“อุ้ม-ทวีพร พริ้งจำรัส” มิสแกรนด์ไทยแลนด์ ปี 2023 และ 5th Runner Up Miss Grand International 2023 หญิงสาวหน้าเก๋ ผิวแทน มี Performance และความเป็นตัวของตัวเองสูง การที่เธอได้ครองมงกุฎมิสแกรนด์ ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะนำพาเธอไปสู่ความสำเร็จในก้าวต่อไป ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ เข้มแข็ง รู้จักปรับตัว รวมถึงความพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอก้าวข้ามอุปสรรคได้คือการรู้จักปล่อยวาง หยิบเอาคำตำหนิมาปรับปรุงตัวเอง และปล่อยทุกคำถากถางทิ้งไป แล้วมีความสุขกับชีวิต กับสิ่งดีๆ ที่มีอยู่ตรงหน้า
“ที่ผ่านมาอุ้มประกวดเวทีนางงามมิสแกรนด์จันทบุรี 2017 เป็นเวทีแรกของอุ้ม ซึ่งอุ้มอยากเป็นมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ตอนนั้นอุ้มก็เป็นตัวแทนจังหวัดจันทบุรีเข้าเวทีใหญ่ ได้ตำแหน่งรองอันดับ 3 และได้เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าประกวด Miss United Confidence 2017 ที่เอกวาดอร์ ซึ่งหลังจากนั้นก็ทำงาน ใช้ชีวิตตามปกติ จนวันหนึ่งบอส (คุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล) ได้ประกาศบนเวทีมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2022 ว่าใครที่เคยประกวดแล้วไม่ได้มง(กุฎ)ใหญ่ สามารถกลับเข้ามาประกวดได้อีกครั้ง ก็เลยตัดสินใจกลับมาประกวดที่เวทีมิสแกรนด์อีกครั้ง”
“จริงๆ การมาลงประกวดนางงามของอุ้มเริ่มต้นจากการที่อยากลองและอยากเอาชนะใจแม่ เพราะแม่ไม่เคยเชื่อมั่นในตัวอุ้มว่าจะประสบความสำเร็จได้ในทางไหนทางหนึ่ง วันที่อุ้มได้รองอันดับ 3 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ เป็นสิ่งที่ทำให้แม่มั่นใจ และเชื่อมั่นว่าอุ้มโตขึ้น อุ้มมีศักยภาพ ซึ่งการประกวดนางงามต้องมีความพร้อมในการ เตรียมตัวมากๆ ทั้งรูปร่าง หน้าตา และไหวพริบปฏิภาณ ซึ่งมัน Challenge มากๆ โดยเฉพาะการประกวดนางงามครั้งแรก เพราะอุ้มไม่เคยเรียนเดินแบบ หรือลงคอร์สพัฒนาบุคลิกภาพ ก็อาศัยศึกษาจากยูทูบเอา ซึ่งการประกวดนางงามถือเป็นเรื่องแปลกใหม่ในชีวิต พอเราประสบความสำเร็จขั้นแรก เราก็นำสิ่งนั้นมาเป็นพื้นฐานในการตั้งต้น พอกลับมาประกวดอีกครั้งก็เป็นการ Challenge ที่ต้องพัฒนาตัวเองให้แตกต่างจากคนอื่น เดินแบบนี้ พูดแบบนี้ แต่ความยากก็คือจะทำอย่างไรให้แตกต่างไปจากเดิม”
“ทุกวันนี้นางงามมีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ซึ่งเริ่มเห็นมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เราไม่จำเป็นต้องใส่เดรส ใส่ส้นสูง ผมเป๊ะ หน้าเป๊ะ เดินหลังตรงอยู่ตลอดเวลา แต่วันนี้คือการขายเสน่ห์ส่วนบุคคล ไลฟ์สไตล์ รสนิยมในการแต่งตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะนี่จะทำให้คนรู้จักตัวตนของเราจริงๆ ความเป็นนางงามเมื่อก่อนกับทุกวันนี้ แตกต่างกันมากๆ อุ้มเห็นตั้งแต่วันที่นางงามต้องแต่งสวย ใส่ส้นสูง ลงมาทานข้าว วันที่ซ้อมเต้นก็ต้องใส่เดรส แต่งหน้าเป๊ะ เดี๋ยวไม่สวย เดี๋ยวไม่เห็นรูปร่าง แต่อุ้มแต่งตัวสบายมาก ใส่กางเกงวอร์ม ใส่สนีกเกอร์ รู้สึกสบายใจที่ได้ทำในสิ่งที่เป็นตัวเอง”
