“CODE 11.59 BY AUDEMARS PIGUET” STANDS FOR ITS GENETIC CODE

0
1663

ไม่ได้เป็นเพียงเรือนเวลาที่ถูกพัฒนามาจากรุ่นก่อน หรือเป็นโมเดลที่เผยโฉมประจำปีเท่านั้น แต่นี่…คือการพลิกหน้าประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ของ โอเดอมาร์ ปิเกต์ กับการเปิดตัวไลน์อัพใหม่อย่างเป็นทางการ ภายใต้คอลเลคชั่นที่ชื่อว่า “CODE 11.59” โดยคำว่า “CODE” มาจากการนำตัวอักษรย่อของคำว่า Challenge, Own, Dare, Evolve ที่ล้วนแต่เป็นดีเอ็นเอหลักของแบรนด์มาเรียงใหม่จนเกิดเป็นรหัสที่สื่อความหมายได้อย่างลึกซึ้ง ขณะที่ 11.59 คือเลขนาทีสุดท้ายก่อนจะก้าวเข้าสู่วันใหม่ ซึ่งเปรียบได้ดั่งแบรนด์ที่เป็นผู้นำเกมอยู่หนึ่งก้าวเสมอ

สิ่งที่คุณจะได้เห็นต่อไปนี้ จะทำให้คุณประหลาดใจ“ที่โอเดอมาร์ ปิเกต์ เราแข่งขันกับตัวเองอยู่ตลอดเวลาเพื่อก้าวผ่านขีดจำกัดทางด้านหัตถศิลป์ โดยหยิบจิตวิญญาณอันเป็นอิสระ ตลอดจนความเคารพอย่างสูงส่งต่อประเพณีดั้งเดิม ความภาคภูมิใจในถิ่นกำเนิด และความมุ่งหวังในการรังสรรค์นวัตกรรมที่เปี่ยมไปด้วยความแม่นยำและความคิดสร้างสรรค์ มาเป็นแรงขับเคลื่อน” จัสมิน โอเดอมาร์ ประธานกรรมการบริษัท  กล่าว

Challenge ท้าทายต่อขีดจำกัดทางด้านหัตถศิลป์

บนเส้นทางประวัติศาสตร์กว่า 144 ปี โอเดอมาร์ ปิเกต์ได้ฝึกฝนช่างฝีมือผู้มากพรสวรรค์เพื่อส่งต่อทักษะงานฝีมือชั้นสูงและเทคนิคในการประดิษฐ์นาฬิกาตามประเพณีที่ตกทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ในขณะเดียวกันก็ผลักดันนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์เชิงสุนทรียศาสตร์ให้ขยายขอบเขตออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง  

Own มรดกตกทอด

กล่าวได้ว่าโอเดอมาร์ ปิเกต์เป็นบริษัทประดิษฐ์นาฬิกาชั้นเลิศที่เก่าแก่ที่สุดเพียงแห่งเดียวที่ยังคงอยู่ในความครอบครองของตระกูลผู้ก่อตั้ง นอกจากจะอุทิศตนเพื่อรักษามรดกตกทอดและแรงขับเคลื่อนที่ส่งต่อมาหลายชั่วอายุคน รวมถึงเทคนิคหัตถศิลป์เก่าแก่และนวัตกรรมที่ล้ำยุคไม่เหมือนใครแล้ว แบรนด์ยังเดินหน้าผลิตเรือนเวลาที่ผสานศาสตร์และศิลป์แห่งความเชี่ยวชาญไว้ในทุกรายละเอียด นอกจากนี้ยังคำนึงถึงแนวคิดเชิงสร้างสรรค์ที่ถ่ายทอดนิยามใหม่ๆในรูปแบบงานศิลป์อีกด้วย อาทิ ภาพถ่ายอินฟราเรด ของหุบเขาวัลเลย์ เดอ ฌูซ์ สถานที่กำเนิดของโอเดอมาร์ ปิเกต์ นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี 1875

Dare กล้าที่จะเดินตามความปรารถนาอันแรงกล้า

แม้ว่าจะมีความกดดันจากสงคราม เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายในอุตสาหกรรมหลังจากวิกฤติการณ์ควอตซ์ แต่จูลส์ หลยุส์ โอเดอมาร์ และ เอ็ดวาร์ด ออกัสต์ ปิเกต์ ก็ไม่เคยสูญเสียความมุ่งมั่นในการผลิตนาฬิกา ทั้งยังเดินหน้าสร้างความประหลาดใจเรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นหัตถศิลป์ของเรือนเวลาระบบกลไกที่สลับซับซ้อน ไปจนถึงเป็นผู้นำเทรนด์ใหม่ๆที่ยังไม่มีใครกล้าท้าทายข้อจำกัด

Evolveไม่เคยหยุดนิ่ง

โอเดอมาร์ ปิเกต์ไม่เคยหยุดที่จะสร้างความท้าทายให้กับตัวเอง ขณะเดียวกันก็อนุรักษ์เทคนิคการประดิษฐ์นาฬิกาชั้นเลิศตามแบบฉบับดั้งเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น เพื่อพิสูจน์ถึงความปรารถนาอันแรงกล้านี้ แบรนด์จึงรังสรรค์หลากนวัตกรรมเวลาที่ไม่มีใครทำมาก่อน ทั้งยังขยายขอบเขตทักษะอันเชี่ยวชาญก่อนถ่ายทอดองค์ความรู้ไปสู่ช่างทำนาฬิการุ่นใหม่ต่อไป 

สัมผัสตัวตนที่แท้จริงของ CODE 11.59  

  • สร้างการจดจำด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ หน้าปัดทรงกลม, ซิกเนเจอร์แปดเหลี่ยม และดีไซน์ที่ยากจะคาดเดา

CODE 11.59 คอลเลคชั่นเรือนเวลาล่าสุด ที่ผสานความหลากหลายด้านการออกแบบลงบนตัวเรือน กับดีไซน์หน้าปัดทรงกลมขนาด 41 มิลลิเมตร ที่เมื่อพลิกไปด้านข้างจะพบกับซิกเนเจอร์แปดเหลี่ยมคุ้นตาซุกซ่อนอยู่บริเวณกึ่งกลาง ขาตัวเรือนด้านบนเป็นดีไซน์แบบฉลุที่ออกแบบให้รับกับขอบตัวเรือนบางพิเศษ ขณะที่ขาตัวเรือนด้านล่างปรับแต่งให้อยู่ในองศาที่รับกับข้อมือของผู้สวมใส่ ยิ่งไปกว่านั้นชิ้นส่วนต่างๆยังถูกตกแต่งด้วยหัตถศิลป์ขั้นสูง อาทิ การขัดแต่งซาติน ขัดเงา หรือแม้แต่การขัดแต่งพื้นผิวขอบตัวเรือนให้มีความโค้งเว้า ซึ่งปกติพบได้ทั่วไปในงานตกแต่งชิ้นส่วนกลไก นับเป็นการปฏิวัติการออกแบบเรือนเวลาครั้งสำคัญของโอเดอมาร์ ปิเกต์ อีกครั้งเลยก็ว่าได้

  • ออกแบบเพื่อวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการมองเห็นมอบความคมชัดแบบทวีคูณผ่านดีไซน์กระจกคริสตัลทรงโค้ง 2 ชั้น

โอเดอมาร์ ปิเกต์ได้คิดค้นกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ทรงโค้ง 2 ชั้นสำหรับ CODE 11.59 ขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อปรับวิสัยทัศน์การมองเห็นให้มีความคมชัดยิ่งขึ้นในทุกสภาวะและมุมมอง โดยพื้นผิวกระจกชั้นในมีลักษณะคล้ายโดม ขณะที่พื้นผิวด้านนอกมีองศาความโค้งเป็นแนวดิ่งจากตำแหน่ง 6 นาฬิกา ไป 12 นาฬิกา

  • มีมิติ และ เปี่ยมด้วยความประณีตบรรจง โลโก้ 3 มิติ รังสรรค์ด้วยกระบวนการทางเคมี ก่อนนำมาร้อยเรียงบนพื้นหน้าปัดด้วยมือ

  โลโก้ 3 มิติ ของโอเดอมาร์ ปิเกต์ ถือเป็นงานศิลป์อีกชิ้นที่สะท้อนถึงความทุ่มเทของเหล่าวิศวกรในการคิดค้น ทดสอบ ก่อนผลักดันให้ก้าวผ่านข้อจำกัดต่างๆได้เป็นผลสำเร็จ เกิดจากการนำทองคำแผ่นบางหลายๆชั้นมาผ่านกระบวนการทางเคมี ลักษณะคล้ายการทำ 3-D Printing หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ Galvanic Growth โดยตัวอักษรแต่ละตัวจะถูกเชื่อมไว้ด้วยเส้นที่มีความบางเทียบเท่ากับเส้นผม ก่อนประดับลงบนพื้นหน้าปัดด้วยมืออย่างประณีตบรรจง

ความหลากหลายของกลไก

CODE 11.59 ประกอบไปด้วยกลไกทั้งหมด 6 ประเภท โดย 3 ใน 6 เป็นกลไกที่ผลิตขึ้นใหม่ทั้งหมด ได้แก่

  • กลไกไขลานอัตโนมัติ จับเวลาแบบ Column Wheel พร้อมฟังก์ชั่น
    ฟลายแบ็ก ที่ให้คุณเริ่มจับเวลาครั้งใหม่โดยไม่ต้องหยุดและรีเซ็ทเข็มเวลาก่อน (คาลิเบอร์ 4302)
  • กลไกไขลานอัตโนมัติ พร้อมเข็มวินาทีและช่องแสดงวันที่
    (คาลิเบอร์ 4401)
  • กลไกไขลานอัตโนมัติ พร้อมฟลายอิ้ง ตูร์บิญอง (คาลิเบอร์ 2950)

ไปจนถึงการขัดแต่งชิ้นส่วนกลไกต่างๆ ด้วยมือที่ถือเป็นงานฝีมือชั้นสูงของแบรนด์ก็ได้รับการถ่ายทอดผ่านเทคนิคที่หลากหลาย อาทิ “Traits tirés”, “Côtes de Genève”, Circular Graining, Circular Satin, Diamond-Polished Angles และ Gold-Toned Engravings.

ความแม่นยำ และ ความคิดสร้างสรรค์ ดีไซน์ และ ความเชี่ยวชาญ ความบริสุทธิ์

“นับเป็นครั้งแรกของโอเดอมาร์ ปิเกต์ที่ออกแบบคอลเลคชั่นเรือนเวลาให้สามารถสวมใส่ได้ทั้งชายและหญิง ทั้งยังมีให้เลือกมากถึง 13 โมเดล และมาพร้อมกลไกที่สลับซับซ้อน 4 แบบในคราวเดียว กล่าวได้ว่า การเปิดตัว CODE 11.59 ในครั้งนี้เป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญที่โอเดอมาร์ ปิเกต์จะต้องจารึกไว้”เซบาสเตียน วิวาส ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์แห่งโอเดอมาร์ ปิเกต์  กล่าว

คอลเลคชั่น Code 11.59 by Audemars Piguet

รังสรรค์บนตัวเรือนยูนิเซ็กซ์ขนาด 41 มิลลิเมตร มีทั้งหมด 13 เวอร์ชั่น ดังนี้


Selfwinding

  • มีให้เลือก 4 เวอร์ชั่น; ตัวเรือนไวท์โกลด์ จับคู่พื้นหน้าปัดแล็กเกอร์สีน้ำเงิน (15210BC.OO.A321CR.01) หรือ สีดำ (15210BC.OO.A002CR.01) พร้อมสายหนังจระเข้สีเดียวกัน
    ตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ จับคู่พื้นหน้าปัดแล็กเกอร์สีขาว  (15210OR.OO.A099CR.01) หรือ สีดำ (15210OR.OO.A002CR.01) พร้อมสายหนังจระเข้สีน้ำตาล หรือ สีดำ ตามลำดับ
  • ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติรุ่นใหม่ล่าสุด คาลิเบอร์ 4302 มาพร้อมโรเตอร์ทองคำ 22 กะรัต ขนาด 32 มิลลิเมตร ที่พัฒนาให้มีความแม่นยำและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น สำรองพลังงานได้นาน 70 ชั่วโมง
  • แสดงเวลาแบบสามเข็ม พร้อมช่องแสดงวันที่ระหว่างตำแหน่ง 4 และ 5 นาฬิกา


Selfwinding Chronograph

  • มีให้เลือก 4 เวอร์ชั่น; ตัวเรือนไวท์โกลด์ จับคู่พื้นหน้าปัดแล็กเกอร์สีน้ำเงิน (26393BC.OO.A321CR.01) หรือ สีดำ (26393BC.OO.A002CR.01) พร้อมสายหนังจระเข้สีเดียวกัน
    ตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ จับคู่พื้นหน้าปัดแล็กเกอร์สีน้ำเงิน (26393OR.OO.A321CR.01) หรือ สีดำ (26393OR.OO.A002CR.01) พร้อมสายหนังจระเข้สีเดียวกัน
  • ประดับอินเด็กซ์บอกเวลาแบบขัดเงา พร้อมตัวเลขเพียงหนึ่งเดียวที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา
  • วงหน้าปัดย่อยทำหน้าที่จับเวลาร่วมกับเข็มวินาทีหลักที่ตำแหน่ง 6 9  และ 12 นาฬิกา ล้อมรอบด้วยเส้นทองที่ถูกขัดแต่งแบบ V angles อีกเทคนิคที่ทำได้ยากบนพื้นหน้าปัดแล็กเกอร์
  • ทำงานด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติ ฟลายแบ็กโครโนกราฟชุดใหม่ คาลิเบอร์ 4401 กับคุณสมบัติจับเวลาแบบ Column Wheel พร้อมฟังก์ชั่นฟลายแบ็ก ที่ให้คุณเริ่มจับเวลาครั้งใหม่โดยไม่ต้องหยุดและรีเซ็ทเข็มเวลาก่อน ร่วมด้วยระบบเปลี่ยนวันที่แบบ Instant-Jump สำรองพลังงานได้ 70 ชั่วโมง

