ดร.เจี๊ยบ-ลาลีวรรณ กาญจนจารี กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม นักธุรกิจสตรีที่ประสบความสำเร็จเรื่องการทำธุรกิจโรงแรม ซึ่งนอกเหนือจากงานการเมืองและธุรกิจที่ทำแล้ว เธอยังเป็นอีกหนึ่งบุคคลสำคัญ ในฐานะสตรีนักสังคมสงเคราะห์ ที่ทำงานเพื่อสังคมให้กับมูลนิธิและองค์กรสตรีต่างๆ มากมายมากว่า 30 ปี และยังบาลานซ์ชีวิตครอบครัวได้อย่างดีเยี่ยม เป็นภรรยาที่สมบูรณ์แบบ เป็นคุณแม่ของลูกๆ ที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน สามารถดำเนินธุรกิจต่อจากครอบครัวได้เป็นอย่างดี
“ดิฉันเคยดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม งานที่ได้รับมอบหมายจะมุ่งเน้น สนับสนุน และส่งเสริมด้านขนบธรรมเนียม ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี งานหัตถศิลป์ และงานฝีมือที่คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ความเป็นไทย เพื่อให้เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและระดับสากล ซึ่งการพัฒนาคุณภาพงานหัตถศิลป์และงานฝีมือของเรา ไม่ว่าจะเป็น งานทอผ้าไหม งานจักสาน งานปัก งานแกะสลักไม้ หรือเรื่องของอาหารไทยให้เป็นที่รู้จัก และต่อยอดให้สามารถทำตลาดได้ในระดับนานาชาติ ‘อาหาร’ นับเป็นหนึ่งใน Soft power 5 ด้าน ที่มีศักยภาพสูง ในการสร้างโอกาสการเติบโตให้กับเศรษฐกิจไทย โดยเราจะเห็นว่าในช่วงระยะ 2 – 3 ปีที่ผ่านมา ความเป็นไทยไม่ว่าจะเป็นงานหัตถศิลป์และอาหารไทย ได้การยอมรับและยกย่องว่าดีติดอันดับโลก ทำให้ดิฉันในฐานะหนึ่งในผู้ให้การผลักดันและสนับสนุน รู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง”
“นอกเหนือจากงานด้านการส่งเสริมวัฒนธรรม ที่ดิฉันให้ความสำคัญแล้ว การทำงานร่วมกับสมาคมและมูลนิธิต่างๆ เพื่อช่วยเหลือเด็ก สตรี และผู้ขาดโอกาสทางสังคม ก็ถือเป็นงานสำคัญที่ดิฉันไม่เคยละเลย กว่า 30 ปีที่ดิฉันเริ่มต้นทำงานเพื่อสังคม จนก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญในมูลนิธิ สมาคม และสโมสรต่างๆ มากมาย อาทิ รองประธานมูลนิธิกฤตานุสรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์, นายกสมาคมสตรีเพื่อสตรี, นายกสมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์, สมาคมการพูดภาษาอังกฤษ (ประเทศไทย), ซอนต้าสากล และสโมสรซอนต้าประเทศไทย ดิฉันได้มีบทบาทในการเข้าไปทำงานด้านส่งเสริมสถานภาพสตรี เพื่อให้สตรีมีบทบาทด้านการบริหารงานในองค์กรสำคัญ ทำให้สังคมเริ่มเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเข้ามาทำงานบริหารระดับสูงมากขึ้น ด้านอาชีพ เราเสริมสร้างคุณภาพชีวิตสตรีที่ด้อยโอกาสให้ดีขึ้น ด้วยการส่งบุคลากรมืออาชีพเข้าไปอบรมฝึกอาชีพ เช่น การสอนทำอาหาร สอนทำผม ให้กับกลุ่มแม่บ้านและสตรีที่ขาดโอกาสทางสังคม ได้มีอาชีพและรายได้ที่ยั่งยืน หาเลี้ยงชีพต่อไปได้ ในด้านการศึกษา ดิฉันมองว่าเรื่องการศึกษานั้นถือเป็นรากฐานของการพัฒนาสังคม ดิฉันเป็นรองประธานมูลนิธิกฤตานุสรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ระดมทุนเพื่อเป็นทุนการศึกษาแบบต่อเนื่องให้กับบุตร-ธิดา ทหาร ตำรวจ และอาสาสมัคร ที่เสียสละปกป้องประเทศชาติ จนได้รับบาดเจ็บพิการทุพลภาพหรือเสียชีวิต เพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัวผู้ที่เสียสละเหล่านั้น การทำงานด้านการกุศล เราต้องเสียสละและบริหารจัดการเวลาให้ดี ดิฉันเองตั้งใจว่าจะทำงานเพื่อสังคมต่อไปเรื่อยๆ เพราะไม่ได้ส่งผลแค่ตัวเรา แต่ยังส่งผลต่อผู้ขาดโอกาส ให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น”
ติดตามอ่านได้ในนิตยสาร HOWE ฉบับ 127
สามารถสั่งซื้อ E-Book ผ่านทาง Meb : https://www.mebmarket.com/ebook-338612-Howe-No–127