วงการบันเทิงนั้นไม่ได้มีแค่แสงสีสาดส่องความสำเร็จ แต่ยังเต็มไปด้วยความท้าทายและการเรียนรู้ ซึ่งผลลัพธ์จากความทุ่มเท ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า อาทิตยา ตรีบุดารักษ์ หรือ มายด์ 4EVE มีคุณสมบัติครบถ้วนในการเป็นศิลปินเปี่ยมคุณภาพ พร้อมที่จะพัฒนาทักษะ เพื่อช่วยสานต่อความฝัน ก้าวสู่ความสำเร็จที่รอให้ไขว่คว้าอย่างมั่นใจ
“ถ้าให้เทียบการเป็นนักร้องและเป็นนักแสดง นับว่าเป็นสิ่งที่เราทำแล้วมีความสุขมาก ๆ ทั้งคู่ แต่ถ้าจะพูดให้เห็นภาพ การเป็นมายด์ 4EVE มันคือพาร์ตของการที่เราได้เป็นตัวเอง 100% มีความสุขกับการได้พรีเซนต์เพอร์ฟอร์แมนต่าง ๆ โชว์ต่าง ๆ บนเวทีในมุมมองที่เราเป็นตัวของตัวเอง แต่ในพาร์ตของนักแสดง มันคือโอกาสที่เราได้ลองประสบการณ์ใหม่ ๆ ลองเป็นคนอื่นด้วยการสมบทบาท สิ่งนี้ให้ความรู้สึกหลายอย่างที่เราอาจจะไม่เคยเจอชีวิตจริง แต่ได้ไปลองประสบเอาในการถ่ายละครหรือภาพยนตร์ เป็นอะไรที่สนุกมาก ๆ รู้สึกชอบทั้งสองอย่างเลยค่ะ คิดเสมอว่าเราเป็นคนโชคดีมาก ๆ ที่ได้ทำงานที่ตัวเองรัก เลยรู้สึกว่าในเมื่อได้รับโอกาสนี้ และอยู่ตรงจุดนี้แล้ว เราจะต้องทำให้เต็มที่ในทุก ๆ บทบาท”
“การได้ทำงานทั้งในฐานะนักร้องและนักแสดง ทำให้เราเป็นคนที่เข้าใจการทำงานมากขึ้น หมายถึงพอเรามีโอกาสได้ทำงานกับผู้คนที่หลากหลายขึ้น เจอคนใหม่ ๆ มากขึ้น เราก็จะได้เรียนรู้วิธีการทำงานจากคนหลายกลุ่ม ได้เรียนรู้สิ่งที่ควรจะทำ มีความเข้าใจในระบบการทำงานมากขึ้น มีภูมิในการทำงานมากขึ้นด้วย เช่น ทำงานเก่งขึ้น อดทนมากขึ้น หลาย ๆ อย่างที่ผ่านมา ต้องใช้ความพยายาม ความอดทน ความตั้งใจ ใช้แรงกายแรงใจในการทำงานทุกงานไปมาก เรามีงานค่อนข้างเยอะและต้องเต็มที่กับทุก ๆ งานให้ได้มากที่สุด กับในทุกโอกาสที่รับมา ความทุ่มเทต่าง ๆ เหล่านี้น่าจะเป็นองค์ประกอบที่ทำให้เราสามารถก้าวมาถึงจุดนี้ได้”
“ถ้าถามถึงสิ่งที่นับเป็นความกลัวหรือความกดดัน แต่เราสามารถผ่านไปได้อย่างน่าภูมิใจ ก็คือคอนเสิร์ตใหญ่ของ 4EVE ทั้งสองรอบ ไม่ว่าจะเป็น 4EVE THE 1st CONCERT FRIENDS & FAMILY หรือ4EVE CONCERT NOW OR NEVER เมื่อเป็นคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งใหญ่ รู้อยู่แล้วว่าต้องเจอแฟนคลับมาซัปพอร์ตเรา เพราะเป็นแบบนั้นมันถึงเป็นวันที่สำคัญมาก ๆ สำหรับพวกเรา ทำให้เราค่อนข้างที่จะกดดัน เพราะเราอยากทำให้ออกมาดีที่สุด ให้คุ้มกับสิ่งที่พวกเขาเสียเวลา เสียเงินมาดูพวกเรา เราอยากทำให้มันยอดเยี่ยมที่สุด เป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดของพวกเขา ก็เลยกลายเป็นความกังวล เป็นความกดดัน พอถึงวันแสดงจริงขึ้นมาก็ตื่นเต้นกันอยู่แล้ว แต่เอาเข้าจริง ๆ ทุกอย่างที่เราร่วมกันผ่านความตื่นเต้น ผ่านความกดดัน ผ่านความอยากจะออกไปโชว์ เมื่อรวมกันแล้วคิดว่าคอนเสิร์ตของพวกเราก็ค่อนข้างจะประสบความสำเร็จ อย่างโมเมนต์แรกที่ขึ้นไปบนเวทีแล้วเห็นทะเลสีชมพูแท่งไฟของ For Aye (ฟอร์อาย ชื่อแฟนคลับของ 4EVE) เป็นภาพแรกที่เห็นแล้วไม่ลืมจริง ๆ ค่ะ รู้สึกได้เลยว่าพลังงานมีอยู่จริง รับรู้ได้ว่าพวกเขาส่งพลังให้พวกเรามากมายจริง ๆ”
