“สำหรับผมทีมเวิร์กคือสิ่งสำคัญ การทำงานของผมคือการทำงานเป็นทีม ความสำเร็จคือความสำเร็จเป็นทีม เวลาล้มเหลวเราก็ล้มเหลวไปด้วยกัน ทุกครั้งที่ประสบความสำเร็จผมจะให้เครดิตทีมงานทุกคน แต่ในทางกลับกัน ทุกครั้งที่ผมรู้สึกผิดพลาดหรือล้มเหลวก็พยายามกลับมามองที่ตัวเองก่อนเสมอ”
“ในช่วงแรกทางเซ้นส์ เอนเตอร์เทนเมนท์ จะเน้นผลิตงานไปทางด้านสื่อโทรทัศน์เป็นหลักมาโดยตลอด ปัจจุบันต้องบอกว่าเราได้ขยายงานผลิตมาในสื่อออนไลน์ด้วย เรียกว่าเป็นคอนเทนต์โพรไวเดอร์ที่ครบวงจรทั้งออนไลน์และออฟไลน์ นอกจากนั้นยังรับทำครีเอทคอนเทนต์ตามโจทย์ของแบรนด์ต่างๆ ด้วย และตอนนี้ต้องยอมรับว่า การเสพคอนเทนต์ของคนดูเปลี่ยนไป ทำให้ทางเซ้นส์ฯ ต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ และปรับตัวให้เข้ากับวิธีการรับชมของคนดูให้มากขึ้น สังเกตง่ายๆ คนดูชอบดูอะไรที่สั้นขึ้นเพราะมีคอนเทนต์ให้เลือกดูเยอะขึ้น ถ้าเป็นคอนเทนต์ตลกก็ต้องตลกเลย เราต้องทำคอนเทนต์ออกมาตอบโจทย์กลุ่มคนดูให้ได้ทุกแพลตฟอร์ม ความท้าทายของคนที่เป็นคอนเทนต์โพรไวเดอร์อย่างเซ้นส์ฯ เอง ผมว่าคือการครีเอทคอนเทนต์ที่สามารถไปได้ในทุกแพลตฟอร์ม” การพัฒนา “คน” เป็นหนึ่งสิ่งสำคัญในการบริหารงานของผู้บริหารเซ้นส์ เอนเตอร์เทนเมนท์ “ต้องบอกว่า เราเป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยบุคลากรทรัพยากรบุคคลเป็นหลัก ผมเองก็พยายามสร้างคนที่จะมาตอบโจทย์ในโลกของการเปลี่ยนแปลง โลกของการที่จะต้องปรับตัวในทุกๆ วัน ถือว่าเป็นความยากเหมือนกัน เราทำงานกับคนเยอะก็จะมีเรื่องราวรายละเอียดเยอะมากขึ้นที่เราจะต้องเข้าไปใส่ใจและเข้าไปดูแลเอง และแน่นอนต้องบอกว่า คอนเทนต์โพรไวเดอร์อย่างเซ้นส์ฯ เราต้องใช้คนในการคิด แต่ว่าในปัจจุบันเซ้นส์ฯ เริ่มสร้างเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการที่จะทำให้โปรดักส์ของเราไปได้ทั่วโลก แต่ยังไงก็ยังหลีกหนีไม่พ้นการที่จะต้องใช้คนคอยคิด ก็พยายามฝึกทีมงานให้ตอบโจทย์กับโลกที่เปลี่ยนไป”
“แน่นอนว่าตลอดเวลากว่า 15 ปี ปัญหามีเข้ามาให้ได้แก้ไขอยู่ตลอด แต่ส่วนตัวผมเองในทุกปัญหาที่เกิดขึ้น ผมมีหลักการหนึ่งที่พยายามจะสร้างทีมงานที่มาช่วยเราคิดได้ สไตล์การบริหารของผมจะเป็นสไตล์ของการที่เราเอ็มพาวเวอร์คน เราให้อำนาจคนในการไปแก้ไขปัญหา โดยการที่ตัวเราเองเป็นโค้ชให้ แล้วให้เขาลองตัดสินใจด้วยตัวเอง เพื่อในอนาคตจะได้สามารถเติบโตขึ้นแล้วสามารถมาบริหารแทนได้”