นาฬิกา Bioceramic MoonSwatch MISSION TO EARTHPHASE สดุดีแต่โลกและดวงจันทร์ วัตถุท้องฟ้าที่อยู่ใกล้เรามากที่สุด รุ่นนี้ไม่ได้มีแค่ฟังก์ชันบอกดิถีของดวงจันทร์เท่านั้น แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น ยังมาพร้อม ฟังก์ชันบอกดิถีของโลกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการการประดิษฐ์เรือนเวลาอีกด้วย ไม่เคยมีนาฬิกาเรือนไหนที่มีคอมพลิเคชั่นสุดงดงามในเรือนเดียวกันมาก่อน ทำให้ Swatch พลิกแพลงวาทะอันโด่งดังของกาสิเลโอ “แต่โลกก็ยังโคจรรอบดวงอาทิตย์ต่อไป!” (And yet it moves!”) และเย้าหยอกว่า “แต่โลกและดวงจันทร์ก็ยังโคจรรอบดวงอาทิตย์ต่อไป!”
และเช่นเดียวกับนาฬิกา Bioceramic MoonSwatch MISSION TO THE MOONPHASE รุ่น MISSION TO EARTHPHASE ยังมาพร้อมฟังก์ชันบอกดิถีของดวงจันทร์ตรงหน้าปัดย่อยที่ตำแหน่งสองนาฬิกา รูปร่างของวัตถุท้องฟ้าจะเปลี่ยนแปลงไปตามวัฏจักรของตัวเอง ซึ่งสามารถดูได้จากคัตเอาท์และจานหมุนแสดงข้างขึ้น – ข้างแรมที่มีรูปดวงจันทร์สองดวง (ซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้)
ส่วนฟังก์ชันบอกดิถีของโลก หากคุณดูตรงหน้าปัดย่อยที่ตำแหน่งสิบนาฬิกา ก็จะได้ดื่มด่ำกับการโคจรของโลกเราเมื่อมองจากดวงจันทร์ มีการแต่งแต้มสีสันให้กับฟังก์ชันบอกดิถีของโลกที่จดสิทธิบัตรแล้วเพื่อสดุดีแด่ความหลากหลายและความงดงามของโลกสีครามของเรา คุณจะมองเห็นก้อนเมฆ รวมถึงสีสันที่ตัดกันของมหาสมุทร ป่าไม้และผืนทะเลทราย นอกจากนี้ ยังมีการเคลือบหมึกพิมพ์ยูวี (เปล่งแสงสีฟ้า) ที่มองเห็นเมื่อโดนแสงยูวีเท่านั้นตรงมหาสมุทรเพื่อเพิ่มความล้ำทะลุจักรวาลเข้าไปอีก
ปรากฏภาพพิมพ์ดิจิทัลรูปหลุมอุกกาบาตของดวงจันทร์เพื่อขับเน้นให้เห็นถึงทัศนียภาพของดวงจันทร์ที่หันเข้าหาโลกที่สวยงามดั่งต้องมนต์สะกด หน้าปัดยังเป็นแบบผิวทราย ที่มีเอกลักษณ์เช่นเดียวกับกับฝุ่นบนดวงจันทร์ ซึ่งทำให้นาฬิกาเรือนนี้ดูคล้ายกับดวงจันทร์มากยิ่งขึ้น
แล้วองค์ประกอบของผืนโลกและดวงจันทร์ทั้งสององค์ประกอบนี้เข้ากันได้อย่างไร ฟังก์ชันบอกดิถีของดวงจันทร์จะทำให้คุณทราบว่าจะเห็นรูปร่างของดวงจันทร์เป็นอย่างไร เมื่อมองจากผืนโลก ฟังก์ชันบอกดิถีของโลกจะทำให้คุณทราบว่าจะเห็นรูปร่างของโลกเป็นอย่างไรเมื่อมองจากบนดวงจันทร์ หนึ่งดิถีของดวงจันทร์และโลกใช้เวลา 29.5 วันเท่ากัน แต่ทั้งสองดิถีก็มีความเกี่ยวข้องกันแบบตรงข้ามกัน ดังนั้น ในคืนจันทร์เพ็ญ เราก็จะเห็นโลกดับ และในคืนจันทร์ดับ เราก็จะเห็นโลกเต็มดวง ด้วยเหตุนี้ ฟังก์ชันบอกดิถีของโลกจึงหมุนทวนเข็มนาฬิกาคนละทิศทางกับดวงจันทร์ ซึ่งก็เป็นการนำฟังก์ชันเรโทรเกรดในนาฬิกาไฮเอนด์บางรุ่นมาติความใหม่อย่างงดงาม
ในการออกแบบนาฬิกาที่งดงามด้วยฟังก์ชันบอกดิถีของโลกจากโลกเรือนนี้ Swatch ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพของโลกเมื่อมองจากดวงจันทร์ ซึ่งเป็นทัศนียภาพที่งดงามจับตาที่ถูกเก็บบันทึกเป็นภายถ่ายอันโด่งดังระหว่างการทำภารกิจ Apollo ในหลายครั้ง
แต่ฟังก์ชันบอกดิถีของโลกและฟังก์ชันบอกดิถีของดวงจันทร์ก็ไม่ใช่แค่สองฟีเจอร์ที่โดดเด่นของนาฬิกา Bioceramic MoonSwatch MISSION TO EARTHPHASE เท่านั้น และเช่นเดียวกับรุ่นอื่นๆ ทั้งหมดในคอลเลกชัน Bioceramic MoonSwatch รุ่น MISSION TO EARTHPHASE ก็ทำจากวัสดุ Bioceramic ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรของแบรนด์จากการผสมผสานเซรามิกสองในสามส่วนรวมเข้ากับวัสดุ biosourced จากน้ำมันละหุ่ง หนึ่งในสามส่วน ขอบหน้าปัดที่ทำจากวัสดุ Bioceramic มาพร้อมมาตรวัดความเร็วสีดำและตัวเลขสีเทาอ่อนที่ตัดกัน ซึ่งเป็นสีใหม่ รุ่นนี้ยังมีฟังก์ชันโครโนกราฟอีกด้วย
นาฬิกาที่ไม่ใช่รุ่นสิมิเต็ดน้องใหม่มีข้อความพันธกิจตรงฝาหลัง ควบคู่กับโลโก้ OMEGA X SWATCH ตรงหน้าปัดและเม็ดมะยม มีรูปดวง จันทร์ตรงฝาครอบแบตเตอรี่ และมาพร้อมรอยเท้าของ Neil Armstrong มนุษย์คนแรกที่ไปเหยียบดวงจันทร์
แฟนๆ จะดีใจที่นาฬิการุ่นใหม่นี้มาพร้อมเอกลักษณ์มากมายของนาฬิกา OMEGA Speedmaster Moonwatch ในตำนาน นาฬิกาเรือนแรกที่ได้ไปเหยียบดวงจันทร์ ไม่ว่าจะเป็น ตัวเรือนแบบอสมมาตรหรือจุดเหนือเลข 90 อันโด่งดังตรงมาตรวัดความเร็ว ฯลฯ
รุ่น Bioceramic MoonSwatch MISSION TO EARTHPHASE จะวางจำหน่ายทั่วโลกที่ร้านค้าของ Swatch ที่ร่วมรายการตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายนเป็นต้นไป และเช่นเดียวกับนาฬิกาทั้งหมดในคอลเลกชัน Bioceramic MoonSwatch ก็จำกัดสิทธิ์ในการซื้อ 1 เรือน/ 1 สาขา/ 1 คน/ 1 วันเท่านั้น
