มิกค์ ทองระย้า – เจนนี่ ชยิสรา จูงมือเสิร์ฟฟินที่มาพร้อมเคมีชวนจิ้น และร่วมลุ้นไปกับความรักวุ่นๆ ของทั้งคู่ในพรหมพยศ ละครฟีลกู้ดที่จะมาสร้างเสียงหัวเราะและสาระดีๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของครอบครัว

กลับมาเจอกันอีกครั้งเป็นอย่างไรกันบ้าง
มิกค์ : ดีใจครับ ได้มาเจอกันอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าละครเรื่องแรกที่เล่นด้วยกันคือ สายเลือดสองหัวใจ ผมว่า 5 ปีที่แล้วได้
เจนนี่ : น่าจะประมาณ 3-4 ปี
มิกค์ : แต่ก็ดีใจครับได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง เพราะเราค่อนข้างจะสนิทกันอยู่แล้วพอมาร่วมงานกันแล้วทุกอย่างก็เหมือนเราได้ออกมาเล่นกันนอกบ้านครับ เวลามากองถ่าย
เจนนี่ : เหมือนได้มาเจอเพื่อน ก็เลยจะเหมือนมาเล่นกันไม่ได้ทำงาน
มิกค์ : การทำงานเป็นเรื่องรองครับ
ความรู้สึกที่ได้กลับมาเจอกับพี่มิกค์อีกครั้งเป็นอย่างไร
เจนนี่ : รู้สึกดีใจมาก ที่บอกว่าพอเป็นพี่มิกค์ หนูโอเคเลยสบายมาก เพราะเรารู้สึกว่า เราเคยทำงานกันมาแล้ว พอมาร่วมงานกันครั้งที่สองเราก็เลยรู้สึกว่ามันง่ายขึ้น สบายขึ้น รู้สึกเป็นตัวเองมากขึ้น พี่มิกค์อาจจะต้องมีเหนื่อยนิดนึงกับหนู

กลับมาร่วมงานกันในครั้งนี้เห็นพัฒนาการณ์ของเจนนี่เป็นอย่างไร
มิกค์ : ถ้าเป็นเรื่องของการทำงาน ผมต้องชมจริงๆ เพราะพัฒนาการณ์ของน้องดีขึ้นเยอะมาก เยอะมากจริงๆ วันนั้นที่เราเจอกันเจนนี่เล่นเป็นเรื่องที่สอง พอมาเรื่องนี้น้องก็ได้ไปผ่านประสบการณ์ต่างๆ มา พอกลับมาเจอกันรอบนี้ก็ค่อนข้างมีพัฒนาการณ์ที่ดีมาก ทั้งเรื่องของการแสดง เรื่องของสมาธิ เวลาเข้าฉาก แล้วก็ไม่มีความเกร็งแล้วจากเรื่องแรกที่เคยถ่ายด้วยกัน
คาแรกเตอร์ที่ได้รับเล่นในเรื่องนี้
มิกค์ : ตัวแป้งร่ำ คือ เขาเอาตัวเจนนี่มาวางไว้ก่อน แล้วเขาก็เขียนบทตัวแป้งร่ำออกมาเป็นเจนนี่
เจนนี่ : รับบทเป็นแป้งร่ำ เขาก็เป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่ค่อยจะเป็นผู้หญิงเท่าไหร่ ก็จะมีความแมนๆ ห้าวๆ ในตัว จริงๆ ข้างนอกเขาจะดูเป็นคนแข็งๆ แต่ข้างในคืออ่อนแอนะคะ แอบไปร้องไห้