“การที่อุ้มกลับมาประกวดแล้วคว้ามงกุฎมิสแกรนด์ไทยแลนด์ได้ก็ดีใจและภูมิใจมาก มีความดีใจผสมกับความงง เพราะไม่มีใครกลับมาประกวดใหม่แล้วได้ที่ 1 การที่อุ้มชนะจากเวทีนี้ได้ เพราะอุ้มเป็นคนที่รับฟัง รู้จักแก้ไขและไม่เถียง รู้สึกตัวเองเป็นเหมือนฟองน้ำที่สามารถเปลี่ยนรูปร่าง และซึมซับได้ เราอยากทำงานที่นี่ เจ้านายอยากให้ทำอะไร เราทำได้เราก็ทำ ซึ่งนี่ทำให้ผู้ใหญ่หลายๆ คนมองเห็นถึงความง่ายในการทำงาน ความพยายาม ความตั้งใจตั้งแต่ต้น เราไม่เคยลดละหรือย่อท้อ และพร้อมจะเปลี่ยนอยู่เสมอเพื่อให้งานประสบผลสำเร็จ”
“ถ้าถามว่า ‘อุ้ม-ทวีพร’ เป็นผู้หญิงแบบไหน อุ้มมองว่าอุ้มเป็นคนเข้มแข็ง มีความพยายาม ตั้งใจ การที่เรามายืนอยู่ตรงนี้ได้ไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่เป็นเพราะความพยายาม รวมทั้งการที่ได้รับการดูแลใส่ใจจากคนรอบข้าง แฟนคลับทุกคนก็ให้การ ซัปพอร์ต ไม่ว่าเราจะเจอกับอะไร โดนคนอื่นว่า เขาก็ยังอยู่เคียงข้าง ซึ่งหลังจากนี้อุ้มตั้งใจจะทำงาน อยากมีงานทำทุกวัน (หัวเราะ) ทุกวันนี้เป็น Freelance เป็น Influencer เห็นพี่อิงฟ้า (มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2022) เห็นทีมมิสแกรนด์ปีที่แล้วมีงานเยอะมาก ทำงานไม่มีวันหยุดก็อยากเป็นแบบนั้นบ้าง ทำงานคือความสนุก อยากทำงานในวงการบันเทิง เล่นละคร ร้องเพลง อุ้มทำได้หมด ขอแค่ได้ลอง ได้เรียนรู้ เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการมองไปที่เวทีมิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนล ตอนนี้ก็พยายามเพิ่มทักษะความรู้ เพื่อจะไปสู้กับสาวงามจากประเทศอื่นๆ ในฐานะตัวแทนประเทศไทย อยากได้เข้ารอบ 2 คนสุดท้าย ตอนนี้อุ้มมั่นใจว่าจะต้องทำได้ ไม่เผื่อใจ ถ้าผิดหวังก็ผิดหวัง เจ็บก็คือเจ็บ”
“สำหรับอุ้มกว่าจะมีวันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะที่ผ่านมามี ดรามาเยอะมาก โดนคนบูลลี่เรื่องสีผิว เรื่องการแต่งตัว บอกยืนกับรองแล้วดรอป ไม่สมมง โดนว่าเยอะมาก แต่ก็พยายามปล่อยผ่าน คิดแค่ว่าการโดนนินทาเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ใครก็โดนนินทา เราแค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ ถ้าใครที่โดนบูลลี่อย่างอุ้มก็อยากให้กำลังใจ รักตัวเองให้มากๆ เพราะคนที่จะอยู่กับเราไปจนวันตายก็คือตัวเรา เราสามารถเลือกที่จะรับ และเลือกที่จะปล่อยได้ เวลาเครียด ร้อยคนมาบอกให้หายเครียด เราไม่หายเครียดหรอก ถ้าเราไม่ได้เป็นคนปล่อยและวางมันเอง เมื่อเราไม่สามารถห้ามปาก ห้ามความคิด ห้ามทัศนคติคนอื่นได้ ฉะนั้นเราต้องรักตัวเอง ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข สิ่งที่เขาติ ถ้าจริง เราควรแก้ไข ถ้าอะไรเป็นการติเพื่อทำร้ายจิตใจ เพื่อความสะใจ ก็อย่าไปสนใจ เพราะสุดท้ายไม่มีใครรู้จักเราเท่าตัวเราเองอีกแล้ว”
