THE 50 INFLUENTIAL PEOPLE 2023 “ศ.ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล” ผู้หญิงกับความเป็นผู้นำ ที่แข็งแกร่งไม่แพ้ผู้ชาย กับการเป็น อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี

0
2414

เป็นอีกหนึ่งผู้หญิงที่เรียกว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด สำหรับศาสตราจารย์ ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ที่ไม่ใช่แค่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่ยังถือเป็นผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จในชีวิตครอบครัวอย่างสูงทีเดียว

ศ.ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี สถาบันการศึกษาที่ผลิตบันฑิตคุณภาพออกมารับใช้สังคมมากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง เล่าถึงมุมมองการเป็นผู้นำของความเป็นผู้หญิงได้อย่างน่าฟังว่า “หลายคนอาจจะมองผู้หญิงกับการเป็นผู้นำองค์กรว่าเป็นเรื่องยาก แต่สำหรับมุมมองของดิฉันเองกลับมองเห็นถึงความเป็นผู้หญิง ว่านั่นคือข้อได้เปรียบมากกว่า” อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี อธิบาย ว่า ความเป็นข้อได้เปรียบของผู้หญิงมีอยู่หลายอย่าง อาทิ การประสานงาน “ความเป็นผู้หญิง ถือเป็นเพศที่มีความละเอียดอ่อนค่อนข้างมาก แม้ว่าทุกคนจะมองว่าผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอก็ตาม แต่สำหรับตัวของดิฉันแล้ว ผู้หญิงเป็นเพศที่มีความแข็งแกร่งไม่แพ้ผู้ชายเลยแม้แต่น้อย”ส่วนมุมมองในด้านความเป็นผู้นำนั้น “สำหรับมุมมองของตัวเองแล้ว ผู้นำทุกคนย่อมมีความเป็น Leadership ในตัวเอง ซึ่งมีสิ่งที่ต้องการเดียวกันคือ การประสบความสำเร็จ แต่ในเวลาเดียวกัน ความเป็นผู้นำเองก็ต้องมีปัจจัยอย่างแรกเลยคือ ความจริงใจ ความเมตตา และความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่เรามักพูดกันว่าจะต้องมี Empathy นั่นเอง หรือความเข้าใจคนอื่นถึงความคิด อารมณ์ รวมไปถึงความรู้สึกเข้าใจอีกฝ่าย โดยไม่ได้เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง”

นอกจากนี้ปัจจัยสำคัญของความเป็นผู้นำก็ยังต้องมีเรื่องของ “ความอดทน” ซึ่ง ศ.ดร.บังอรกล่าวว่า ไม่ใช่แค่จะต้องมีความอดทนเท่านั้น แต่ยังต้องมีความเป็นนักสู้ด้วยเช่นกัน “และอีกข้อหนึ่งที่ละเลยไม่ได้เลยก็คือ ต้องเป็นคนที่มีความรอบรู้ และความรู้รอบ แต่ทั้งนี้เราจะมีความรอบรู้และรู้รอบได้อย่างไร ก็ต้องเกิดการเรียนรู้อย่างไม่หยุดยั้งที่เรียกว่า A Life of Education เพราะความสำเร็จและการศึกษาเป็นของคู่กัน และเราก็ต้องมีความ มุ่งมั่นที่จะทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบที่สุด”

