สื่อออนไลน์ The People ร่วมกับ Live Impact, ผู้ผลิตแก้วไวน์ Lucaris, ผู้นำเข้าไวน์ออร์แกนิก/ไบโอไดนามิก FINEWINEBKK และ Thaiticketmajor จัดกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เพื่อสร้างประสบการณ์พิเศษสุด งาน Wine Meets Art ที่จะมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน 2567 เวลา 19.00 – 21.00 น. ณ สถานที่จัดแสดงนิทรรศการ Da Vinci Alive Bangkok บนพื้นที่ Attraction Hall ชั้น 6 ของศูนย์การค้าไอคอนสยาม
ภายในงาน จัดให้มีการชิมไวน์ที่คัดสรรพิเศษจากอิตาลี ในบรรยากาศที่รายล้อมด้วย Immersive Art ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากผลงานระดับมาสเตอร์พีซ ของศิลปินชาวอิตาลี เลโอนาร์โด ดาวินชี (Leonardo da Vinci 1452 – 1519) ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่า นี่เป็นรูปแบบงานที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยมี ศ.ธเนศ วงศ์ยานนาวา นักวิชาการด้านสังคมศาสตร์ ที่มีความสนใจเปิดกว้างหลากหลาย โดยเฉพาะสาขางานศิลปะและการกินดื่ม, เบ็ญจวรรณ วิสุทธิ์สัตย์ ผู้ก่อตั้ง FIN Wine (FIN – Fabulous Is Needed) ผู้นำเข้าไวน์ออร์แกนิก/ไบโอไดนามิก เพื่อสุขภาพและความยั่งยืน และ อนันต์ ลือประดิษฐ์ ผู้ร่วมก่อตั้งและบรรณาธิการอำนวยการ สื่อออนไลน์ The People ร่วมนำบทสนทนา
งานนี้จัดขึ้นเพื่อให้ผู้รักหลงใหลในงานศิลปะและชื่นชอบในเสน่ห์อันน่าค้นหาของไวน์ ได้มีโอกาสเปิดรับประสบการณ์ที่แตกต่าง และไม่สามารถสัมผัสได้ในพื้นที่อื่นใด เพราะนี่คือการชิมไวน์อิตาเลียนในบรรยากาศที่จำลองยุคสมัยอันรุ่งเรืองของศิลปะยุคเรอเนสซองส์ ผ่านการรังสรรค์ของดาวินชี ซึ่งคาดหมายว่าจะเป็นกิจกรรมแห่งการเรียนรู้ ที่สร้างความทรงจำอันล้ำค่าและน่าประทับใจให้แก่ผู้ร่วมงานทุกคน
งานเริ่มต้นด้วยการให้ผู้ร่วมงานซึมซับมุมมอง โลกทัศน์ และความคิดสร้างสรรค์ ผ่านนิทรรศการที่มีชีวิต Da Vinci Alive Bangkok ในห้องแสดงงานต่าง ๆ ตามอัธยาศัย (เช่นเดียวกันกับผู้ชมงานนิทรรศการทั่วไป) จากนั้นเมื่อถึงเวลา 19.00 น. ผู้ร่วมงานทุกคน (ที่มี wristband บนข้อมือ) จะได้ร่วมกิจกรรมชิมไวน์ที่จัดขึ้นภายในห้องโถงขนาดใหญ่ นำเสนอผลงานของดาวินชี ในรูปแบบของ Immersive Art ที่เต็มไปด้วยความอลังการ อันเป็นกิจกรรมที่สอดคล้องกับชื่องาน Wine Meets Art
การชิมไวน์จะไล่เรียงไปตามลำดับ จากขวดที่ 1 จนถึงขวดที่ 7 โดยวิทยากรจะนำเสนอเรื่องราวความเป็นมาของไวน์แต่ละชนิด สลับกับการบรรยายเรื่องราวของประวัติศาสตร์ศิลป์ยุคเรอเนสซองส์ จากนั้นจะมีการร่วมสนุกตอบคำถามเพื่อชิงรางวัลแก้วไวน์คริสตัลจาก Lucaris โดยงานจะสิ้นสุดลงในเวลา 21.00 น.
