การประสบความสำเร็จของแต่ละคน อาจไม่จำเป็นว่าคนคนนั้นจะต้องสำเร็จการศึกษาในระดับสูงเสมอไป ทว่าในอีกมุมหนึ่ง หากเขาคนนั้นมองเห็นเส้นทางหรือช่องทางการทำธุรกิจได้ก่อน ก็ย่อมก่อให้เกิดความสำเร็จตามมาแน่นอน เช่นเดียวกับ “คุณแป้ง-ขวัญชนก ทวนวิจิตร” ที่เธอเริ่มต้นการทำธุรกิจตั้งแต่อายุเพียง 19 ปี จนวันนี้เธอก้าวขึ้นเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัท วิงค์ไวท์พานาเซีย จำกัด และกำลังสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
คุณแป้ง-ขวัญชนก ทวนวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท วิงค์ไวท์พานาเซีย จำกัด เล่าว่า เธอเริ่มทำธุรกิจออนไลน์ตั้งแต่ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย “ตอนนั้นแป้งมีแรงผลักดันบางอย่างในตัวเอง คือที่บ้านตอนนั้นต้องเผชิญหน้ากับภาวะล้มละลาย ซึ่งอาจทำให้เราไม่สามารถเรียนต่อได้ เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรามาคิดว่าจะทำอย่างไรดี จะหาอาชีพอะไรที่ทำให้เราเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยได้ เลยทำให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจออนไลน์ขึ้นมา โดยไปหาสินค้าในอินเตอร์เน็ตมาขายให้กับเพื่อนๆ ในมหาวิทยาลัย”
หลังจากที่ขายดีขึ้นเรื่อยๆ เจ้าตัวยิ่งมองเห็นช่องทางในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจของตัวเอง “พอขายดีเราก็มองไปถึงการสร้างแบรนด์สินค้าของตัวเอง เพราะสินค้าที่เราเอามาขายบางตัวผลิตภัณฑ์เขาก็จะมีแบรนด์เป็นของตัวเอง ทำให้เราไม่สามารถสร้าง Personal Branding หรือทำให้สินค้ามีมูลค่าได้ ขณะเดียวกันเราก็ต้องไปสู้กับราคาในตลาดอีกด้วย พอเป็นสินค้าแบบเดียวกัน เราก็ยิ่งไม่สามารถบอกถึงคุณภาพของแบรนด์ที่เรามีได้ เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราสร้างแบรนด์ Wink White (วิงค์ไวท์) ขึ้นมาในที่สุด”
“แป้งมองว่าการทำผลิตภัณฑ์ในทุกๆ อย่าง จะต้องมองในเรื่องผลลัพธ์ของลูกค้าเป็นหลัก เพราะแป้งรู้สึกว่าลูกค้าที่เข้ามาหาเราเขามีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องรูปร่างหรือผิวพรรณ เราสามารถเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้เขาได้ ในเวลาเดียวกันเราก็ต้องผลิตสินค้าคุณภาพดี เพื่อมาแก้ปัญหาให้กับลูกค้าให้ได้ด้วย และที่สำคัญไปกว่านั้น เราต้องใส่ใจในเรื่องของคุณภาพของสารสกัด ที่เป็นส่วนผสมของทุกผลิตภัณฑ์” ซีอีโอ วิงค์ไวท์กล่าว
ซีอีโอวิงค์ไวท์ เล่าด้วยว่า เธอดำเนินธุรกิจมาได้กว่า 12 ปีแล้ว “ถ้านับตั้งแต่อายุ 19 ปีที่เริ่มทำธุรกิจ เราโตขึ้นมาก แต่ถ้าพูดถึงความสำเร็จแล้ว แป้งรู้สึกว่าความสำเร็จในแต่ละช่วงอายุเป็นความรู้สึกที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะประสบความสำเร็จในมิติไหนมากกว่า แต่ถ้าเป็นในวันนี้ แป้งมองว่าเป็นความสำเร็จทั้งในเรื่องของธุรกิจ และเป็นในเรื่องของคุณค่าทางใจด้วย เรามองว่าทุกคนที่อยู่เคียงข้างกันมา ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนหรือพนักงานที่อยู่กันมาตั้งแต่เริ่มต้น ได้เห็นเขาเติบโตหรือเราเติบโตมาพร้อมกัน ก็รู้สึกว่าเราประสบความสำเร็จมากจริงๆ”
สำหรับการคาดหวังในความสำเร็จ “เรียกว่าจนถึงทุกวันนี้ แป้งไม่เคยตั้งเป้าหมายที่ใหญ่เกินไป แต่แป้งค่อยๆ ทำมาในทุกๆ วัน และเรารู้สึกว่าเป็นความท้าทายในการทำงาน ที่ทำให้รู้สึกว่าเวลาเราทำอะไรก็แล้วแต่ เรามองภาพกว้างไว้ก่อน จากจุดเริ่มต้นวันแรกที่แป้งซื้อของในอินเทอร์เน็ตมาขายด้วยเงินลงทุนเพียงแค่ 1,600 บาท จนวันนี้เรามีโรงงานผลิตของเราเอง ไม่ว่าจะผลิตอาหารเสริม หรือสกินแคร์ถึง 3 แห่ง ทุกอย่างเดินมาไกลมากๆ และนั่นก็อาจเรียกได้ว่าเป็น Goal ที่ไล่ตามขั้นตอนมาจากความสำเร็จในแต่ละปี”
“ความสำเร็จไม่จำเป็นต้องตื่นเช้าและทำงานหนัก” เป็นอีกหนึ่งนิยามทางความคิดของซีอีโอท่านนี้ “ถ้าเป็นแต่ก่อน เมื่อครั้งที่แป้งเริ่มทำธุรกิจเองแป้งก็ไม่ได้มีประสบการณ์อะไรเลย เราทำมาตั้งแต่สมัยเรียน ทุกอย่างเราทำคนเดียว เราจึงพูดได้ว่าทำงานหนักจริงๆ ต้องอดหลับอดนอน แป้งรู้สึกว่าคุ้มค่ามากๆ แต่วันนี้ที่บอกว่าคนที่ประสบความสำเร็จไม่จำเป็นต้องทำงานหนักเป็นเรื่องจริง เพราะว่าการที่เราจะประสบความสำเร็จเราต้องมีทีมงานที่ดี มีทีมงานที่เก่ง เพราะว่าคนคนหนึ่งมีเวลาเท่ากัน 24 ชั่วโมง การที่จะทำงานอะไรก็ตามก็มักทำได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าเราฟอร์มทีมและมีทีมงานที่ดี วางระบบเป็น กระจายงานเป็น และไว้ใจเชื่อใจลูกน้องหรือทีมงาน ให้เขาสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพ ก็เป็นการการันตีได้ว่าเราจะประสบความสำเร็จแน่นอน”
คุณแป้งยังบอกสูตรความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจด้วยว่า “การทำอะไรก็แล้วแต่ เราต้องทำด้วยความแน่วแน่และตั้งใจในสิ่งที่ทำจริงๆ เพราะว่าการที่เราเริ่มลงมือทำอะไรสักอย่าง มันอาจไม่มีความสมบูรณ์แบบตั้งแต่แรก แต่ประสบการณ์ที่เราทำในทุกๆ วัน จะทำให้เรามีประสบการณ์เพิ่มพูนมากขึ้น และทำให้เราเติบโตขึ้น ถ้ารอให้เราเก่ง หรือมีความพร้อมที่ดีกว่านี้แล้วค่อยเริ่มทำ เราก็อาจจะไม่ได้เริ่มทำสักที ดังนั้นการเริ่มเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตั้งแต่แรกจึงเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันสำคัญที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จในท้ายที่สุด”
