ผู้หญิงเก่งที่พร้อมเติบโตไปกับทุกบทบาทของชีวิต ปุยเมฆ – นภสร วีระยุทธวิไล หรือที่รู้จักกันในฐานะศิลปินเดี่ยว ภายใต้สังกัด LOVEiS Entertainment ที่สามารถผสมผสานระหว่างการเป็นแพทย์และศิลปินได้อย่างลงตัว ทั้งยังพิสูจน์ให้เห็นว่าความฝันนั้นไร้ขีดจำกัด พร้อมที่จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้าบนเส้นทางที่เลือกด้วยพลังบวก และความเชื่อมั่นในการทำทุกสิ่งให้ดีที่สุด โดยไม่ยึดติดกับผลลัพธ์
“การได้มีโอกาสเข้ามาในวงการนี้ สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้คือการปล่อยวางได้ง่ายขึ้น ถ้าพูดตามธรรมชาติของมนุษย์ และโลกใบนี้ที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา บางอย่างที่เคยเป็นอยู่ก็อาจไม่ได้คงอยู่อย่างนั้น เราแค่ทำทุกอย่างออกมาให้ดีที่สุด แต่ไม่ต้องคาดหวังกับผลลัพธ์ที่จะตามมา เคยมีคนสอนปุยเมฆว่า เราแค่ตั้งใจทำผลงานให้ดี รู้สึกว่าได้มอบสิ่งที่ดีที่สุดในศักยภาพของเราออกไปสู่ผู้ชมผู้ฟังภายนอก หลังจากนั้นลมจะพัดพาผลงานเราไปทางไหน มีกระแสอย่างไร นั่นเป็นสิ่งที่เหนือการควบคุมของเรา ไม่ต้องไปคาดหวังกับมัน”

“ปุยเมฆมองว่าคุณสมบัติสำคัญที่ควรมีเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นอาชีพแพทย์หรือศิลปิน ก็คือความอกเห็นใจคนอื่น เอาใจเขามาใส่ใจเรา เพราะรู้สึกว่าทั้งสองอาชีพเป็นอาชีพที่ต้องพบปะผู้คน ถ้าเรามีความตัดสินคนอื่นไปก่อน หรือไม่ได้เปิดกว้างยอมรับความต่างที่พบ อาจทำให้เราเข้ากับคนอื่นยาก หรือมีวิธีการรับมือกับผู้คนหลากหลายรูปแบบได้ไม่ค่อยดีนัก ปุยเมฆเลยมองว่าคุณสมบัติที่เราควรต้องมี คือความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และยอมรับในความแตกต่างของแต่ละคน”
“จริง ๆ แล้วปุยเมฆก็มีเรื่องลับ ๆ ที่หลายคนอาจยังไม่รู้ คือเป็นคน Introvert มากค่ะ แต่จะกลายเป็น Extrovert กับคนที่สนิทด้วย อย่างเวลาไปเจอคนสังคมใหม่ ๆ ถ้าเพิ่งรู้จัก ยังไม่สนิท ปุยเมฆจะเป็นคนที่เงียบมาก แต่พอเริ่มสนิทด้วยก็จะคุยเยอะ ชวนไปกินข้าว เหมือนกลายเป็นคนละคน แต่ในขฯเดียวกันก็จะเป็นคนที่ติดบ้านมากพอสมควร เวลาเพื่อนชวนออกไปเที่ยว มักจะไม่ค่อยออกไป อยากนอนอยู่บ้านมากกว่า มีความสุขเวลาได้อยู่กับบ้าน แต่ก็ยังมีความสุขอีกแบบคือเป็นคนที่ชอบอยู่กับคนที่เรารัก และชอบเทกแคร์คนเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ญาติพี่น้อง คนรัก เพื่อนที่สนิทสนม เวลาที่ได้ทำอะไรบางอย่างให้เขามีความสุข ปุยเมฆก็จะรู้สึกเหมือนสิ่งดีๆ ที่เราทำให้ย้อนกลับมาหาเราเลยค่ะ พอเห็นเขามีความสุขแล้วเราก็มีความสุข แฮปปี้ตามไปด้วย”

