“ผมมีปรัชญาว่า ต้องเป็นฝ่ายให้ก่อน แล้วสิ่งดีๆ จะตามมาเอง ผมเป็นนักธุรกิจ แต่ผมไม่ได้ตั้งเป้าที่ผลกำไรเป็นหลัก ผมมองถึงผลประโยชน์ของประชาชน ของประเทศชาติ และสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”
คุณเกียรติภูมิ สิริพันธุ์ ในฐานะนักประดิษฐ์ นักธุรกิจ และหัวหน้าพรรคไทยสมาร์ท ผู้ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับการใช้พลังงานทดแทน เพื่อการเข้าถึงพลังงานของคนทุกระดับชั้นโดยใช้ต้นทุนไม่มาก รวมทั้งยังเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งที่ผ่านมาคุณเกียรติภูมิได้พัฒนา และจดสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ที่มีชื่อว่า “สมาร์ท ไฮบริดจ์ เพาเวอร์” ระบบผลิตไฟฟ้าอัจฉริยะ ผลิตพลังงานฟรี 24 ชั่วโมง ด้วยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานแบตเตอรี่ พลังงานน้ำมาผสานเข้าด้วยกันเพื่อผลิตไฟฟ้าใช้งานเองได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องเสียค่าเชื้อเพลิงแม้แต่บาทเดียว ซึ่งเขาเองได้เริ่มโครงการนำร่องแล้วในหลายจังหวัด และคาดว่าจะขยายพื้นที่ให้บริการ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนในอนาคต
“ก่อนเข้าวงการการเมืองผมอยู่ในแวดวงธุรกิจพลังงานมากว่า 15 ปี เราพยายามนำพลังงานชีวมวล พลังแสงอาทิตย์ พลังงานลม โดยที่ผ่านมาผมสร้างสิ่งประดิษฐ์เพื่อที่จะสนับสนุนให้ประชาชนได้ใช้พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตเอง ผมมองว่าในอนาคตเราจะดำเนินการผ่านตัวแทนจังหวัดของพรรคไทยสมาร์ทที่มีทุกภาคทั่วประเทศ อย่างที่อยุธยา อ่างทอง กระบี่ โคราช เพชรบุรี พิษณุโลก สตูล และอุบลราชธานี เป็นต้น โดยเราจะสนับสนุนโครงการพลังงานฟรี 24 ชั่วโมง โดยสอนการประดิษฐ์อุปกรณ์สิ่งนี้ไว้ใช้งาน ซึ่งจะช่วยให้ชาวบ้านเข้าถึงพลังงานไฟฟ้าและพลังอื่นๆ รวมทั้งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว ผมเชื่อว่าทุกคนที่ได้ใช้งานสิ่งประดิษฐ์ดังกล่าวจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน”
สำหรับ “สมาร์ท ไฮบริดจ์ เพาเวอร์” มีหลักการทำงานโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์มาผลิตไฟฟ้าผ่านระบบโซลาร์เซลล์ จากนั้นในการทำเก็บกักพลังงานไฮโดร พาวเวอร์ ซึ่งจะปั๊มน้ำโดยใช้แบตเตอรี่ และการสูบน้ำจากระดับผิวดิน หรือใต้ดินขึ้นไปในระดับสูงโดยขึ้นไปเก็บไว้บนแท็งก์น้ำ จากนั้นในช่วงเวลากลางคืนเราก็จะปล่อยน้ำลงมาหมุนเครื่องปั่นไฟให้ผลิตไฟฟ้าใช้งานในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งหลักการนี้สามารถนำมาใช้ภายในบ้าน ในสำนักงาน โรงงาน หรือหอพักก็ได้ และที่ผ่านมาได้มีการทดสอบการทำงานในสถาบันการศึกษาต่างๆ และประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ โดยมีโครงการนำร่องติดตั้งใช้งานแห่งแรกที่หอพักที่สำโรง จังหวัดสมุทรปราการ และอีกแห่งหนึ่งที่อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร และในอนาคตเราจะเห็นสิ่งประดิษฐ์นี้กระจายไปใช้งานในอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศไทย ผมเชื่อว่าในอนาคต สิ่งประดิษฐ์นี้จะได้รับความนิยม เพราะมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งไม่แพงมาก อย่างผมเคยสำรวจแล้วพบว่าที่จังหวัดสกลนครและกระบี่ การเข้าถึงไฟฟ้ายังน้อยมาก บางหมู่บ้านไม่มีไฟฟ้าใช้เลย ถ้าเราเข้าไปช่วยเหลือ คุณภาพชีวิตชาวบ้านจะต้องดีขึ้นแน่นอน”
“การที่ผมตั้งใจประดิษฐ์อุปกรณ์นี้ขึ้นมา เพราะอยากให้ประชาชนคนไทยได้ใช้พลังงานไฟฟ้าในต้นทุนต่ำ ได้ใช้พลังงานอย่างชาญฉลาด ถ้าเราผลิตไฟฟ้าได้เอง ก็จะทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการต่ำลง นอกจากนี้ในส่วนของภาคครัวเรือนเอง ก็จะได้เข้าถึงพลังงานไฟฟ้าได้ง่ายขึ้นหากผลิตไฟฟ้าใช้เองได้ ถ้าสามารถแปลงระบบรถให้สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าได้ ก็จะประหยัดค่าน้ำมัน และช่วยลดมลภาวะ เพราะปัญหามลพิษทางสิ่งแวดล้อมถือเป็นทิศทางที่ทุกประเทศในโลกให้ความสำคัญ และร่วมมือกันแก้ไข เพื่อลดปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องภาวะโลกร้อนที่เรากำลังเผชิญอยู่ในทุกวันนี้ ถ้าเราหันมาใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น ก็จะไม่ได้ประหยัดแค่ต้นทุน แต่ยังช่วยโลกได้อีกทางหนึ่งด้วย”
“สิ่งหนึ่งที่ผมตั้งใจเข้ามาลงเล่นการเมือง และดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคไทยสมาร์ทนั้น เพราะอยากนำความรู้ที่มีมาช่วยเหลือ อย่างการคิดค้น ‘สมาร์ท ไฮบริดจ์ เพาเวอร์’ ขึ้นมานั้น หลักๆ คือผมอยากให้ชาวบ้านทั่วไป และเกษตรกรสามารถเข้าถึงการใช้ไฟฟ้าในราคาที่ประหยัด รวมทั้งยังเป็นการช่วยลดการใช้น้ำมัน การที่ผมได้ทุนกพ.ไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทด้าน Master Of Science in Management ที่ Massachusetts Institute of Technology (MIT) สหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ. 2537 ทำให้ผมคิดว่า ถ้ามีโอกาสวันหนึ่งผมจะต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน รวมทั้งจะต้องช่วยคนไทยให้ได้ใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุด ซึ่งสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ของผมก็ถือว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ชิ้นแรกของโลกที่ผมอยากให้คนไทยได้ลองใช้จริงๆ ผมมีปรัชญาว่า ต้องเป็นฝ่ายให้ก่อน แล้วสิ่งดีๆ จะตามมาเอง” ผมเป็นนักธุรกิจ แต่ไม่ได้ตั้งเป้าที่ผลกำไรเป็นหลัก ผมมองถึงผลประโยชน์ของประชาชน ประเทศชาติ และสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน และภาครัฐที่จะต้องส่งเสริม และให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ก็จะทำให้ Impact ในวงกว้าง แต่ผมเชื่อว่าถ้าเราเริ่มก้าวแรกได้ ก็จะมีก้าวต่อๆ ไปที่เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต”