The 50 influential people 2024 “พญ.ศุภักษณา สิงห์ยะบุศย์” ประธานบริหาร บริษัท หมอหญิงคลินิก จำกัด 20 ปีบนเส้นทางงามสง่า ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย

0
105

ความมุ่งมั่นและเชี่ยวชาญที่ก่อเกิดจากการสั่งสมความรู้และประสบการณ์ ทำให้ พญ.ศุภักษณา สิงห์ยะบุศย์ แพทย์ผู้ก่อตั้งหมอหญิงคลินิก ได้รับความเชื่อถืออย่างยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ โดยได้เผยถึงเส้นทางแห่งความสำเร็จ มุมมองต่อแวดวงความงามยุคใหม่ และเคล็ดลับในการรักษาความสำเร็จคู่วงการนี้มาได้อย่างยาวนาน

“หมอตั้งต้นจากการเป็นแพทย์อายุรกรรม รู้สึกว่าโรคต่างๆ เหล่านี้มันไม่ควรเกิด และสามารถป้องกันได้ เลยไปเรียนเพิ่มเติมเพื่อหาข้อมูลความรู้ด้านชะลอวัย โดยใช้ศาสตร์ชะลอวัยกับคนไข้ในการป้องกันโรค พบว่าคนไข้กลุ่มนี้ที่ประสบความสำเร็จในการป้องกันโรค คือกลุ่มที่ชอบความดูดี เลยเป็นจุดเชื่อมเพราะตัวหมอเองก็รักสวยรักงาม จึงมิกซ์ทุกอย่างมารวมกัน กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ก้าวมาสู่จุดนี้”

“ในฐานะที่เป็นหมอ เราต้องอธิบายผู้บริโภคหรือคนไข้ให้เข้าใจโดยละเอียด เพราะบางทีเขาไปรับฟังสารจากช่องทางต่างๆ ทั่วไป อาจได้รับข้อมูลที่ผิดแล้วเกิดผลข้างเคียงมากมาย สำหรับหมอสิ่งที่ท้าทายคือการที่จะให้ความรู้กับคนไข้ว่าความงามที่เป็นธรรมชาติและปลอดภัยมีอยู่จริง ส่วนความท้าทายเชิงธุรกิจ ในฐานะที่เป็นเจ้าของกิจการ แน่นอนว่ามีการแข่งขันสูง คลินิกเปิดเต็มไปหมด แต่ในอีกมุมหนึ่งสำหรับหมอมองว่าก็เป็นโอกาสอันดี ทำให้เราเองพัฒนาตัวเองมากยิ่งขึ้น หมอจะบอกทีมหมอเสมอว่าให้แข่งกับตัวเอง ว่าเราจะดีกว่าเมื่อวานได้อย่างไร”

“หลักสำคัญที่ทางหมอหญิงคลินิกยึดถือ คือความจริงใจ รวมไปถึงความซื่อสัตย์และจรรยาบรรณ คนที่เข้ามาจะได้รับการบอกภาพรวมว่า Road map ความสวยและสุขภาพดีของคุณจะไปในทิศทางไหน มีทางเลือกอะไรบ้าง แล้วเราจะแนะนำว่าการ Customize ที่เหมาะสำหรับคุณที่สุดคืออะไร ส่วนการตัดสินใจเป็นสิทธิ์ของเขา หน้าที่เราคือเป็นผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำ เพื่อให้ได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ดูเป็นธรรมชาติที่สุด และปลอดภัยที่สุด ผู้ที่มารับบริการมักบอกว่ามาที่นี่แล้ว ‘จบ’ เขาเชื่อมั่นในคุณภาพของเรา”

“ในมุมมองของหมอ นวัตกรรมและเทคโนโลยีเกี่ยวกับงานผิว จะมาแรงในอนาคต ถือเป็นคีย์สำคัญสำหรับความงาม หมอมองว่า 5 ปีข้างหน้า ประเทศไทยอาจจะก้าวขึ้นเป็นฮับทางด้านความงาม เพราะจริงๆ แล้วหมอไทยเก่งนะคะ แล้วยิ่งถ้ามีคลินิกเกิดขึ้นเยอะ ยิ่งมีการแข่งขันสูง ในอีกมุมหนึ่งก็จะทำให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์มากขึ้น แต่ถ้าคลินิกไหนไม่ดีจริง ในอนาคตก็จะอยู่ยาก และเมื่อวงการความงามเป็นเทรนด์ใหญ่ของโลก หากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลหรือภาคส่วนต่างๆ ในประเทศไทยที่เกี่ยวข้อง ไทยก็อาจถูกยกระดับขึ้นมาเป็นฮับได้ค่ะ”

