- การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นการระดมทุนครั้งใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมบล็อกเชนและ Web3 ของเอเชียในปีนี้
- การลงทุนครั้งนี้นำโดย Crescendo Equity Partners ซึ่งเป็นกองทุนส่วนบุคคลที่ได้รับการสนับสนุนจาก
ปีเตอร์ ธีล (Peter Thiel) ที่มีความสนใจกลยุทธ์ของ LINE และวิสัยทัศน์ในการสร้างให้ Web3 เป็นที่นิยม - LINE NEXT มีเป้าหมายที่จะใช้เงินจากการระดมทุนครั้งนี้ในการเปิดตัวแพลตฟอร์มและบริการที่เกี่ยวข้องกับ Web3 และฟีเจอร์ต่างๆ ในระดับโลก
ซ็องนัม เกาหลีใต้ – 7 ธันวาคม 2566 – LINE NEXT Corporation บริษัทร่วมทุนของ LINE ที่มุ่งพัฒนาและขยายธุรกิจ NFT ในระดับโลก ประกาศความสำเร็จในการระดมทุนมูลค่า 140 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากกลุ่มพันธมิตรการลงทุน นำโดย Crescendo Equity Partners (“Crescendo”)
การระดมทุนครั้งนี้ถือเป็นการระดมทุนครั้งใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมบล็อกเชนและ Web3 ของเอเชียในปีนี้ โดย LINE NEXT มีเป้าหมายที่จะใช้เงินจากการระดมทุนครั้งนี้ในการขยายธุรกิจในระดับโลก และพัฒนาบริการใหม่ๆ เพื่อสร้างให้ระบบนิเวศ Web3 เป็นที่นิยมมากขึ้น
LINE NEXT มีแผนที่จะเปิดตัว DOSI แพลตฟอร์ม NFT ระดับโลกอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2567 นี้ ในฐานะมาร์เก็ตเพลสที่เปิดให้มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ดิจิทัลที่มีความหลากหลาย ซึ่งได้ผนวกรวมเข้ากับ LINE NFTมาร์เก็ตเพลสจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำเสนอบริการผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือให้กับลูกค้าทั่วโลกด้วย นอกจากนี้ LINE NEXT ยังจะนำเสนอโซลูชันใหม่ที่จะช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถเป็นเจ้าของโดยตรงของผลิตภัณฑ์ดิจิทัลที่มีอยู่และทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนได้ ซึ่งจะยิ่งทำให้การนำเสนอ Web3 ให้กับแบรนด์ต่างๆ เป็นเรื่องง่ายขึ้น อีกทั้ง LINE NEXT ยังจะเปิดตัวบริการใหม่ๆ ที่จะทำให้การใช้งาน Web3 เป็นที่นิยมมากขึ้น ซึ่งรวมถึงการเปิดตัวแอปพลิเคชันด้านโซเชียลมีเดีย ที่
จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถสื่อสารระหว่างกันได้ผ่านคาแรคเตอร์ที่สร้างขึ้นโดยเทคโนโลยี AI และการเปิดตัวเกม Web3 ที่สร้างโดยใช้เหล่าคาแรคเตอร์ BROWN & FRIENDS ที่ผู้ใช้งานทุกคนสามารถเพลินเพลินไปด้วยกัน
LINE NEXT วางแผนที่จะสร้างบริการเหล่านี้บน Finschia ซึ่งเป็นบล็อกเชนสาธารณะ โดย LINE NEXT และ Crescendo จะมีส่วนร่วมในสถาบัน Finschia Foundation ในฐานะสมาชิกที่มีอำนาจตัดสินใจ เพื่อช่วยให้เกิดการขยายตัวของระบบนิเวศอีกด้วย
Crescendo ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากปีเตอร์ ธีล (Peter Thiel) ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Palantir Technologies ได้ลงทุนด้วยความเชียวชาญในภาคส่วนธุรกิจเทคโนโลยีที่โดดเด่น และการเข้าถึง “ระบบนิเวศด้านเทคโนโลยี” ที่มีรากฐานที่มั่นคงทั้งเครือข่ายท้องถิ่นและในระดับโลก โดย Crescendo มุ่งเน้นในการเฟ้นหาบริษัทเทคโนโลยีขนาดเล็กถึงขนาดกลางเพื่อปลุกปั้นสู่บริษัทชั้นนำระดับโลก