แปลว่าไม่มีความต่างเลยบทนี้คือเจนนี่เลย
เจนนี่ : ก็มีต่างบ้าง ตรงที่คล้ายกับหนูอาจจะเป็นความที่คิดยังไงรู้สึกยังไงก้แสดงออกมา เป็นคนตรงไปตรงมา อาจจะตรงเกินไปบ้าง แต่ว่าคือในเรื่อง แป้งร่ำ รู้สึกว่าเขาจะดูพร้อมสู้กับคนอื่นตลอดเวลา แต่ชีวิตหนูไม่ได้เป็นแบบนั้น หนูไม่ได้รู้สึกอยากสู้กับใครเลย
แล้วคาแรกเตอร์ของพี่มิกค์เป็นยังไง
มิกค์ : ก้าน จะเป็นผู้ช่วยนายช่างชลประทาน เป็นคนที่ดีแบบดีมากๆ เป็นเจนเทิลแมนเป็นคนที่คอยดูแลคนรอบข้างทุกคนก็ค่อนข้างที่จะไม่ยาก เล่นไม่ยากเอาตัวเองออกมามีความอบอุ่นนิดๆ ด้วยในตัวละคร และเป็นคนที่รักน้อง รักเพื่อน ดูแลทุกคน คาแรกเตอร์เรียกว่าเป็นผู้ชายแบบขาวสะอาด
เสน่ห์ของตัวละครอยู่ตรงไหน
เจนนี่ : ถ้าสำหรับหนูรู้สึกว่า แป้งร่ำเป็นคนที่เสียสละมาก ยอมเสียสละความสุขของตัวเอง เพื่อให้คนที่อยู่รอบข้างมีความสุข ได้สิ่งที่ดีที่สุดก็เลยมองว่าคนๆ นี้เป็นคนดีจังเลย แต่อาจจะดูน่ารําคาญนิดนึง เพราะเขาค่อนข้างจะคอยบงการทุกคนรอบตัว
มิกค์ : เสน่ห์ของก้าน อย่างที่บอกเป็นคนดูแลทุกคน เขาจะมีความขี้เล่นของเขา จะมีลูกแกล้งของเขาอยู่ เป็นคนที่มีความเป็นธรรมชาติอยู่ในตัวสูง นั่นแหล่ะคงเป็นเสน่ห์ของเขาบวกกับหน้าตารูปร่างของเขาที่ค่อนข้างที่จะดีมาก

เป็นการพลิกบทบาทไหมในพรหมพยศ
เจนนี่ : สำหรับหนูก็ไม่เชิงว่าจะพลิกขนาดนั้น ตั้งแต่ที่เล่นมาหนูยังไม่เคยได้เล่นแบบอยากเป็นคนรวยบ้าง ในเรื่องนี้หนูก็เป็นคนมีฐานะนะ แต่มันเป็นพรีเรียด ก็ไม่ได้พลิกต่างจากที่เคยเล่นมาขนาดนั้น
พรหมพยศเป็นละครฟีลกู้ดขนาดไหน
มิกค์ : สำหรับผมเต็ม 10 ผมให้ 8 ให้ 9 เลย เพราะว่า ส่วนใหญ่มันจะมีแต่รอยยิ้ม มีแต่เสียงหัวเราะ ด้วยเนื้อเรื่องจะเป็นปี 2518 ก็จะพีเรียดนิดนึง ก็จะได้เห็นสีสันของเสื้อผ้าที่พวกเราใส่กัน ในเรื่องจะอยู่ที่ต่างจังหวัดมีทุ่งนา มีต้นไม้มีแต่เขียวๆ สวยๆ เวลาเรานั่งดูเราก็จะยิ้มตาม แล้วมาดูคาแรกเตอร์ของแต่ละคนเราก็จะหัวเราะตามไปด้วย
สิ่งที่คนดูจะได้จากการดูละครเรื่องนี้
เจนนี่ : ได้มีความสุข ดูไปยิ้มไปแบบแฮปปี้ เพราะพวกเราทำงานกันเต็มที่มากเพื่อให้ผู้ชมได้ดูละครดีๆ แล้วสำหรับตัวหนูนะ อีกอย่างหนึ่งคือ คนดูจะได้แง่คิดในการใช้ชีวิตด้วยกันในครอบครัวเหมือนหนูรู้สึกว่ามันจะสะท้อนอะไรบางอย่างออกมานิดนึง ความรักความผูกพันกับคนในครอบครัว