“สำหรับผลงานที่เป็นเหมือนมาสเตอร์พีซของตัวเอง ด้วยความทำงานมาหลายอย่าง ก็อยากให้ออกมาดีที่สุดเสมอ รู้สึกว่าเราพยายามทำงานทุกชิ้นให้เป็นมาสเตอร์พีซอยู่แล้ว เลยคิดว่าถ้าให้เลือกสักหนึ่งอย่างอาจจะเลือกไม่ได้ คือตั้งใจทำให้อย่างดีที่สุดมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยซ้ำ เลยตอบไม่ถูก แต่ถ้าเป็นมาสเตอร์พีซของพวกเราก็คือ 4EVE OFFICIAL สามารถติดตามได้เลยค่ะ (หัวเราะ)”
“ความฝันของเราใหญ่ขึ้นทุกวันเลยค่ะ เรามองว่าทุกโมเมนต์ของปัจจุบันสร้างอนาคต ก็เลยทำให้ค่อนข้างสั่งสมสิ่งที่เราทำมาในทุก ๆ วัน ทุกงานที่เราได้รับ ทุกโอกาสที่เราได้ต่อยอดไปทำในหลาย ๆ สิ่งที่เราอาจเคยฝันถึงว่าอยากทำ หรืออาจเป็นสิ่งที่เราไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้ทำในอนาคต ถ้าถามว่าเป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดอยู่ตรงจุดไหน ตอนนี้อาจยังตอบไม่ได้ เพราะเราพร้อมจะทำให้ทุกอย่างเป็นเป้าหมายในทุก ๆ วันอยู่แล้ว อยากให้รอติดตามว่าในอนาคตทั้งตัวมายด์ และพวกเรา 4EVE ทุกคนจะเดินไปในทางไหน เราเองก็ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะ จริงๆ ถ้าให้แง้มสักนิด ในเร็ว ๆ นี้อีกไม่กี่ปีคงเป็นเรื่องการ GO INTER ค่ะ คิดว่า 4EVE น่าจะขยับขยายเติบโตมากขึ้น หวังว่าจะเติบโตไปในที่ใหม่ ๆ หรือได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ พวกเราอยู่ด้วยกันมา 4 ปีแล้ว 4EVE ยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เป็น FIRST PRIORITY อยู่เสมอ เพราะชื่อ 4EVE ทำให้ทุก ๆ โอกาสเข้ามาในชีวิตเราด้วย นั่นหมายความว่าถ้ามีงานเกี่ยวกับ 4EVE สิ่งนี้จะสำคัญที่สุด”
“อยากฝากถึงฟอร์อายทุกคน ถึงเราจะเคยพูดไปแล้วว่า 4EVE เป็นคำที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ สำหรับเรา แต่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นก็คือฟอร์อาย ขอบคุณทุกคนที่ซัปพอร์ตพวกเรามาเสมอ เรียกว่าอยู่ด้วยกันมาตลอดไม่ว่าจะเป็นวันที่ดีหรือไม่ดียังไง แต่ทุกคนก็ยังอยู่ตรงนี้กับพวกเรา ขอบคุณมากจริง ๆ และคิดว่าหลังจากนี้ก็คงมีอะไรตื่นเต้นให้ได้รอติดตาม ก็อยากให้ดูกันไปยาว ๆ นะคะ อยากให้อยู่ด้วยกันไปนาน ๆ”
“การก้าวมาถึงวันนี้ได้ ถ้าถามว่าอยากขอบคุณอะไรตัวเอง ก็คงอยากบอกว่ามายด์เก่งมาก ขอบคุณที่ตัวเราเองมีความอดทน แล้วก็สนุกไปกับการทำงานทุกครั้งเสมอ ทำให้ทุก ๆ วันในการทำงานต่อให้รู้สึกเหนื่อย หนัก แบบไม่ไหวแล้ว แต่จะมีคำว่าสนุกที่ทำให้รู้สึกว่ายังอยากทำงานอยู่ในนั้นเสมอ ก็เลยขอบคุณตัวเองที่ยังอยากทำสิ่งนี้ ยังรักสิ่งนี้ค่ะ”
“หัวใจสำคัญในการทำงานก็คือ ‘ใจ’ ถ้าใจรัก ใจสู้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าใจเรามันไปต่อ ยังอยากทำต่อ ยังลุยต่อได้ ก็จะทำให้มีแรงทำทุกอย่างขึ้นมาเอง สำหรับน้อง ๆ ที่อยากก้าวเข้ามาประสบความสำเร็จ ก็อยากให้ใช้ความรู้สึก ใช้แพสชันตรงนั้นของตัวเอง ผลักดันให้เราทำสิ่งที่จะสามารถไปถึงจุด ๆ นั้นที่เราอยากเป็นได้ เป็นการใช้ใจเพื่อลงมือทำ ไม่ใช่ใช้ใจเฉย ๆ นะคะ เราต้องลงมือทำด้วย อยากให้ลองทำดูแล้วจะรู้ว่ามันสำเร็จได้ ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ถ้าลงมือทำ อยากให้สู้ ๆ นะคะ ถ้ามีแรงก็ลุยเลยค่ะ”
