GOOD HEALTH AND WELLBEING “ผศ. นพ.จิรยศ จินตนาดิลก” แพทย์ผู้ชำนาญการทางเวชศาสตร์การนอนหลับ และอายุรกรรมผู้สูงอายุ โรงพยาบาลเมดพาร์ค ถ่ายทอดองค์ความรู้ สู่คุณภาพชีวิตที่สมดุล

0
267

การนอนหลับคือพลังบำบัดจากธรรมชาติ แต่ด้วยวิถีชีวิตของคนยุคใหม่ ทำให้ ผศ. นพ.จิรยศ จินตนาดิลก แพทย์ผู้ชำนาญการทางเวชศาสตร์การนอนหลับ ตลอดจนอายุรกรรมผู้สูงอายุของโรงพยาบาลเมดพาร์ค ให้ความสำคัญเพื่อมอบผลลัพธ์ของการหลับอย่างมีคุณภาพ พร้อมการรับมือเมื่อไทยก้าวสู่สังคมสูงวัยอย่างสมดุล

“ผมเป็นแพทย์ชำนาญการทางเวชศาสตร์การนอนหลับ อายุรศาสตร์โรคปอด อายุรกรรมผู้สูงอายุ และอายุรกรรมทั่วไปที่โรงพยาบาลเมดพาร์ค สมัยเรียนจบแพทย์จากจุฬาฯ ได้ไปศึกษาต่อที่ Bronx Lebanon Hospital Center, New York ในสาขา Internal Medicine แล้วหาความรู้เพิ่มด้าน Pulmonary Medicine ใน Mount Sinai at Queens Hospital Program, New York จากนั้นไปศึกษาด้าน Geriatric Medicine ที่ University of Florida และด้าน Sleep Medicine ที่สหรัฐอเมริกา”

“ในขณะนี้เมืองไทยมีสัดส่วนผู้สูงอายุมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย โดยอันดับ 1 คือญี่ปุ่น รองลงมาคือสิงคโปร์ แต่ทั้ง 2 ประเทศนั้นมีสถานะเศรษฐกิจที่ดี ส่วน GDP ของไทยยังไม่สูง แล้วจะนำเงินจากไหนไปช่วยเหลือกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งทางรัฐบาลหรือภาคเอกชนเองก็มีการตื่นตัวกันสูงในเรื่องนี้ อย่างเอกชนมีการผลักดันเรื่องของการพัฒนาสินค้าต่างๆ เพื่อรองรับผู้สูงอายุ ทางรัฐบาลเองก็มีการพัฒนาระบบหรือเซอร์วิสต่างๆ ต้องดูว่าเครื่องมือและเทคโนโลยีที่เรามีอยู่ในขณะนี้เพียงพอไหมสำหรับรองรับสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เราจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่แท้จริง หมายถึงมีคนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มากขึ้น เวลานี้ผู้สูงอายุช่วงระหว่างอายุ 60 – 69 ปีมีประมาณ 50% ของผู้สูงอายุทั้งหมด ซึ่งคนอายุราวๆ นี้ยังพอจะช่วยเหลือตัวเองได้อยู่”

“ณ เวลานี้ผมและคณะแพทย์ของเรามีโอกาสได้ทำงานร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เราอยากให้ทั้งเอกชนและรัฐบาลมีการพัฒนาสินทรัพย์ทางปัญญาร่วมกัน ใช้ประโยชน์ร่วมกัน เรื่องของประสิทธิภาพในการรักษานั้น ภาคเอกชนมีการพัฒนาไปค่อนข้างไกล ตอนนี้เราเป็นน้องๆ ของสิงคโปร์ในเรื่องของการ refer คนไข้จากประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้ามารับการรักษาแบบไฮ-เทคโนโลยี ไทยถือว่าเป็นที่ยอมรับในสายตาของต่างประเทศ แต่ในขณะเดียวกันต้องอย่าลืมว่า สิ่งที่เรามีอยู่ตอนนี้เกือบ 100% เป็นของนำเข้าจากต่างประเทศ ผมมองว่าตัวอย่างของประเทศที่ประสบความสำเร็จด้านนี้คือ จีน รัฐบาลเขาพยายามผลักดัน จนสามารถสร้าง Medical Hub ขึ้นมาที่มณฑลไห่หนาน ภายในนั้นมีทั้งโรงพยาบาล โรงงานวิจัย สามารถผลิตเครื่องมือแพทย์ได้โดยใช้เวลาไม่นาน ที่สำคัญสามารถผ่าน อย. ของจีนได้ในไม่กี่เดือน จากที่เคยต้องรอนานเป็นปี รัฐบาลไทยเองก็มีศักยภาพสามารถช่วยเอกชนในด้านนี้ได้ เพียงแต่วันนี้อาจยังไม่เพียงพอ”