หากพูดถึงการทำงานในแวดวงการศึกษาแล้ว เรียกได้ว่า ศ.ดร.บังอรอยู่ในแวดวงการศึกษามาอย่างยาวนาน “ตัวเองทำงานด้านการศึกษามานานกว่า 40 ปีแล้ว ทำมาตั้งแต่อายุยังไม่ 20 ปี ซึ่งก็ทำงานมาตลอด โดยเหตุผลที่ชอบทำงานด้านการศึกษานั้นก็มีแรงบันดาลใจมาจากตัวเอง เพราะเราเป็นคนที่อยากเห็นคนที่เรารักได้ในสิ่งดีๆ และการศึกษาก็ถือเป็นสิ่งที่ดีและเป็นสิ่งจำเป็น รวมถึงเป็นสิ่งสำคัญมากด้วย” ด้วยเหตุผลนี้เองจึงทำให้หลายคนมักเห็น ศ.ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล จริงจังกับการทำงาน เพื่อสร้างการศึกษาที่ดีให้กับลูกศิษย์ “ดิฉันเน้นความสำคัญเรื่องการศึกษาค่อนข้างมาก และพยายามให้การศึกษากับนักศึกษาและลูกศิษย์ทุกคน เราให้สิ่งที่ดีที่สุดกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรการเรียนการสอน รวมไปถึงการเฟ้นหาผู้เชี่ยวชาญ และคณาจารย์ที่ดีที่สุด มาถ่ายทอดองค์ความรู้ที่จำเป็นให้กับนักศึกษา นอกจากนี้ยังพยายามสร้างอาคารสถานที่ รวมไปถึงการหาอุปกรณ์การเรียนการศึกษาต่างๆ มาให้ใช้เพื่อการเรียนอย่างครบครันมากที่สุด เพราะดิฉันถือว่าเราได้ให้สิ่งที่ดีสุดกับคนที่เรารักที่สุด ซึ่งก็คือนักศึกษาและลูกศิษย์ของเราทุกคนนั่นเอง”

ไม่ใช่แค่การเป็นผู้นำองค์กรด้านสถาบันการศึกษา ที่เป็นแบบอย่างที่ดีที่สุดเท่านั้น ศ.ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ยังเรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิตมากที่สุดคนหนึ่งด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการเป็นคุณแม่ของลูกๆ “การเป็นแม่ถือเป็นอีกความสุขของตัวเอง โดยเฉพาะการได้เห็นลูกจากที่เป็นเด็กตัวเล็กๆ ค่อยๆ เติบโตขึ้นมา ได้เห็นเขาเรียนหนังสือจนสำเร็จ แล้วมีงานทำที่มั่นคง รวมไปถึงการได้รับใช้สังคม ชุมชน และประเทศชาติ” ดร.บังอรกล่าวด้วยว่า “ตลอดระยะเวลาที่เลี้ยงลูกๆ มา ได้สอนพวกเขาเสมอว่าให้เขาเป็นคนคิดดี พูดดี แล้วก็ทำดี โดยที่เราเองเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกๆ ซึ่งทั้ง 3 ข้อที่สอนลูกไปนั้น ถือเป็นสิ่งดีที่เราเองเชื่อว่าจะต้องเกิดขึ้นกับชีวิตของลูกๆ อย่างแน่นอน”

นอกจากนี้อีกสิ่งที่ ศ.ดร.บังอรสอนลูกๆ เสมอเช่นกันคือ การใช้ชีวิตให้มีความบาลานซ์ “นี่เป็นสิ่งสำคัญที่พยายามสอนลูกๆ เสมอ เพราะการใช้ชีวิตแบบบาลานซ์จะทำให้เกิดความสุขในครอบครัว ซึ่งแนวทางในการใช้ชีวิตให้บาลานซ์ หรือมีความสมดุลที่สุด คือแนวคิดสามเหลี่ยมของความสุข ที่เริ่มจากการสร้างคุณค่า และสร้างความสำเร็จให้กับตัวของเรา จากเรื่องของหน้าที่การงาน จากนั้นก็ต้องมีการแบ่งเวลาให้กับครอบครัว แม้บางครั้งงานจะยุ่งจริงๆ แต่ก็ต้องพยายามแบ่งเวลาให้กับครอบครัว ซึ่งเป็นสิ่งที่จะมาช่วยทำให้เกิดความสุขภายในบ้าน เหมือนกับเป็นน้ำทิพย์ชโลมใจของครอบครัวเป็นอย่างดี นอกจากนี้เมื่อมีเวลาให้กับครอบครัวลงตัวดีแล้ว ก็ต้องคิดถึงเรื่องของการทำประโยชน์ให้กับสังคมด้วยเหมือนกัน” ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้ หากสามารถทำได้ดี ศ.ดร.บังอร เบ็ญจาธิคุณ ตอกย้ำด้วยว่า เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เกิดความรักและความผูกพัน รวมถึงมีความเข้าใจกันของคนในครอบครัวตลอดไป วันนี้ ศ.ดร.บังอร เบ็ญจาธิคุณ อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี จึงเป็นอีกหนึ่งผู้นำองค์กรที่เป็นผู้หญิงซึ่งประกอบด้วยความรู้ความสามารถ และความรักให้กับทุกคนอย่างน่าประทับใจ

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.