สำหรับไวน์อิตาเลียนที่เลือกสรรอย่างพิเศษสุด เพื่อนำมาใช้ในการชิมไวน์ครั้งนี้ ประกอบด้วย
🍷 ไวน์จากผู้ผลิต Cantina Tramin คัดสรรไวน์ขาว 2 รายการ ในเขต Alto Adige/Sudtirol
- 2022 Pinot Grigio DOC, Cantina Tramin, Alto Adige, Italy (Organic)
- 2022 Selida Gewurzttraminer, Cantina Tramin, Alto Adige, Italy (Organic)
เขตอัลโตอะดิเจ มีภูมิประเทศเป็นหุบเขา ปลูกองุ่นหลากหลายสายพันธุ์ ในการชิมไวน์ครั้งนี้ เราเลือก Pinot Grigio ที่ให้ความหอมของดอกไม้และผลไม้จำพวกผลแพร์/พีช เพื่อสร้างความสดชื่น ส่วนไวน์ตัวถัดมามีชื่อเรียกขานว่า Selida ผลิตจากองุ่นสายพันธุ์ Gewurzttraminer ที่ทรงพลังและมีความหอมจรุงเฉพาะตัว ด้วยกลิ่นของกุหลาบ, ลิ้นจี่ และส้ม นี่คือหนึ่งในแหล่งผลิตไวน์องุ่นสายพันธุ์นี้ที่ดีที่สุดของโลก (อีกแห่งคือ Alsace ในฝรั่งเศส)
🍷 ไวน์จากผู้ผลิต Ampeleia คัดสรรไวน์แดง 1 รายการ ในเขต Tuscany - 2021 Un Litro, Ampeleia, Maremma, Italy (Biodynamic)
หนึ่งในผลงานที่น่าภูมิใจของ Elisabetta Foradori และเพื่อน ๆ หลังเปลี่ยนจากฟาร์มองุ่นแบบออร์แกนิกมาเป็นไบโอไดนามิกอย่างเต็มรูปแบบ ภายใต้ชื่อผู้ผลิต Maremma เพื่อให้ได้ไวน์ที่สะท้อนความเป็นธรรมชาติของผืนแผ่นดินเพาะปลูกมากที่สุด โดยไวน์ที่เลือกสรรจากเขตทัสคานีมาให้ชิมกันในครั้งนี้ มีชื่อว่า Un Litro (เต็มขวดลิตร) ผลิตจากองุ่น 5 สายพันธุ์ ประกอบด้วย Alicanto Nero (หรือที่รู้จักกันในชื่อ Grenachae) ซึ่งเป็นสัดส่วนหลัก 40% ร่วมกับ Carignano, Mourvedre, Sangiovese และ Alicante Bouschet ตัวไวน์ให้กลิ่นอะโรมาเข้มข้น มีความพอเหมาะพอดีในพาเลท ด้วยคาแรกเตอร์ที่หลากหลายให้ติดตามค้นหา ทั้งผลไม้จำพวกเบอร์รี, บัลซามิก และเครื่องเทศ
🍷 ไวน์จากผู้ผลิต Foradori คัดสรรไวน์แดง 1 รายการ ในเขต Trentino - 2021 Foradori Teroldego, Elisabetta Foradori, Trentino, Italy (Biodynamic)
ในพื้นที่ใกล้ ๆ เขตอัลโตอะดิเจ ทางเหนือของอิตาลี มีเขตเตรนติโน ซึ่งสร้างชื่อเสียงจากไวน์แดงที่ผลิตจากองุ่นพื้นเมืองพันธุ์ Teroldego ไวน์ที่จัดเป็น Specialty ของเตรนติโน ด้วยลักษณะทางภูมิศาสตร์ พื้นดินผสมกับหินกรวดของที่ราบ Rotaliano Plain ที่นี่เป็นแหล่งปลูกองุ่นและผลิตไวน์มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14
🍷 ไวน์จากผู้ผลิต Volpaia คัดสรรไวน์แดง 1 รายการ ในเขต Tuscany - 2019 Chianti Classico Riserva DOCG, Volpaia, Tuscany, Italy (Organic)
