SMART LEADER MUST BE INTELLIGENT & HONEST หรือ “ผู้นำสมาร์ทต้องฉลาดและไม่โกง” เป็นหนึ่งสโลแกนที่คุณเกียรติภูมิ สิริพันธุ์ อดีต ซีอีโอ บริษัท โพเทนเชียล เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (POTENTIAL ENERGY COMPANY LIMITED) นำมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง เพื่อสร้างเทคโนโลยีพลังงานสะอาด ที่จะผลักดันและยกระดับเศรษฐกิจของสังคม ชุมชน และประเทศไทย ให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ
ชื่อของ “เกียรติภูมิ สิริพันธุ์” เป็นที่รู้จักกันดีมานานกว่า 20 ปี ในฐานะผู้บุกเบิก ซีอีโอของบริษัทกลุ่มพลังงานในหลายองค์กร ที่ดำเนินงานในโครงการต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวข้องกับการนำพลังงานทางเลือกมาใช้ประโยชน์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานชีวมวล มาเปลี่ยนพลังงานทดแทน เพื่อช่วยเหลือประชาชนทั่วประเทศที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งความสามารถและการทุ่มเททำงานอย่างตั้งใจนี้ ได้รับการการันตีด้วยรางวัล “SmartEnergy Hero” มาแล้วหลายรางวัล
ด้วยความตั้งใจในการพัฒนาประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมนานาอารยประเทศ คุณเกียรติภูมิ ยังมีแนวคิดที่จะนำเอาเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในโลก มาช่วยเหลือประชาชนในประเทศให้มีรายได้ ตลอดจนการทำให้ประเทศไทยเกิดการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ อันเป็นหนทางที่จะทำให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ ไปได้และด้วยคุณสมบัติและความแน่วแน่ในการสร้างประโยชน์เพื่อประเทศชาติ วันนี้ คุณเกียรติภูมิ จึงได้อาสาเข้ามาทำงาน ในฐานะหัวหน้าพรรคไทยสมาร์ท ที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการทำความตั้งใจของเขาให้ประสบความสำเร็จอย่างที่ใฝ่ฝันไว้ได้
จากผู้บริหารธุรกิจพลังงานทางเลือก สู่การเป็น “หัวหน้าพรรคไทยสมาร์ท” เป็นส่วนหนึ่งของแรงผลักดันในหัวใจอันแน่วแน่ของคุณเกียรติภูมิ สิริพันธุ์ ที่ตั้งใจอยากให้ประชาชน สังคม รวมถึงประเทศไทย ได้รับการยกระดับชีวิตให้ดีขึ้น “ผมคิดอยู่เสมอว่าทุนการศึกษาที่ผมได้ใช้ไปกับการเรียนในระดับปริญญาโท จาก MIT ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาระดับโลกนั้น เป็นส่วนหนึ่งที่ได้มาจากภาษีของประชาชน ผมติดหนี้บุญคุณของประเทศไทย ผมจึงอยากนำความรู้และเทคโนโลยีที่ดีที่สุดมาช่วยเหลือประชาชนและประเทศไทย เพื่อให้เกิดการพัฒนาไปถึงจุดที่ประเทศไทยได้ก้าวขึ้นไปเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว”
นอกจากนี้ อดีตซีอีโอธุรกิจพลังงานสะอาด ยังอยากเห็นคนรุ่นใหม่มีการใช้เทคโนโลยีเป็น “หากทุกคนใช้เทคโนโลยีเป็นจะก่อเกิดประโยชน์มหาศาล ตั้งแต่การสร้างรายได้ให้ตัวเอง ครอบครัว ไปจนถึงการสร้างธุรกิจที่มีความสมาร์ท ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นทำให้ประเทศของเราเจริญก้าวหน้า และไม่เพียงแค่นั้น ยังมีผลไปถึงสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น ปราศจากมลพิษ และบ้านเมืองของเราก็ยังสวยสะอาด ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยมากขึ้น ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินจำนวนมหาศาลไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง”
“หากเราแก้ปัญหาเหล่านั้นได้ด้วยสติปัญญาของเราได้แล้ว
เรายังอาจใช้สิ่งเหล่านั้นมาเป็นบทเรียน
ในการแก้ไขปัญหาให้กับคนอื่นๆ ที่กำลังตกอยู่ในความเดือดร้อนได้ด้วย“
สิ่งหนึ่งที่คุณเกียรติภูมิเน้นย้ำมากที่สุดในการทำให้ประชาชนและประเทศไทย ก้าวไปสู่การเป็นประเทศที่มีความสมาร์ทได้นั้น คือผู้นำที่มีบทบาทในการนำพาประเทศ จะต้องเป็นผู้ที่มีความชาญฉลาด และมีความรู้ในเรื่องของเทคโนโลยี และรู้ทันคู่ค้าระหว่างประเทศ “ประเทศไทยจะสมาร์ท ผู้นำต้องฉลาดและไม่โกง” หนึ่งในสโลแกนที่คุณเกียรติภูมิใฝ่ฝันและอยากเห็นประเทศของเราเจริญก้าวหน้า เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
“นอกจากเป็นผู้นำที่มีความชาญฉลาดแล้ว ผมเองยังมีนิยามของความเป็นผู้นำที่ดีด้วย คือ นอกจากจะต้องเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลแล้ว การจะเป็นผู้นำที่ดีได้ ก็ต้องมีเรื่องขององค์ความรู้ประกอบด้วย ไม่ว่าจะเป็นความรู้เรื่องของเศรษฐกิจ ความสามารถในการเจรจา และความรู้ในแขนงต่างๆ อย่างรอบด้าน โดยเฉพาะเรื่องของการศึกษา รวมถึงต้องรู้จักใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีประโยชน์ เพราะสิ่งเหล่านี้เมื่อนำมาประกอบรวมกันแล้ว ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้นำคนนั้นมองเห็นช่องทางการสร้างรายได้ และหาสิ่งที่เป็นประโยชน์เข้ามาใช้พัฒนาประเทศไทยในด้านต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่เพียงจะทำให้ประเทศของเรามีความเจริญก้าวหน้าทัดเทียมนานาอารยประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ประชาชนในประเทศมีความอยู่ดีกินดี และมีอาชีพที่มั่นคงถาวรด้วย”
ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากเราไม่มีแพสชัน ซึ่งคุณเกียรติภูมิ ยังได้ยกตัวอย่างการสร้างแพสชันให้กับตัวเองด้วยว่า “หนึ่งในวิธีการสร้างแพสชันให้กับตัวเองในแบบของผม คือ ทุกครั้งที่เราตื่นเช้าขึ้นมา ก็ต้องคิดแต่สิ่งที่เป็นด้านบวกก่อน และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับปัญหา ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ ผมจะไม่หนีปัญหาเพราะหากเราสามารถแก้ปัญหาเหล่านั้นได้ ก็จะเกิดความภูมิใจในตัวเอง ดังนั้นการสร้างแพสชันให้กับตัวเอง ผมจะมองปัญหาทุกปัญหาเป็นเหมือนความท้าทายตัวของเราเอง และหากเราแก้ปัญหาเหล่านั้นได้ด้วยสติปัญญาของเราได้แล้ว เรายังอาจใช้สิ่งเหล่านั้นมาเป็นบทเรียนในการแก้ไขปัญหาให้กับคนอื่น ๆ ที่กำลังตกอยู่ในความเดือดร้อนได้ด้วย ถือเป็นอีกบทเรียน และแนวทางในการจัดการกับปัญหา ที่จะนำไปสู่การสร้างคุณค่าให้กับตัวเองและสังคม”