Perpetual Calendar

ตัวเรือนพิ้งค์โกลด์  จับคู่พื้นหน้าปัดอาเวนเจอรีนสีน้ำเงิน (26394OR.OO.D321CR.01) เคียงคู่หน้าปัดย่อยที่ชวนให้ระลึกถึงหมู่ดาวระยิบระยับบนท้องฟ้ายามค่ำคืน โดยอาเวนเจอรีน ถูกค้นพบโดยบังเอิญในช่วงศตวรรษที่ 17 ระหว่างกระบวนการผลิตแก้วที่โรงงานบนเกาะ มูราโน่ ประเทศอิตาลี ซึ่งปัจจุบันสีน้ำเงินของอาเวนเจอรีน เกิดจากการเติม Black Copper Oxide และ Cobalt ลงไปในแก้วนั่นเอง

ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 5134 พร้อมระบบปฏิทินถาวร แสดงวัน วันที่ เดือน ปีอธิกสุรทินได้อย่างเที่ยงตรง และหากสวมใส่เป็นประจำ จะไม่ต้องปรับจนกว่าจะถึงปี ค.ศ. 2100

Selfwinding Flying Tourbillon

มีให้เลือก 2 เวอร์ชั่น; ตัวเรือนไวท์โกลด์ จับคู่พื้นหน้าปัดลงยาสีน้ำเงินแบบกรองด์เฟอ (26396BC.OO.D321CR.01)

ตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ จับคู่พื้นหน้าปัดลงยาสีดำแบบกรองด์เฟอ  (26396OR.OO.D002CR.01)

  • นับเป็นครั้งแรกของโอเดอมาร์ ปิเกต์ ที่กลไกไขลานอัตโนมัติ พร้อมฟลายอิ้ง ตูร์บิญอง ขึ้นลานด้วย Central Rotor
  • ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติชุดใหม่ คาลิเบอร์ 2950 ที่ได้รับการขัดแต่งชิ้นส่วนกลไกด้านหลังด้วยลาย “Côtes de Genève” อย่างพิถีพิถัน ไปจนถึงเทคนิคแบบดั้งเดิมอื่นๆ ด้วยมือ ขณะที่ชิ้นส่วนกลไกฝั่งเดียวกับพื้นหน้าปัด ขัดแต่งแบบ “Circular Graining” และ “Circular Satin”

Tourbillon Openworked

 ตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ จับคู่หน้าปัดสเกเลตัน (26600OR.OO.D002CR.01) พร้อมขอบตัวเรือนด้านในเคลือบแล็กเกอร์สีดำ

ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานด้วยมือแบบสเกเลตัน พร้อมฟังก์ชั่นตูร์บิญอง คาลิเบอร์ 2948 ผลลัพธ์แห่งศาสตร์และศิลป์ชั้นสูงที่เปี่ยมด้วยความสลับซับซ้อน เมนเพลทและบริดจ์มาในโทนสีเข้ม ที่ออกแบบขึ้นพิเศษสำหรับ CODE 11.59 โดยเฉพาะ

Minute Repeater Supersonnerie

  • พัฒนาไปอีกขั้นหลังจากเปิดตัวไปเมื่อปี 2016 กับ มินิทรีพีทเตอร์ ซุปเปอร์ซอนเนอรี ล่าสุด ที่มาพร้อมโครงสร้างตัวเรือนที่จดสิทธิบัตรพิเศษเฉพาะโอเดอมาร์ ปิเกต์ กับเคสครอบฝาหลังที่มีช่องเจาะไว้โดยรอบ ช่วยเพิ่มดีกรีความก้องกังวานเมื่อยามส่งเสียงบอกเวลาให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าเป็นเรือนเวลาแห่งความร่วมสมัยที่หยิบเอาเสียงบอกเวลาของนาฬิกาพกยุคก่อนมาผสานความสลับซับซ้อนชั้นสูงได้อย่างไร้ที่ติ
  • ตัวเรือนไวท์โกลด์ จับคู่พื้นหน้าปัดแล็กเกอร์สีน้ำเงิน (26395BC.OO.D321CR.01)
  • ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานด้วยมือ คาลิเบอร์ 2953

พบกับเรือนเวลาจาก โอเดอมาร์ ปิเกต์ (Audemars Piguet) ที่ โอเดอมาร์ ปิเกต์ บูติค แห่งเดียวในประเทศไทย ณ ชั้นจี ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเอ็มบาสซี โทร. 02-160-5838

สั่งจองนิตยสาร Howe โดยไม่ต้องรอหาตามแผงสั่งได้ที่
Line : Howemagazine
  Fanpage : Howemagazine
รายละเอียดการสั่ง (คลิ๊ก)

  อ่านนิตยสาร Howe Magazine ออนไลน์ได้ที่

Ookbee-Logo
LOGO-MEB-2017
Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.