คุณเอ-กิรณา ปิติศศิกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีเอ็ม อกรีคัลเจอร์ จำกัด ทำธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าด้านการเกษตร อย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ปุ๋ย อุปกรณ์การเกษตร และอื่นๆ มา 10 ปีแล้ว การที่เธอเชื่อมั่นว่าธุรกิจจะเติบโต เนื่องจากเมืองไทยถือเป็นครัวโลก สินค้าเกษตรจะเติบโตขึ้นทุกปี ธุรกิจเธอจึงมีรายได้เติบโตทุกปี ดังนั้นความต้องการใช้สินค้าสำหรับทำการเกษตรก็เติบโตขึ้นทุกปี ด้วยหลักการบริหาร ESG เธอจึงให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม ทำธุรกิจอย่างมีบรรษัทภิบาล และทำกิจกรรมเพื่อสังคม จนเธอได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ ซึ่งถือเป็นมงคลสูงสุดแก่ชีวิต
“การทำธุรกิจ สิ่งสำคัญคือคุณภาพของสินค้าและบริการหลังการขาย สินค้าของเราได้การยอมรับจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศในกลุ่ม CLMV ที่เราส่งออกไป ธุรกิจหลักเราจำหน่ายปุ๋ยซึ่งมูลค่ารวมตลาดปีละกว่า 1 แสนล้านบาท ถ้าเทียบยอดขายเรากับผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มียอดขายหลักหมื่นล้านบาท เราจะมีส่วนแบ่งตลาดน้อยมาก แต่ถ้ามองถึงอัตราการเติบโตของยอดขายที่โตกว่า 10% ต่อปีก็ถือว่าดีมาก ซึ่งดิฉันตั้งใจว่าปีหน้าจะขยายพื้นที่การทำตลาดในภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคเหนือ จากเดิมที่เน้นในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งเชื่อว่าภายใน 3 ปี บริษัทจะมีรายได้มากกว่า 1 พันล้านบาทอย่างแน่นอน”
“สำหรับหลักการและ Mind set ในการทำธุรกิจ คือรู้จักพัฒนาและให้ความสำคัญกับ Sustainable ดิฉันเชื่อมั่นว่าอาชีพเกษตรกรจะอยู่คู่แผ่นดินไทย เพราะเมืองไทยคือเมืองเกษตรกรรม ตั้งแต่ทำธุรกิจดิฉันยึดหลัก ESG (Environment Social, Governance) มาโดยตลอด ซึ่ง ESG ในปัจจุบันได้รับความนิยมจากนักลงทุนทั่วโลก เนื่องจากเป็นแนวคิดที่ธุรกิจต้องคำนึงถึงความรับผิดชอบ 3 ด้านหลัก คือ สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ซึ่งแนวคิด ESG จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ธุรกิจ ด้วยการสะท้อนบทบาทความรับผิดชอบของธุรกิจที่มีต่อผู้มีส่วนได้เสีย และการนำเสนอผลการดำเนินงานในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการช่วยเหลือสังคม ดูแลสิ่งแวดล้อม ทำธุรกิจโดยไม่ได้หวังผลกำไรอย่างเดียว”
“ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ถือว่าดิฉันประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ เพราะเรามีลูกค้าเก่ากลับมาซื้อซ้ำทั้งหมด ยอดขายเติบโตเป็นที่น่าพอใจ ดิฉันคิดว่าเมื่อเราทำธุรกิจประสบความสำเร็จก็ควรช่วยเหลือผู้คนในสังคมให้มากขึ้น ดิฉันทำกิจกรรมเพื่อสังคมมาโดยตลอด ทั้งการเป็นสมาชิกสโมสรโรตารีพระปฐมเจดีย์ สมาชิกสมาคมสตรีนครปฐม เป็นสมาชิกของสมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย-นครปฐม (สธวท.) และเป็นสมาชิกสโมสรซอนต้า กรุงเทพ 11 ไม่ว่าจะทำงานเพื่อสังคม หรือทำธุรกิจตัวเองก็ทำอย่างเต็มกำลัง จนได้รับรางวัลนักธุรกิจสตรีตัวอย่าง และนักวิชาชีพสตรีตัวอย่างประจำปี 2567 จากสหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้รับรางวัลสตรีไทยดีเด่น ประเภทองค์กรสมาชิก วันสตรีไทย ประจำปี 2567 จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับสภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และหน่วยงานภาคีเครือข่ายด้านสตรี และอีกหนึ่งความภูมิใจและถือเป็นมงคลสูงสุดคือการได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นที่ 5 เบญจมดิเรกคุณาภรณ์ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10”
“นอกเหนือการทำงานเพื่อสังคมแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ยึดถือมาตลอดคือเรื่องของ ‘ธรรมะ’ ศึกษาคำสอนและแต่ละเส้นทางเดินว่าอะไรคือสิ่งที่ควรปฏิบัติ เริ่มต้นจากการทำบุญ ช่วยเหลือ แบ่งปันให้กับผู้ขาดโอกาสทางสังคม และนั่งสมาธิ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นพื้นฐานที่เราต้องยึดถือเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต เมื่อประกอบกับการที่ดิฉันมีใจกุศลที่ชอบทำงานช่วยเหลือสังคม ทำให้อยากทำต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งจุดเริ่มต้นการเข้ามาทำงานเพื่อสังคมเนื่องจาก ‘ดร.จุไร สะสมทรัพย์’ ท่านชักชวนให้เข้ามาช่วยงานนั่งเป็นนายกฯ หลายสมาคม ทำงานเพื่อสังคมมาหลายสิบปี ก็ได้ท่านเป็นแม่แบบในการทำงาน และการทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อสังคม”
“ทุกวันนี้ความสุขของดิฉันนอกเหนือจากการเห็นธุรกิจตัวเองประสบความสำเร็จแล้ว อีกสิ่งหนึ่งก็คือการได้เข้ามาทำงานเพื่อสังคม ช่วยให้เด็ก เยาวชน ผู้หญิง และคนที่ขาดโอกาสทางสังคมได้รับการช่วยเหลือ และมีชีวิตที่ดีขึ้น การทำงานเพื่อสังคมถือเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต สอดคล้องการแนวคิด ESG ซึ่งวางไว้ตั้งแต่แรกที่อยากทำธุรกิจอย่างเข้าใจ และให้เกิดการพัฒนา รวมทั้งได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคม”
สามารถสั่งซื้อ E-Book ผ่านทาง Meb : https://www.mebmarket.com/ebook-329185-Howe-No–126