“ความเจ็บป่วยของคนไข้ในเวลานี้ เราแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ Acute Care กับ Chronic Care กลุ่มแรกเกิดแบบกะทันหัน กลุ่มหลังคือโรคเรื้อรัง เวลาพูดถึงโรคภัยไข้เจ็บจะมี 3 อย่าง หนึ่งคือโรคที่ติดตัวมาเองโดยเราไม่รู้ตัว เป็นโรคทางพันธุกรรม สองคือโรคที่ได้มาโดยเราไปหามาใส่ตัว และสามคือโรคที่เรียกว่าความซวยมาเยือน เช่น อุบัติเหตุต่างๆ สำหรับโรคในกลุ่ม NCDs ซึ่งเป็นกลุ่มจำพวกเบาหวาน ความดัน ไขมันโลหิตสูง จะนำมาสู่โรคหัวใจและหลอดเลือด หรือโรคทางสมอง ขณะเดียวกันคนยุคนี้มีปัญหานอนไม่หลับ สภาวะการอดนอนทำให้เกิดโรคต่างๆ มากมายเช่นกัน รวมถึงโรคซึมเศร้า หรืออาจนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุทางท้องถนนได้”

“การดูแลรักษาตัวเองนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าคนในครอบครัวมีประวัติ เช่น คุณพ่อเป็นโรคมะเร็งปอดโดยที่ไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อน คุณแม่เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่โดยที่ไม่ได้มีปัจจัยเสี่ยงใดเลย เราก็ต้องคิดเผื่อไว้ว่าตัวเองมีโอกาสที่จะเกิดมะเร็งได้ หรือถ้าในครอบครัวมีคนป่วยเป็นโรคเบาหวาน ก็อาจจะเป็นกรรมพันธุ์หรือไม่เป็นกรรมพันธุ์ก็ได้ เรารู้ได้ง่ายๆ แค่เช็กระดับน้ำตาลในเลือดหรือสังเกตตัวเอง ถ้าเข้าห้องน้ำบ่อย ดื่มน้ำบ่อย ชอบกินของหวาน ในช่วงแรกอาจมีน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ หลังจากนั้นมีอาการอ้วนโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ ส่วนเรื่องของโรคที่เกี่ยวกับการนอนก็ต้องให้องค์ความรู้กับคนทั่วไปมากขึ้น ถ้าตื่นมาแล้วรู้สึกไม่สดชื่น ยังคงง่วง อ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจต้องไปตรวจดูว่ามีปัญหาการนอนหรือเปล่า ส่วนคนไข้ที่มีปัญหาอยู่แล้วก็ต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง”

“ในกลุ่มของโรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน ความดัน ก็สามารถป้องกันแก้ไขด้วยตัวเองได้ ปัญหาใหญ่คือ ถึงแม้เรารู้ว่าไม่ควรกินหวาน ไม่ควรกินมัน แต่อาหารที่วางขายทุกวันนี้ล่ะ เราจะออกกฎกติกามาช่วยเหลือกันได้อย่างไรบ้าง ส่วนพฤติกรรมในกลุ่มของโรคนอนไม่หลับ เมื่อเราอายุมากขึ้น ฮอร์โมนในร่างกายก็เริ่มเปลี่ยนแปลง ภาวะนอนไม่หลับย่อมพบมาก ในขณะเดียวกันก็มีบางโรคที่เมื่อราว 20 ปีก่อนเราอาจไม่เคยได้ยิน กลับมาปรากฏให้เห็นในยุคนี้ เช่น ภาวะหยุดหายใจระหว่างการนอนหลับ ผมมองว่าโรคมากกว่า 50% มีโอกาสที่จะป้องกันได้ เราแค่ต้องหันมาใส่ใจตัวเอง ส่วนโรคทางพันธุกรรมเราอาจทำให้หนักกลายเป็นเบาได้ คือการป้องกันโดยไป detect มันก่อน ปัจจุบันมีหลายวิธีที่สามารถตรวจหาได้ เรามีโปรแกรม Check up ตามโรงพยาบาลเอกชน หรือแม้แต่ในโรงพยาบาลรัฐบาลก็มี เรายังโชคดีว่าระบบสาธารณสุขค่อนข้างที่จะเข้มแข็ง เรามีระบบที่เรียกว่า อสม. (อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน) รวมถึงกลุ่มอาสาสมัคร กระจายการทำงานให้คนในชุมชนช่วยเหลือกัน ดูแลกันได้ทั่วถึงมากขึ้น”

ติดตามอ่านได้ในนิตยสาร HOWE ฉบับ 128


สามารถสั่งซื้อ E-Book ผ่านทาง Meb : https://www.mebmarket.com/ebook-346523-

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.