“การเดินทางไปสู่เป้าหมาย ก็เปรียบเหมือนการต่อจิ๊กซอว์ เราเห็นภาพใหญ่ที่ตั้งไว้ แต่รายละเอียดระหว่างทางก็สำคัญ” เป็นประโยคที่ ฮาย-ธันวา เกตุสุวรรณ กับ เซน – นครินทร์ ขุนภักดี ศิลปินวง Paper Planes (เปเปอร์ เพลนส์) วงร็อกอัลเทอร์เนทีฟ ผู้สร้างปรากฏ การณ์แฟนคลับรุ่นเยาว์จนเป็นขวัญใจวัยรุ่นฟันน้ำนม เจ้าของบทเพลงทรงอย่างแบด ได้บอกถึงเส้นชัยความสำเร็จตลอดระยะเวลา 6 ปี ของการเดินบนเส้นทางสายดนตรีแห่งนี้ Paper Planes (เปเปอร์ เพลนส์) เป็นวงดนตรี ร็อกอัลเทอร์เนทีฟ ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2017 ในช่วงแรกอาจจะไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ต่อมาในปี 2022 พวกเขาปล่อยผลงานเพลง “เสแสร้ง (Pretend)” หนึ่งในผลงานเพลงที่ทำให้ Paper Planes (เปเปอร์ เพลนส์) เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นด้วยยอดวิวกว่า 120 ล้านวิว และเพลง “ทรงอย่างแบด (Bad Boy)” ก็ได้ปล่อยออกมาในช่วงปลายปี จนเกิดเป็นกระแสทรงอย่างแบดฟีเวอร์ในกลุ่มแฟนคลับวัยอนุบาล และตรงนี้เองที่เป็นเหมือนตัวชี้ชัดในเรื่องความเชื่อและจุดยืนของพวกเขาในการทำงานเพลง “จุดที่สำเร็จสำหรับพวกผมจุดแรกมาจากเพลงเสแสร้ง เพราะเป็นวันที่พวกเราคุยกันว่า ควรยืนอยู่ตรงไหนในวงการดนตรี เราเชื่อว่าการที่เราจะมีชื่อเสียงทางด้านดนตรีได้ไม่จำเป็นต้องทำเพลงป็อป แต่การที่เราเป็นตัวเอง ชัดเจนกับตัวเอง และยังสื่อสารกับคนหมู่มากได้ นั่นคือจุดที่พวกเราจะยืนได้ในวงการดนตรี แล้วเราก็ทำเพลงเสแสร้งขึ้นมาด้วยวิธีคิดนั้น การที่เพลงมียอดวิวถึงร้อยล้านวิวอาจจะไม่ได้เป็นตัวชี้วัดอะไร แต่บอกได้ว่า เพลงแบบนี้ร้อยล้านวิวได้ยังไง และยังตอบคำถามของพวกเราได้ว่า วิธีคิดที่พวกเราคิดคือพวกเราคิดถูก พวกเราทำถูกมาตลอด และทดสอบความอดทนของพวกเราด้วย เพราะการทำเพลงต้องเชื่อและใช้เวลา สำหรับพวกเรา ณ วันนั้น จะเป็นโมเมนต์ที่พวกเราจะจำไปตลอดชีวิต”
ความดัง ความมีชื่อเสียง มาพร้อมกับความคาดหวัง “ถ้าในฐานะคนทำเพลงพวกผมไม่เคยรู้สึกกดดันเพราะเรามีจุดยืนที่ชัดเจน แต่ถ้าความคาดหวังของสังคมในแง่ของการเป็นไอดอล ตรงนี้มีกดดันแน่นอน เพราะพวกผมก็ใช้ชีวิตแบบมนุษย์ทั่วไป มีถูกบ้าง มีผิดบ้าง มีขาวบ้าง มีเทาบ้าง สิ่งเหล่านี้อาจจะทำให้กดดันมากขึ้นนิดหน่อย เหมือนเราต้องหาตรงกลางให้เจอ ตรงกลางก็คือกาลเทศะ”
ส่วนเรื่องของการเป็นศิลปินคุณภาพสิ่งที่ยากที่สุดอยู่ตรงไหนนั้น ฮาย-ธันวา และ เซน – นครินทร์ กลับมองว่า “การเป็นศิลปินที่มีคุณภาพสำหรับพวกผมจริงๆ การทำผลงานต้องทำผลงานที่ดี ดีในแบบไหนตรงนี้กว้างมาก อย่างน้อยต้องตั้งใจทำ มีแนวทางเป็นของตัวเอง และสร้างสรรค์สิ่งเหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง ทำให้เพลงสามารถสื่อสารกับคนให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเพลงแบบไหน แล้วในมุมมองของคนทั่วไปอาจจะต้องมีความเป็นบุคคลตัวอย่าง แต่การที่เราไม่ต้องทำอะไรเพื่อสังคมก็ไม่ผิด แต่ถ้าทำเพื่อสังคมได้ก็จะดี พวกผมเชื่อว่า ศิลปินทุกคนไม่ได้คาดหวังที่จะเป็นบุคคลต้นแบบของใคร แม้จะเป็นไปโดยอัตโนมัติ จริงๆ แล้วศิลปินก็คือคนปกติ เขามีหน้าที่แค่ทำผลงานออกมา ไม่ว่าผลงานนั้นจะเป็นแบบไหน ถ้ามีคนชื่นชอบก็แค่ตรงนั้นจริงๆ หมายถึงเขาก็แค่ทำผลงานไม่ต้องรับผิดชอบอะไรต่อสังคมเลย การรับผิดชอบสังคมไม่ได้เป็น การบ่งบอกว่าเป็นศิลปินที่ดี แต่บ่งบอกถึงการเป็นบุคคลที่ดี”