คุณนัท-อภิชาติ ลีนุตพงษ์ ที่เรารู้จักกันในฐานะผู้นำเข้าซูเปอร์คาร์สุดหรูอย่าง Lamborghini และมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์หรูอย่างแบรนด์ Ducati ซึ่งปัจจุบันคุณนัทดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริหาร บริษัท ชาริช โฮลดิ้ง จำกัด ประธานกรรมการ บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด ประธานบริษัท เอไอโอนิค ออโต้ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดูคาทิสติ จำกัด ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นตัวพ่อของวงการออโตโมบิล และในปีนี้ก็ได้มีโอกาสผันตัวมาจับธุรกิจใหม่ ทั้งการนำเข้ารถแบรนด์ใหม่ และรถไฟฟ้าที่มีความ Mass มากขึ้น รวมทั้งได้เริ่มต้นทำธุรกิจ “อาหารเสริม” ตามความชอบของภรรยา ซึ่งคุณนัทบอกกับเราว่า ธุรกิจทุกอย่าง เราสามารถสร้างให้เป็น Passion ได้ และวันนี้ธุรกิจถือว่าเดินมาถึงจุดที่ได้การตอบรับที่ดี
“คนส่วนใหญ่จะรู้จักผมในฐานะผู้นำเข้าซูเปอร์คาร์ อย่าง Lamborghini และบิ๊กไบค์แบรนด์ Ducati ซึ่งผมทำธุรกิจในสายออโตโมบิลมาตลอด ที่ผ่านมาผมเริ่มทำธุรกิจ Supplement ตั้งแต่ปี 2021 หลังจากที่ภรรยาผมคลอดลูกคนที่ 2 สุขภาพก็ไม่ค่อยแข็งแรง เป็นภูมิแพ้ ไม่ว่าจะเป็นไวน์ปรุงอาหาร ผงชูรส ยีสต์ เนย นม ทานไม่ได้เลย ก็เลยเริ่มหาวิตามินมาทาน จนมาเจอกับ Telos 95 ซึ่งทานดีมากๆ พอดีเรารู้จักกับโรงงานผลิตอาหารเสริมแห่งหนึ่ง ซึ่งเขานำเข้าวิตามินตัวนั้นมาใส่ในผลิตภัณฑ์ของเขา ผมเลยตัดสินใจทำวิตามินทานเอง โดยเลือกใช้วิตามินที่มีผลการวิจัยในคนหรือ Clinical Study พอเราทานแล้วดี เพื่อนๆ ทานแล้วดี ก็เลยต่อยอดทำผลิตภัณฑ์ขึ้นมาจำหน่าย ธุรกิจนี้ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างท้าทาย เพราะไม่เคยจับธุรกิจแนวนี้มาก่อน วิตามินเรามีความ Luxury คัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดมาเป็นส่วนผสม เพราะเราทำทานเอง พอมันดีก็อยากแบ่งปันให้คนอื่น สินค้าเรามี Clinical Study มีหน่วยงาน มีงานวิจัยหลายฉบับรองรับ อย่างตัวโพรไบโอติกส์ที่ทำมีงานวิจัยรองรับมากกว่า 500 ฉบับ ใช้กับเด็กแรกเกิดได้ ลูกเราทานได้ ทำให้ต่อยอดมาทำธุรกิจ มันมีความ Challenge แต่สิ่งสำคัญที่สุดผมว่าของต้องดีก่อน ถ้าของดีก็จะขายได้ด้วยตัวมันเอง”
“วันนี้ถ้าถามผมว่าธุรกิจที่ทำ Success แล้วหรือยัง ผมมองว่าผมทำธุรกิจเล็กๆ และเดินมาถึงจุดหนึ่งที่ได้การตอบรับที่ดีจากผู้ที่ใช้สินค้าของเรา Integrator ของผมกับภรรยาคือ ‘ลูกค้า’ ถ้าเขาใช้ Lamborghini แล้วรู้สึกดี ทานอาหารเสริมแล้วสุขภาพดีขึ้น ผมก็รู้สึกว่า ‘ความสุขของลูกค้าคือความสุขของเรา’ มันอาจจะเป็นคำพูดที่ลิเก แต่มันคือความจริง เราทำธุรกิจเปิดโชว์รูมริมถนนวิภาวดี มีรถผ่านวันละหลายพันคัน อาจจะมีคนแวะเข้ามาสัก 10 คัน ซึ่งใน 10 คันอาจจะซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้ คนที่อยากซื้อ Lamborghini เพราะต้องการ Trophy ให้กับชีวิต เราก็แค่เตรียมไว้ให้เท่านั้นเอง”
“สำหรับหลักการบริหารงานสไตล์ผม คงต้องบอกว่าทุกวันนี้การทำงานยังต้องมีการสแกนนิ้ว มีใบลา มีโอที สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะทุกคนยังไม่มีหัวใจของผู้ประกอบการ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าโชว์รูมมีแม่บ้านหนึ่งคนค่อยเดินเก็บเศษขยะ โชว์รูมก็จะไม่มีวันเรียบร้อย ถ้าคุณคิดว่าที่โชว์รูมเป็นห้องนอนของคุณ คุณก็จะไม่ปล่อยให้มีเศษกระดาษตกอยู่ เช่นกันครับ ถ้าเราคิดว่าที่ทำงานเหมือนบ้านตัวเอง เราเห็นแก้วน้ำวางอยู่ เห็นเศษกระดาษตก เราก็จะเก็บมันโดยไม่ต้องรอแม่บ้าน นี่คือพื้นฐานหัวใจของผู้ประกอบการ สิ่งที่ผมพยายามสร้างให้กับทีมงานก็คือ ‘หัวใจของผู้ประกอบการ’ ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้คุณทำทุกอย่างได้โดยไม่รู้สึกว่ามันคือหน้าที่ เราเป็นเซลล์เราก็ดูแลที่ทำงานเหมือนบ้านได้ กฎระเบียบไม่ใช่เรื่องสำคัญ ถ้าเขารู้สึกว่าที่นี่คือบริษัทของเขา เขาก็จะทำทุกอย่างที่เป็นประโยชน์กับบริษัท”