“เวลาเจอปัญหา หรืออะไรที่ทำให้รู้สึกท้อ ปุยเมฆจะเป็นคนที่กลับมานั่งคิดทบทวน ว่าปัญหาเหล่านั้นเป็นสิ่งที่เรามีวิธีแก้ไขไหม หรือเป็นสิ่งที่เหนือความควบคุมของเรา ถ้าไม่สามารถแก้ไขได้ หรือทำได้แค่เสียใจกับมัน ก็จะ ‘ช่างมัน’ พยายามเรียนรู้คำว่าช่างมัน แล้วจะทำให้เรามีแรงในการทำสิ่งอื่นต่อไป คิดเสียว่าไม่เป็นไร ช่างมัน เรายังมีวันพรุ่งนี้เสมอ ยังมีทางให้แก้ไขในสิ่งที่เมื่อวันก่อนเราอาจทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร เก็บสิ่งนั้นมาแก้ไขในสถานการณ์ข้างหน้า มากกว่าการจมอยู่กับอดีต ช่างมันให้ได้กับทุกเรื่อง”
“ส่วนวิธีเชียร์อัปตัวเองของปุยเมฆ จะเป็นการให้กำลังใจตัวเอง ว่าเรามาถึงทุกวันนี้ได้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเราในอดีตยังไม่เคยคิดเลย ว่าเราจะมาอยู่ตรงนี้ ดังนั้นเวลามีปัญหาหรือรู้สึกด้อยค่าตัวเอง รู้สึกว่าเราไม่ดีหรือเปล่า ก็จะพยายามมองย้อนกลับไปจุดนั้นเสมอ จุดที่เราอยู่ตรงนี้ไม่ใช่ทุกคนจะมาถึงได้ เราเก่งมาก ๆ ที่มาได้จนถึง ณ จุดนี้ ฉะนั้นรักตัวเองให้มาก ๆ แล้วก็รู้สึกขอบคุณตัวเอง ที่มาถึงวันนี้ได้ ส่วนสิ่งไหนที่คิดฝันไว้ว่าอยากเป็น อยากทำ แต่วันนี้ยังทำไม่ได้ ยังไปไม่ถึง ก็ลองมองย้อนกลับไปว่าในอดีตตอนนั้น เรายังไม่เชื่อเลยว่าตัวเองจะมาอยู่ตรงจุดนี้ได้ ในอนาคตมันก็อาจจะเป็นแบบตอนนั้น ที่เราไม่เคยคาดฝันเหมือนกัน”

“ทุกวันนี้พอเราโตขึ้น รู้สึกอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เพราะว่าพออายุมากขึ้นก็ต้องวางแผนชีวิต พยายามจะหาสิ่งที่เราสามารถทำงานได้ดี แล้วก็อยู่กับมันไปได้ตลอดชีวิต เลยอยากจะมีคลินิกเล็ก ๆ ให้เราได้รักษาคนไข้ในแบบที่เราอยากรักษา โดยที่ทุกอย่างในการควบคุมของเรา เป็นความฝันเล็ก ๆ ที่อยากทำให้สำเร็จก่อนอายุ 30 ซึ่งก็เหลือเวลาอีกราว 2 ปีตอนนี้ก็เริ่มวางแผนไว้แล้วเหมือนกันค่ะ”
“เคยมีน้อง ๆ แฟนคลับหลายคนบอกว่าเขามีความฝัน แต่กลัวว่าจะไปไม่ถึงฝัน ปุยเมฆอยากบอกทุกคนว่าเวลาที่เรามีความฝัน ถ้าเรากล้าคิด กล้าฝัน แสดงว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ถ้าเราอยากเป็นเหมือนคนที่เรามองว่าเขาเป็นไอดอล อยากทำให้ได้แบบคน ๆ นั้น แต่รู้สึกว่าตัวเองไม่เก่ง คงเป็นแบบนั้นไม่ได้ ก็อยากให้ฝันไว้ก่อน แล้วทำให้เต็มที่ในทุกวันไปก่อน ถ้าอยากทำอะไร ก็ฝึกฝนสิ่งนั้นไว้ พอ ณ วันที่โอกาสมาถึง เราจะได้พร้อมคว้ามันไว้ในวันที่เราพร้อม ในวันที่เราเติบโตมากขึ้น”


“เมื่อเราเติบโตขึ้น มุมมองความรักก็แตกต่างไปตามวัยเช่นกัน อย่างตอนเด็กเวลามีความรักเราจะรู้สึกว่าหัวใจอยู่เหนือเหตุผล แต่สุดท้ายแล้วคนเราพอโตขึ้น จะมองดูความรักที่สามารถอยู่กันได้ยาวนาน สามารถเป็นความสบายใจให้เราได้ในทุก ๆ วัน สำหรับความรักที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นความรักในอดีต ความรักในปัจจุบัน หรืออะไรก็ตามที่เราประสบพบเจอในแต่ละวัน ล้วนแล้วแต่สอนให้เราเติบโตขึ้น หล่อลอมให้เราเป็นเราอย่างในทุกวันนี้ แต่ถ้าถามว่า ณ โมเมนต์นี้ มีเพลงแนวไหนที่เข้ากับชีวิตช่วงนี้มากที่สุด น่าจะเป็นเพลงแนว positive หน่อย เป็นเพลงเกี่ยวกับมุมมองในการใช้ชีวิตที่เป็นเชิงบวก เพื่อเป็นกำลังใจให้เราใช้ชีวิตในแต่ละวัน”
“สุดท้ายปุยเมฆอยากฝากให้ทุกคนได้ฟังเพลง ‘โลกหมุนรอบเธอ’ เป็นเพลงฟีลกู้ดอีกเพลงหนึ่ง สำหรับใครที่กำลังรู้สึกเศร้า หรือไม่มีชีวิตชีวา เพลงนี้เป็นเพลงที่ค่อนข้างสดใส คิดว่าถ้าทุกคนได้เปิดฟัง ก็จะรู้สึกว่าโลกสดใสตามเพลงค่ะ”