ไวน์ตัวนี้เลือกสรรจากไร่ไวน์ 8 แห่ง ด้วยยีลด์การผลิตที่ค่อนข้างต่ำ เพื่อให้น้ำองุ่นเข้มข้นมีคุณภาพ บ่มอยู่ในถังโอ๊คฝรั่งเศสและถังโอ๊คสโลวะเกีย ผลลัพธ์ที่ได้ คือน้ำไวน์ที่อุดมด้วยฟรุตตี้ มีแทนนินหนักแน่น งดงามด้วยความหอมของกลิ่นเชอร์รีบลอสซัม แล้วตามด้วยกลิ่นหนัง อัลมอนด์ มีเครื่องเทศปลาย ๆ จัดเป็นไวน์ที่พร้อมดื่มและยังควรค่าแก่การเก็บรักษาไว้ค้นหาพัฒนาการในลำดับต่อไป
🍷 ไวน์จากผู้ผลิต Vietti คัดสรรไวน์แดง 1 รายการ และไวน์ขาว 1 รายการในเขต Piedmont - 2021 Langhe Nebbiolo ‘Perbacco’, Vietti, Piedmont, Italy (Organic)
- 2022 Moscato d’Asti DOCG, Vietti, Piedmont, Italy (Organic)
ไวน์ 2 ตัวจาก Vietti ในงานนี้ เราจะได้ชิมไวน์แดง Langhe Nebbiolo ‘Perbacco’ ซึ่งมาจากส่วนผสมของไร่องุ่นที่ใช้ผลิต Barolo เป็นหลัก และบางส่วนมาจากไร่ที่ใช้ผลิต Barbaresco บ่มแยกในถังโอ๊ค 2 ปีก่อนมาพักในแท็งก์เพื่อผสมกัน แล้วจึงบรรจุขวด น้ำไวน์ที่ได้ให้สีแดงรูบีเข้ม ให้สัมผัสหนักแน่นแต่มีความฟรุตตี้ในอะโรมา ทั้งกลิ่นฟลอรัลและสไปซ์ แทนนินแน่นพอเหมาะ และมีบอดีที่สมดุลพอดี
ส่วนไวน์ที่ใช้ปิดท้าย คือ Moscato d’Asti ไวน์ขาวจากองุ่น Moscato ที่มีความสง่างาม ล้ำค่า ไวน์ผลิตจากองุ่นในไร่เล็ก ๆ ของพื้นที่ Castiglione Tinella น้ำไวน์มีสีเหลืองอ่อน มีพรายฟองนิด ๆ ให้กลิ่นหอมของพีช, ส้ม และขิง เมื่อจิบในพาเลท สัมผัสได้ถึงความฉ่ำหวานพอเหมาะ กับอะซิดิตีที่มีชีวิต ปิดท้ายด้วยกลิ่นแอปริคอตอันอบอวล
นักเขียนไวน์ชื่อดังอย่าง Karen McNeil เขียนถึง Moscato d’Asti ที่ผลิตโดย Vietti ไว้ในหนังสือ Wine Bible ว่า
“… ให้ฉันดื่มทั้งวันเลยก็ยังได้…ไวน์มอสคาโตดัสตีส่วนมากที่ทำออกมาขายทุกวันนี้ โดยเฉพาะจากผู้ผลิตรายใหญ่ ทำได้ดีกว่าไวน์อัดฟองราคาถูกนิดเดียว แต่ไร่ไวน์เล็ก ๆ จากผู้ผลิตคุณภาพ อย่าง Vietti ช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง…”
นี่คือ Finale หรือ บทลงท้ายของงานชิมไวน์ Wine Meets Art ที่เราทุกคนจะได้รับประสบการณ์ความประทับใจจากรสชาติอันลึกซึ้งของไวน์อิตาเลียน ที่เชื่อมผสานไปพร้อม ๆ กับเรื่องราวของผลงานศิลปะในยุคสมัยของเรอเรสซองส์ที่ยังมีคุณค่าแก่การเรียนรู้สำหรับผู้คนร่วมสมัย
งานนี้เปิดรับจำนวนจำกัด เพียง 100 ท่านเท่านั้น (เฉพาะผู้มีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป) ในวันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน 2567 ช่วงเวลาบรรยายและชิมไวน์ 19.00 – 21.00 น. ตั้งแต่เริ่มเปิดขวดที่ 1 – 7 รวมระยะเวลากว่า 2 ชั่วโมง ที่ Attraction Hall ชั้น 6 ไอคอนสยาม
บัตรราคา 2,200 บาท (ราคานี้ รวมค่าเข้าชม DaVinci Alive มูลค่า 1,080 บาท, การชิมไวน์ทุกชนิด, อาหารว่าง และการบรรยายของวิทยากร)
บัตรมีจำหน่ายที่ Thaiticketmajor