“ตั้งแต่ทำงานด้านความงามมา 20 ปี สิ่งที่หมอภาคภูมิใจมี 2 อย่าง หนึ่งคือผู้ที่เข้ามารับบริการกับหมอหญิงคลินิกทุกคน ต่างดูดีอย่างดูเป็นธรรมชาติจากภายในออกมาสู่ภายนอก แล้วคำขอบคุณเล็กๆ น้อยๆ หรือบางทีแค่แววตาท่าทาง ก็เป็นเครื่องเลี้ยงใจหมอแบบสุดๆ อีกสิ่งหนึ่งคือหมอเป็นอาจารย์สอนในการฉีดฟิลเลอร์และโบท็อกซ์จากสถาบัน AMI หรือ Allergan Medical Institute ของอเมริกา โดยนอกจากสอนเทคนิคต่างๆ แล้ว สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือเรื่องของมายด์เซ็ต และจะคอยติดตามผลงานของหมอแต่ละท่านที่มาเรียนกับเรา ได้เห็นว่าเคสแต่ละเคสออกมาดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งเราพยายามที่จะยกระดับเรื่องนี้ในวงการแพทย์ความงาม แม้จะเป็นส่วนเล็กๆ แต่เป็นสิ่งที่หมอภูมิใจมากค่ะ”

“นอกจากเป็นแพทย์แล้ว ในบทบาทการเป็นผู้บริหาร หมอก็ต้องก้าวข้ามและใช้ความพยายามมากเหมือนกัน การที่เราเป็นผู้หญิง เราต้องมีความชัดเจน ตรงประเด็น มีความเด็ดขาด คลินิกของเรามีสาขาแรกที่เชียงใหม่ และสาขา 2 ที่กรุงเทพฯ สาขาหนึ่งของเรามีหมอออกตรวจ 4 คนพร้อมกัน ทีมงานเราเกือบ 100 คนแล้ว พอสเกลใหญ่ขึ้นแปลว่าผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์ที่ใหญ่ขึ้นเช่นกัน เรากำหนดเป้าหมายชัดเจน และเชื่อสุดใจว่าทำได้ ถึงเป็นผู้หญิงก็อย่าคิดว่าตัวเองอ่อนแอ ต้องเชื่อว่าตัวเองทำได้หากจิตใจเข้มแข็ง หมอเลยศึกษาเรื่องจิตวิญญาณ ทำความเข้าใจว่าเรามาจากไหน ไม่ใช่เรื่องของศาสนา แต่คือความจริงของจักรวาล เรียนรู้ว่าเราตั้งต้นมาจากจุดเดียวกัน พอคิดแบบนี้เราจะสามารถรักแบบไร้เงื่อนไข ให้เกียรติกันและกัน เข้าใจ และให้อภัย ในขณะเดียวกันก็รู้จักปล่อยวางอย่างเป็นอิสระ”

“ด้วยความเป็น Perfectionist ทำอะไรต้องทำให้ดีที่สุด แล้วเกิดความเครียดหนัก เป็นไทรอยด์ด้วย เรารู้ว่าความเครียดคือสาเหตุของการเกิดโรคทั้งหมด เลยไปศึกษาศาสตร์ Energy Medicine รวมถึงการ Meditation แล้วก่อนหน้านี้หมอเคยไปทำ IVF ปรากฏว่าหมอมีไข่แค่ใบเดียว กระตุ้นยังไงก็ไม่ขึ้น พอพักร่างกายไปหนึ่งปี นั่งสมาธิเป็นประจำครั้งละสั้นๆ ราว 15 นาที เปลี่ยนมายด์เซ็ตตัวเอง ผลคือไข่เพิ่มมาเป็น 7 ใบ อาการไทรอยด์ก็ดีขึ้นโดยไม่ได้กินยาอะไรเลย การที่เราจะเปลี่ยนความเครียดได้ เราต้องเปลี่ยนที่วิธีคิด แล้วการที่จะคิดบวกได้ เราต้องเปลี่ยนที่มายด์เซ็ต ซึ่งต้องเปลี่ยนตั้งแต่ระดับจิตข้างใน แล้วจะช่วยให้การใช้ชีวิตและการทำงานดียิ่งขึ้น”

ติดตามอ่านได้ในนิตยสาร HOWE ฉบับ 127

สามารถสั่งซื้อ E-Book ผ่านทาง Meb : https://www.mebmarket.com/ebook-338612-Howe-No–127

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.