มิติใหม่ของการบริหารงานคอนเทนต์ สุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร M STUDIO

0
45

“ณ วันนี้ M STUDIO เป็นบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนตร์ไทยอันดับหนึ่งของประเทศ ซึ่งการรักษาอันดับหนึ่งไว้นั้นเป็นความท้าทายที่ต้องใช้ความมุ่งมั่นและการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง” เป็นประโยคที่ คุณสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร M STUDIO ได้กล่าวไว้ในการให้สัมภาษณ์กับทางนิตยสารฮาว

M STUDIO ใช้หลักคิดในการบริหารแบบผสมผสานระหว่างความคิดสร้างสรรค์และศิลปะเข้าไว้ด้วยกัน ในฐานะที่เราเป็นค่ายภาพยนตร์ การทำงานด้านครีเอทีฟและการผลิตคอนเทนต์จึงเป็นแกนหลักของเรา เราตั้งเป้าหมายให้ M STUDIO เป็นศูนย์รวมแห่งความคิดสร้างสรรค์ และเป็นศูนย์กลางด้านศิลปะและคอนเทนต์ ทาง M STUDIO เปิดโอกาสให้กับ Partner, Director, Producer รวมถึงนักแสดงและทีมงานทุกคน เราต้องการให้ทุกคนมองเห็น M STUDIO เป็นฮับของภาพยนตร์ไทย เนื่องจากเรามีผลงานที่หลากหลายแนว นอกจากนี้เรายังส่งเสริมสนับสนุนและสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่หลากหลาย เพราะเราอยากเป็นผู้ที่ช่วยเหลือและสนับสนุนผู้สร้างภาพยนตร์ในทุกมิติ”

“สำหรับธุรกิจผลิตคอนเทนต์ เป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก เพราะเราคงไม่สามารถตอบได้แน่นอนว่าว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดีหรือไม่ แต่วิธีคิดของ M STUDIO มีทั้งความสำเร็จและความผิดพลาดบ้าง หากถามว่าเราจะรู้ไหมว่าเราจะทำยังไง ตอนจบเป็นยังไง ในแง่มุมของการทำงาน เราปล่อยให้ความคิดสร้างสรรค์ไหลออกมา และสนับสนุนส่งเสริมอย่างเต็มที่  แต่ในแง่มุมการทำงานของฝั่งสตูดิโอ เราพยายามนำหลักวิทยาศาสตร์เข้ามาใช้ในเรื่องข้อมูลการตลาด ไม่ว่าจะเป็นโรงภาพยนตร์ เราให้ความสำคัญกับ Social Listening, Trend และ Big Data รวมถึงภาพรวมการตลาดและการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมคนดู ทาง M STUDIO ใช้ข้อมูลในทุกมิติเพื่อการตัดสินใจ แม้กระทั่งการทำ Pre-sale  ภาพยนตร์ล่วงหน้า เราพยายามจะเอา Business Model และ Commercial เข้ากับการบริหารจัดการสตูดิโอโดยไม่กระทบต่อความคิดสร้างสรรค์ ก่อนที่โปรเจกต์แต่ละเรื่องจะผ่านการอนุมัติ เรามีกระบวนการคัดกรองที่หลากหลายมิติและค่อนข้างละเอียดถี่ถ้วน แต่เมื่อตัดสินใจแล้ว เราจะไม่เข้าไปแทรกแซงหรือบิดเบือนความคิดสร้างสรรค์ กระบวนการคัดเลือกของเรามีหลายขั้นตอน วิธีการทำงานคือการผสานเรื่องวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และการตลาด เข้ากับความคิดสร้างสรรค์และการผลิตให้ลงตัว””

ในส่วนของเรื่องการแข่งขันเรื่องคุณภาพของตลาดภาพยนตร์ไทย ทางผู้บริหารตอบว่า “ขึ้นอยู่กับว่าเราแข่งขันกันในเรื่องใด ถ้าแข่งขันเรื่องโปรดักชั่น เราสามารถแข่งได้แน่นอน เพราะคนไทยมีฝีมือและความสามารถ จะสังเกตได้จากงานด้านการผลิต ไม่เพียงแต่ภาพยนตร์ไทยเท่านั้น ภาพยนตร์ระดับโลกอย่าง Jurassic World ก็เลือกมาถ่ายทำที่ประเทศไทย และภาพยนตร์ฮอลลีวูดอีกหลายเรื่องก็เข้ามาถ่ายทำในประเทศเรา รวมถึงซีรีส์อย่าง The White Lotus ก็มาถ่ายทำที่ประเทศไทยเช่นกัน สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ทักษะ ความพร้อมของบุคลากร และเครื่องมืออุปกรณ์ของเราอยู่ในระดับที่น่าเชื่อถือ ถ้าถามว่าโปรดักชั่นเราสามารถแข่งขันกับฮอลลีวูดได้ไหม บอกได้เลยว่าแข่งได้อย่างสบายๆ ถ้ามีงบประมาณที่เท่ากัน ถ้าจุดแข็งของเราคือโปรดักชั่นและเรื่องไอเดียความคิดสร้างสรรค์  ดังนั้นจุดที่ต้องพัฒนาของเราคือเรื่องบท เพราะบทถือเป็นหัวใจสำคัญที่ยังต้องช่วยกันพัฒนาต่อไป