16 ปีในการทำงานในวงการบันเทิง ความเป็นตัวเองยังมีอยู่ไหม
มิกค์ : ผมว่าความเป็นตัวของเรายังคงอยู่ร้อยเปอร์เซนต์สำหรับผมนะครับ แต่ที่ได้เพิ่มมาเนี่ยก็น่าจะเป็นเรื่องของประสบการณ์ เรื่องของหน้าที่การงานที่มันหล่อหลอมให้เราเป็นคนที่เข้มแข็ง เป็นคนที่มีระเบียบวินัยมากขึ้น ส่วนใหญ่ถ้าเป็นตัวของตัวเองยังอยู่ครบครับ ก็ 16 ปี เข้ามายังไงตอนนี้ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น
มุมมองความคิดในเรื่องต่างๆมีการเปลี่ยนไปกับไม่เปลี่ยนแปลงบ้างไหม
มิกค์ : สำหรับผมคิดว่ามีนะครับ สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างที่บอกว่า มันค่อนข้างที่จะสตรองขึ้น เข้มแข็งขึ้น พอเราเข้ามาอยู่ตรงนี้แน่นอนครับที่ผ่านมา 16 ปีเจอข่าว เจอเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย เจอคนที่เราต้องเจอทุกวัน เราได้เจอหลายบทเรียนมากๆ ฉะนั้นความสตรองก็ค่อนข้างที่จะสำคัญ เวลาเราเจออะไรเราต้องเข้มแข็ง เราต้องรู้ว่าปัญหาเหล่านั้นคืออะไร แล้วเราก็ต้องค่อยๆ แก้ปัญหานั้นไป


ในส่วนของเจนนี่ทำงานในวงการมาประมาณกี่ปี
เจนนี่ : ประมาณ 5 ปี วันแรกกับวันนี้คนละคนเลยค่ะหนูพูดเลย หนูโตขึ้นแหล่ะ รู้สึกว่าตั้งแต่วันแรกเลยที่เข้ามาก็รู้สึกว่า เรายังไม่มีความเป็นตัวเองมากพอเพราะเราอาจจะยังรู้สึกว่า มีความกลัว หรือเกร็งอะไรบางอย่าง หรือเราพึ่งเข้ามาใหม่ๆ ก็รู้สึกว่าตอนนี้รู้สึกเป็นตัวเองได้มากขึ้นเยอะกว่าเมื่อก่อน เมื่อก่อนหนูไม่พูดเลย หนูพูดน้อยมาก เวลาเนี่ยแหล่ะที่ทุกวันจะมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ กล้าแสดงความคิดเห็นมากขึ้น กล้าพูดมากขึ้น จากเมื่อก่อน เมื่อก่อนจะเป็นใครให้ทำอะไรก็ทำหมดเลยไม่ปฏิเสธเลย บางทีรู้สึกว่า ถ้าเราอยากมีความสุขด้วยเราก็ต้องกล้าพูดให้มากขึ้น
ถ้าในมุมการทำงานในวงการบันเทิงคิดว่าเราประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือยัง
เจนนี่ : สำหรับตัวหนูนะที่ตั้งเป้าไว้ ต้องยอมรับเลยอาจจะไม่ได้มีเป้าหมายที่ชัดเจนแบบร้อยเปอร์เซนต์ แต่ทุกๆ วันคือเป็นการดีขึ้นเรื่อยๆ จากเมื่อก่อนหนูก็แฮปปี้แล้วนะ
มิกค์ : ช่วงแรกๆ ก็จะมีตั้งเป้าหมายไว้จุดนั้น แต่พอผ่านมานานสักระยะหนึ่งแล้ว กลายเป็นว่า ตอนนี้ผมรู้สึกว่า มันเกินคาดมากๆ กับสิ่งที่เราตั้งไว้แล้ว แต่หลังจากนี้สิ่งที่เราทำได้ก็คือเราต้องดูแลตัวเองทั้งในเรื่องรูปร่างหน้าตาของเรา การทำงานการมีวินัย และหลังจากนี้ มันคือสิ่งที่ท้าทายครับ เราจะอยู่ยังไงให้มันเป็น 17ปี 18 ปี 19 ปี ต่อไปเรื่อยๆ โดยที่ผมอาจจะไม่ต้องเป็นพระเอกยาวๆเลยก็ได้ มีบทอื่นๆ ที่น่าท้าทายเข้ามา เราก็ต้องพัฒนาเรื่องของการแสดงของเราให้ไปต่อได้เรื่อยๆ ผมมองว่าตรงนี้น่าท้าทายกว่า



