส่วนใหญ่ลูกค้าก็จะเป็นร้านอาหาร โรงแรม เรามีทั้งขายส่งและขายปลีก เวลาเพื่อนจะสั่งไวน์ก็มาสั่งกับเพิร์ล และช่วงหลังก็มาช่วยพ่อขายอุปกรณ์ตีกอล์ฟยี่ห้อ Pince ด้วย”
“การที่พ่อเป็นคนชอบค้าขาย ชอบทำธุรกิจ เพิร์ลก็เลยชอบขายของไปด้วย เพิร์ลชอบไปร้าน ชอบดีลงานกับลูกค้า แต่ไม่ชอบงานนั่งออฟฟิศ ตอนที่อยู่ที่นิวยอร์กทำงานเป็น PR ก็จะออกไปดีลงานข้างนอก เอาชุดไปส่งให้ดารา เซเลบใส่ หรือเอาชุดคอลเลกชันใหม่ไปส่งให้นิตยสารถ่ายแฟชั่น แล้วก็ช่วยดูหน้างาน จัดลุคโน่นนี่ ก็เป็นงานที่สนุกดี ตอนนี้ไม่ได้ทำที่ LVIMH แล้ว แต่ก็ยังสนใจเรื่องแฟชั่นอยู่ เมื่อก่อนเคยทำแบรนด์เสื้อผ้าตัวเองเหมือนกัน แต่พอทำออกมาแล้วโดน
ก็อบก็รู้สึกเลิกทำดีกว่า คิดว่าเป็นสไตลิสต์ดีกว่า สนุกกว่า แล้วก็ได้ชอปปิงด้วย”
“งานที่เพิร์ลทำส่วนใหญ่ก็จะติดต่อกับลูกค้า คิดโปรโมชั่น ส่วนน้องสาวเพิร์ลเรียนบริหารธุรกิจที่จุฬาฯ พอจบก็ดูแลงานในออฟฟิศ ดูบัญชี ดูงานบริหารไป ส่วนเพิร์ลก็ดู PR ดู Marketing ไป ช่วงนี้ธุรกิจเริ่มอยู่ตัว เพิร์ลก็จะเน้นไปเที่ยว (หัวเราะ) อยากไปดูโน่นนี่ ไปหาแพสชัน อยากหาสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ตอนนี้ยังไม่เจอก็ทำธุรกิจครอบครัวไปก่อน งานที่เพิร์ลรับผิดชอบเป็นงานที่จะทำที่ไหนก็ได้ ก็เลยไม่กังวลอะไร ตอนนี้อยากส่งออกไวน์ไปขายต่างประเทศ เพราะเพิร์ลมีเพื่อนๆ ที่อเมริกาฝรั่งเศส และอิตาลีอยู่พอสมควร ประกอบกับเราเป็นตัวแทนจำหน่ายไวน์ยี่ห้อหนึ่งรายเดียวในประเทศไทยอยู่แล้ว ในแต่ละปีเราก็จะได้โควตาจากผู้ผลิต เพราะเราทำธุรกิจนี้มาเป็นสิบปีแล้ว ก็มีความสัมพันธ์เหนียวแน่นพอสมควร”
“นอกจากธุรกิจของพ่อ ตอนนี้แม่ก็เริ่มหันมาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของตัวเอง นอกเหนือจากโรงแรมที่ทำอยู่อย่าง S31, S33, S3 และที่อื่นๆ ตอนนี้โปรเจกต์แรกของแม่ก็คือทำคอนโดมิเนียม “47” ในซอยสุขุมวิท 47 ซึ่งเรามีห้องราวๆ 40 กว่ายูนิต ไซซ์เล็กสุดราคาประมาณ 10 ล้านบาท ส่วนแพงสุดก็จะราคาประมาณ 30 กว่าล้านบาท เพิร์ลเข้ามาช่วยแม่ดูดีไซน์ขายห้อง ซึ่งเราทำห้องที่ตอบโจทย์ความต้องการของตัวเอง เพดานต้องสูง พื้นที่ใช้สอยต้องดี เพราะเราทำห้องไว้ให้ตัวเองด้วย คุณป้าเพิร์ลก็อยู่ที่นี่ ทุกอย่างที่ทำต้องดีที่สุดเพราะเราอยู่ที่นี่ด้วย ท้องบางส่วนก็มีเพื่อน ๆ มาช่วยอุดหนุน ฟืดแบ็กค่อนข้างดี ส่วนตอนนี้ S31 มีแผนจะรีโนเวทโรงแรมใหม่ เพราะโรงแรมก็เปิดมาเป็นสิบปีแล้ว น้าก็จะถามไอเดียใหม่ๆ เพราะเพิร์ลจะเดินทางท่องเที่ยว ไปพักโรงแรมใหม่ๆ เยอะมาก