เควิน ลี (Kevin Lee) หุ้นส่วนผู้จัดการของ Crescendo กล่าวว่า “ความสามารถในการแข่งขันในระดับโลกของ LINE และวิสัยทัศน์ในเป็นผู้นำการบริการด้าน Web3 ถือเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เกิดการเข้าลงทุนในครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะสามารถสร้างมาตรฐานในกับแอปพลิเคชันแบบ Web3 ที่ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถใช้งานได้โดยง่าย และนำเทคโนโลยีบล็อกเชนไปใช้ในบริการและแบรนด์ต่าง ๆ ที่ยังอยู่ในระบบ Web2”
ยังซู โก (Youngsu Ko) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE NEXT กล่าวว่า “ความสำเร็จในการระดมทุนครั้งนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมากในบริบทของสภาพแวดล้อมการลงทุนที่มีแนวโน้มหดตัวลงทั่วโลก โดยเราตั้งใจที่จะใช้โอกาสนี้สร้างให้ Web3 เป็นที่นิยมมากขึ้น อีกทั้งยังจะพัฒนาบริการใหม่ๆบนระบบนิเวศของเรา เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเป็นเจ้าของมูลค่าของสินค้าดิจิทัลของจนเองได้”
LINE NEXT เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการ Web3 ระดับโลก จากการเปิดแพลตฟอร์ม DOSI โดยปัจจุบัน มีผู้ใช้บริการถึงกว่า 5.5 ล้านคนทั่วโลก สร้างธุรกรรมรวมสะสมกว่า 470,000 ธุรกรรม ซึ่งถือเป็นตัวเลขการเติบโตที่รวดเร็วเมื่อเทียบกับการเปิดตัวในรูปแบบเบต้ามาเพียง 1 ปีเท่านั้น
###
เกี่ยวกับ LINE NEXT Corporation
LINE NEXT Corporation เป็นบริษัทที่มุ่งเน้นกลยุทธ์และการวางแผนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Web3 ที่ตั้งอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาระบบนิเวศของ Web3 และส่งเสริมให้ Web3 เป็นที่นิยมสำหรับทุกคน ผ่านบริษัทสาขาในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ดำเนินธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์ม NFT ระดับโลก และสำนักงานในประเทศญี่ปุ่น
เกี่ยวกับ Crescendo Equity Partners
CRESCENDO EQUITY PARTNERS (“Crescendo”) เป็นกองทุนส่วนบุคคลที่มุ่งเน้นการลงทุนด้านเทคโนโลยี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก ปีเตอร์ ธีล (Peter Thiel) ผู้ร่วมก่อตั้ง PayPal และ Palantir Technologies
โดย Crescendo มุ่งเน้นการลงทุนในบริษัทที่มีเทคโนโลยีที่โดดเด่นและมีศักยภาพในการเติบโตสูง ซึ่งมีภาคการ
ลงทุนที่เป็นเป้าหมาย ได้แก่ ภาคการผลิตฮาร์ดแวร์แบบ B2B เช่น เซมิคอนดักเตอร์ และชิ้นส่วนวัสดุ และภาคการผลิตซอฟต์แวร์ที่เป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ๆ เช่น ความปลอดภัยด้านไอที และระบบอัตโนมัติในโรงงาน เป็นหลัก โดย ณ เดือนพฤศจิกายน 2566 Crescendo มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการสูงถึง 1.8 ล้านล้านวอน (คำนวณจากจำนวนสินทรัพย์ที่มีสัญญาสะสม)