“ในสมัยก่อนอุปสรรคของการส่งออกหนังไทยอยู่ที่ช่องทางการจัดจำหน่ายเพราะภาพยนตร์ไทยเป็นเหมือนสินค้า แต่ในปัจจุบันโอกาสทองที่ดีที่สุดของหนังไทยมาถึงแล้ว เป็นจังหวะที่คนทั้งโลกตื่นตัวเรื่องหนังไทย ในมุมส่วนตัว ผมมองว่าตั้งแต่ช่วงโควิดที่ผ่านมาไม่เคยมีช่วงเวลาไหนในประวัติศาสตร์มาก่อนที่คนทั่วโลกได้มีโอกาสอยู่บ้านยาวนานขนาดนี้ ดังนั้น โควิด จึงกลายเป็นโอกาสของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย เพราะทำให้คนทั่วโลกมีเวลาว่าง และคนทั้งโลกเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ ทำให้ซีรีส์ไทยและภาพยนตร์ไทยขึ้นอันดับหนึ่งในหลายแพลตฟอร์ม แสดงให้เห็นว่าคอนเทนต์ของเราอยู่ในช่วงที่ได้รับการยอมรับ ในเมื่อเขาเปิดใจเรียกว่าโชคดี คอนเทนต์ไทยจึงน่าสนใจ คนเสพคอนเทนต์ทั้งโลกเปิดใจ เพราะ หนึ่ง ช่วงโควิดทำให้มีเวลาว่าง สอง เปิดใจรับสิ่งใหม่ สาม ในบรรดาคอนเทนต์ทั้งหมดที่เขาเปิดใจรับ คอนเทนต์ไทยอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก เราโชคดีมากที่อุตสาหกรรมหนังไทยอยู่ในเคิร์ฟที่กำลังขึ้น ตลาดโลกให้การยอมรับคอนเทนต์ไทยสูงขึ้นมาก จึงเป็นสิ่งที่เราคาดหวังไว้ว่าคอนเทนต์ไทยในตลาดโลกจะเติบโตไปเรื่อยๆ อย่างมั่นคง”

ก่อนจบสัมภาษณ์ คุณสุรเชษฐ์ ได้กล่าวถึงอนาคตของ M STUDIO ทิ้งท้ายไว้ว่า “ในระยะสามปีข้างหน้า สิ่งที่ M STUDIO คาดหวังคือการเป็นสตูดิโอที่มุ่งมั่นในการเป็นครีเอทีฟฮับของภูมิภาคเอเชีย แต่ถ้าในอีกห้าปีต่อจากนี้ M STUDIO มุ่งหวังที่จะเป็นสตูดิโอชั้นนำของเอเชีย เป็นศูนย์รวมของคอนเทนต์ในเอเชีย และเป็นสตูดิโออันดับหนึ่งของประเทศต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งการรักษาตำแหน่งผู้นำเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก แต่เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนา ซึ่งทำให้เราต้องก้าวไปอีกระดับ และภายในปีนี้ M STUDIO ยังคงเน้นการผลิตภาพยนตร์ให้มากขึ้น ฌองมากขึ้น คุณภาพสูงขึ้น และพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เราพร้อมเปิดรับไอเดีย เปิดรับน้องๆ รุ่นใหม่ เปิดรับมืออาชีพเข้ามาร่วมงานมากขึ้น สตูดิโอเราก็ขยายตัวเพิ่มขึ้น และเรายังคงเป้าหมายการผลิตภาพยนตร์ปีละ 25 เรื่อง เพื่อสร้างความเป็นอุตสาหกรรม และสร้างโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่ด้วย คอนเทนต์เองจึงจำเป็นต้องมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น”

Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.