ก็จะเห็นเทรนด์โรงแรมในต่างประเทศ ถ้าจะปรับปรุงโรงแรมทั้งทีอยากให้มันเพอร์เฟกต์ เพิร์ลชอบงานที่ทำทุกวันนี้นะ สนุกดี เพราะส่วนตัวไม่ชอบทำงานจำเจ มีอะไรให้ช่วย ให้ทำ ก็ทำ ซึ่งที่บ้านก็ไม่เคยบังคับว่าเพิร์ลต้องทำอะไร อยากเรียนอะไรก็ได้ อยากทำอะไรก็ทำไปเลย พ่อจะบอกกับลูกๆ ว่าถ้าไม่ชอบก็อย่าไปทำ เพราะทำไปก็ไม่ดี ถ้าเราชอบ เราก็จะสนุกกับมัน”
“ถ้าถามว่าตอนนี้อยากทำอะไร เพิร์ลอยากทำ Plan Trip แบบ Luxury ไม่ก็เป็นที่ปรึกษาและรับดีลที่พักหรือร้านอาหาร เพราะทุกวันนี้เวลาเพื่อนไปเที่ยวแล้ว จะหาร้านอาหารก็ต้องโทรมาหาเพิร์ลว่าจะไปเที่ยวประเทศนี้ ไปพักที่ไหนดี ไปกินที่ไหนดี ก็เลยอยากทำตรงนี้ ถ้าใครไปนิวยอร์ก เพิร์ลก็รู้จักกับเชฟและร้านอาหารดังๆ เยอะมาก ซึ่งตอนนี้เพิร์ลลงเรียนฮาร์วาร์ดออนไลน์คอร์ส เพื่อเรียนวิธีการทำธุรกิจเป็นของตัวเอง ตอนนี้อยากทำ Trip Planner อยากเป็นสไตลิสต์ ก็อาจจะรับทำเป็นที่ปรึกษาแบบ Exclusive คิดว่าปีหน้าก็จะเริ่มลงมือทำ”
“ถ้าถามพิมพ์ญาดาเป็นคนแบบไหน ก็คงเป็นคนตรงๆ ใช้ชีวิตสนุก มีชีวิตในกรอบที่กว้างมากๆ ชอบใช้ชีวิตไม่วุ่นวาย เดี๋ยวนี้ใช้ชีวิตง่ายขึ้น ชอบอยู่บ้านมากขึ้น”
“ถ้าถามว่าพิมพ์ญาดาเป็นคนแบบไหน ก็คงเป็นคนตรงๆ ใช้ชีวิตสนุก มีชีวิตในกรอบที่กว้างมากๆ ชอบใช้ชีวิตไม่วุ่นวาย เดี๋ยวนี้ใช้ชีวิตง่ายขึ้น ชอบอยู่บ้านมากขึ้น เมื่อก่อนไปเที่ยว ไปงานทุกแฟชั่นวีก ไม่ค่อยอยู่บ้าน ตอนนี้ก็ไปน้อยลง เมื่อก่อนเป็นพวก Perfectionist ทำอะไรละเอียดมาก เป๊ะมาก จนไปอยู่นิวยอร์กแล้วต้องดูแลตัวเอง ก็เลยใช้ชีวิตสบายขึ้น แต่สบายในสภาวะแข่งขันกันหนักมาก ตอนอยู่ไทยเรียนสถาปัตย์ฯ ไม่เคยอินเทิร์นอะไรเลย เพิร์ลเป็นคนที่แบบถ้าตั้งใจก็ตั้งใจสุด ๆ ถ้าอยากรีแล็กซ์ก็รีแล็กซ์เลย ตอนที่อยู่นิวยอร์กคือตั้งใจว่าจะเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ทำงานพิเศษ 3 งานพร้อมกัน เพราะอยากรู้ว่าตัวเองชอบอะไร ก็สู้นะ พยายามขยัน แต่บทไม่อยากทำก็คือขี้เกียจไปเลย ชีวิตเหมือนไม่มีตรงกลาง ไม่รู้ว่าเป็นข้อเสียหรือเปล่า (หัวเราะ) เพิร์ลไม่ชอบวางแผนชีวิตไปไกลๆ คือแค่ให้รู้ว่าถึงเวลาควรจะทำอะไร ถ้าช่วงนี้ก็อยากให้เวลากับครอบครัวมากกว่า แต่ถ้าในอนาคตมีครอบครัวของตัวเอง เวลาก็จะน้อยลงไปอีก ก็ต้องจัดสรรเวลาให้ดี ชีวิตก็แฮปปี้ดีนะ ครอบครัวดี ชีวิตรักก็ดี ทุกอย่างดีหมด มีอย่างเดียวคือกำลังตามหาความฝันว่าจริงๆ อยากเป็นและอยากทำอะไร ถ้ายังไม่เจอก็ไม่เป็นไร ก็แค่ใช้และทำชีวิตวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ”