Coach (โค้ช) เปิดตัว The Coach Restaurant และ Coach Coffee Shop ที่ห้างสรรพสินค้า Grand Indonesia Mall ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เป็นก้าวแรกกับบทบาทใหม่ของแบรนด์ ที่มุ่งสร้างประสบการณ์การบริการในรูปแบบร้านอาหารและคาเฟ่ โดยรับแรงบันดาลใจมาจากวิสัยทัศน์ของแบรนด์ ที่มุ่งสร้างสรรค์ความหรูหราไปพร้อมกับมีกับการมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้ลูกค้า โดยร้านอาหารและคาเฟ่แห่งนี้เป็นเพียงสาขาแรกที่ทางแบรนด์จะมอบประสบการณ์พิเศษผ่านการบริการด้านอาหาร โดยจะมีสาขาอื่น ๆ เปิดตามมาในช่วงปี 2024 นี้และต่อไปอีกในอนาคต
นับตั้งแต่ปี 2022 แบรนด์ Coach ได้นำเสนอวิสัยทัศน์ความหรูหราอย่างมีเอกลักษณ์และสร้างสรรค์ โดยแบรนด์ได้ปรับเปลี่ยนให้ลูกค้ามีพื้นที่ในแสดงตัวตนของตัวเองมากขึ้น ด้วยการสื่อสารผ่านการเล่าเรื่องในแนวคิด The Courage to Be Real หรือ ความกล้าที่จะเป็นตัวเอง พร้อมสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าผ่านการเล่นเกม และการมีส่วนร่วมกับแบรนด์โดยสามารถจับต้องได้ในหลายมิติ การก้าวเข้าสู่การบริการร้านอาหารที่จัดตั้งขึ้นอย่างยิ่งใหญ่นี้ นับเป็นการต่อยอดจากความสำเร็จของร้าน “Coach Play” ที่เป็นป็อปอัพคอนเซปต์สโตร์ที่ได้จัดขึ้นก่อนหน้านี้ ซึ่งได้สร้างประสบการณ์และปฏิสัมพันธ์ที่ล้ำลึกกับลูกค้าได้อย่างดีเยี่ยม
สำหรับการตกแต่งภายในร้าน ได้รับแรงบันดาลใจจากร้านสเต็กในตำนานของนครนิวยอร์ก ที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1941 โดย The Coach Restaurant ได้นำมาปรับใหม่ให้ทันสมัยแต่ยังคงกลิ่นอายความคลาสสิคแบบร้านสเต็กเฮ้าส์สไตล์นิวยอร์ก ภายในร้านได้ใส่รายละเอียดของงานฝีมือที่เป็นเอกลักษณ์ของ Coach เพื่อเป็นการสื่อถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของแบรนด์ รวมถึงปกเมนู ผ้าเช็ดปาก แผ่นรองจานและผ้ากันเปื้อนที่ทำด้วยหนัง glovetanned รวมถึงภาชนะจัดเสิร์ฟที่มีรายละเอียดของดอกไม้ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากคอลเลคชั่นของ Coach ในส่วนของเมนูแนะนำของทางร้านคือ เนื้อสเต็กที่มีชื่อเสียงของนิวยอร์ก สตริปสเต็ก แลมป์ช็อป กุ้งค็อกเทล เวจสลัด และมาร์ตินีคลาสสิกคอกเท็ลที่จะดึงกลิ่นอายและจิตวิญญาณของเมืองนิวยอร์กมาให้ลูกค้าของโค้ชทั่วโลกได้ดื่มด่ำ
ออกแบบโดยผู้อำนวยการสร้างสรรค์ของ Coach สจ๊วต วีเวอร์ส (Stuart Vevers) ร่วมงานกับวิลเลียม โซฟีลด์ (William Sofield) นักออกแบบและประธานบริษัท Studio Sofield โดยร้านอาหาร Coach ตั้งใจให้สัญลักษณ์และสีของเครื่องหนังเป็นความโดดเด่น ทั้งสีน้ำตาล สีเทา และสีดำ เพื่อส่งเสริมการทำงานฝีมือของ Coach และความดั้งเดิมของเมืองนิวยอร์ก จึงเลือกใช้ทั้งวัสดุธรรมชาติและวัสดุอุตสาหกรรม ที่นำมาปรับโฉมใหม่ ให้เป็นองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมที่ประณีต รวมไปถึงผนังกระจกสีบรอนซ์ บันไดสแตนเลสและเหล็กสีดำ พื้นหินขัดสีขาวและเทา และบานเกล็ดไม้ผนังของเมืองร้อน ที่อ้างอิงถึงที่ตั้งของร้านอาหารในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รถแท็กซี่ในนครนิวยอร์ก เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจสำหรับูธหนังสไตล์บิสโทร รถแท็กซี่ขนาดเท่ารถจริงที่ฝังอยู่บนเพดาน รวมไปถึงผนังของร้านอาหาร ที่ตกแต่งด้วยดุมล้อทรงกลม เช่นเดียวกันกับสีเหลืองโทนเดียวกับแท็กซี่เหลืองอันเป็นสัญลักษณ์ของกรุงนิวยอร์ก ที่ปรากฏเป็นสีสันโดดเด่นทั่วทั้งร้าน ประกอบกับการจัดแสงสลัวและเป็นธรรมชาติ ทำให้เกิดเป็นบรรยากาศการรับประทานอาหารที่เป็นส่วนตัวและน่าจดจำ
ถัดจาก The Coach Restaurant คือ Coach Coffee Shop ซึ่งถือเป็นการต่อยอดประสบการณ์ในการรับประทานอาหารของ Coach ที่ Grand Indonesia ด้วยธีมที่ชวนให้นึกถึงความคลาสสิคของร้านค้าที่ตั้งอยู่ตามมุมเมืองนิวยอร์ก พร้อมกับกลิ่นอายความสนุกสนาน โดยการตกแต่งภายในร้านยังคงความดั้งเดิมของแบรนด์ นำมาดัดแปลงให้มีความสมัยใหม่มากขึ้น ด้วยวอลเปเปอร์ในลวดลายทิวทัศน์เมืองนิวยอร์ก รวมถึงนำเมนูพิซซ่าและไอศกรีมซอฟท์เซิร์ฟซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเมืองนิวยอร์กมาเป็นอาหารจานเด่น และอีกหลายองค์ประกอบที่ออกแบบให้มีกลิ่นอายของเมืองนิวยอร์ค นอกจากนี้ คาเฟ่นี้ยังมีตัวละครอย่าง Lil Miss Jo หรือถ้วยกาแฟใจดี ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพของร้านอาหารสไตล์วินเทจในเมืองนิวยอร์ก
“การเปิดตัวร้านอาหาร The Coach Restaurant นี้ ถือเป็นช่วงเวลาสุดพิเศษสำหรับ Coach” ท็อด คาฮ์น (Todd Kahn) ประธานบริษัทผู้บริหารและประธานของแบรนด์ Coach กล่าว “เราไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงการต้อนรับอย่างเต็มที่ แต่เรายังแสดงถึงความตั้งใจ ในการสร้างประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจให้กับลูกค้า โดยประสบการณ์ที่เราออกแบบสำหรับสาขาใน Grand Indonesia ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเมืองนิวยอร์ก ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านเกิดของเรา และยังเป็นแรงบันดาลใจที่ขับเคลื่อนทุกสิ่งที่แบรนด์ทำ เราจึงอดใจรอไม่ไหวแล้ว ที่จะให้ลูกค้ามานั่งลงกับเพื่อนและครอบครัวของพวกเขา และรับประทานอาหารกับเรา เราพร้อมจะส่งมอบประสบการณ์เหล่านี้ ให้แก่ลูกค้าทั่วโลกของเราแล้ว”
“The Coach Restaurant เป็นโอกาสที่น่าตั้งตารอ เพราะมีความสร้างสรรค์และนับเป็นการสร้างจุดเด่นครั้งสำคัญให้กับประวัติศาสตร์ของเรา เป็นการผวนภาพลักษณ์ใหม่ให้กับมรดกที่มีมายาวนาน และก้าวข้ามขอบเขตของวงการแฟชั่นโดยสร้างประสบการณ์ใหม่ที่ทำให้รับรู้ถึงสัมผัสทั้ง 5 อย่างลึกซึ้ง” วีเวอร์ส กล่าว, “ผมสนุกกับการทำงานกับวิลเลี่ยม โซฟิลด์ (William Sofield) เป็นอย่างมาก เรานำลักษณะการดีไซน์ของ Coach มาดัดแปลงให้เข้ากับการนำเสนอประสบการณ์อย่างที่สมจริง(Immersive) โดยพวกเราได้รับแรงบันดาลใจจากเอกลักษณ์ของเมืองนิวยอร์กด้วยความเท่และความหลากลายของผู้คน รวมถึงความร่าเริงที่เป็นตัวตนของ Coach ผมจึงต้องการสร้างบรรยากาศที่สามารถสัมผัสได้ถึงความเป็นนิวยอร์ก แต่ในขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงกางต้อนรับอย่างอบอุ่น”
การเปิดตัวร้านอาหารในครั้งนี้ ถือเป็นหนังสือบทใหม่ของ Coach ที่สร้างพื้นที่ให้ลูกค้าได้มาเข้าร่วมสัมผัสประสบการณ์และมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์อย่างลึกซึ้ง ต่อยอดจาก Coach Play ที่นำเสนอประสบการณ์ที่จับต้องได้ในหลายมิติ รวมทั้งยังสามารถเข้าถึงคนท้องถิ่น ซึ่งก็ได้ต่อยอกมาเป็น Coach Coffee Shop ที่จะขยายสาขาออกไปในหลากประเทศ เปิดด้วยสาขาในประเทศญี่ปุ่นและมาเลเซียที่จะเปิดตัวขึ้นในเร็ว ๆ นี้ รวมถึง Coach Tabby Shop ที่กำลังจะเปิดตัวสู่ทั่วโลก เริ่มตั้งแต่ประเทศออสเตรเลียไปจนถึงทวีปเอเชียในช่วงฤดูกาลใบไม้ผลิที่จะถึงนี้ สุดท้ายนี้ โค้ชยังคงจะดำเนินตามวิสัยทัศน์ของความหรูหราและแสดงออกถึงตัวตนอันแท้จริง พร้อมมอบแรงบันดาลใจให้กับสังคมผ่านการสัมผัสประสบการณ์ด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย