“ฟิล์ม รัฐภูมิ” เคลียร์ดราม่าอกตัญญูอดีตต้นสังกัด พร้อมอัปเดตสถานะคุณพ่อ

0
1342

ซุปตาร์ในตำนาน “ฟิล์ม รัฐภูมิ” เคลียร์เรื่องราวดราม่าชาวเน็ตจวกอกตัญญู เฮียฮ้อ หลังประกาศหมดสัญญาต้นสังกัด พร้อมร่วมงานต่างสังกัดเต็มตัว ผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง one31 ที่มีธัญญา ธัญญาเรศ และเป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกร พร้อมอัปเดตบทบาทคุณพ่อมือใหม่ หลังมีลูกชายวัยกำลังน่ารัก น่าชัง

ล่าสุดก็มีเรื่องดราม่า เรื่องหมดสัญญากับค่ายเดิม แล้วไม่โพสต์ขอบคุณ แล้วก็เลยกลายเป็นึนอกตัญญู?
ฟิล์ม : มันน่าจะมีคนที่หวังดี เขาก็มาพูดกันในโซเชียลว่าทำไมผมไม่โพสต์ขอบคุณเลย ผมอยากจะบอกว่าจริงๆ ผมก็มีเหตุผลของผม ที่ผมไม่ได้โพสต์เนี่ย ถ้าคำว่าขอบคุณสำหรับเฮียฮ้อ หรือว่าผู้บริหารอาร์เอส หรือว่าอาร์เอส เนี่ยคือชาตินี้ผมคงขอบคุณไม่หมด เพราะว่าเขามีพระคุณต่อผมมาก ผมเลยมองว่าทำไมเราต้องเป่าประกาศว่าเราหมดสัญญาแล้ว เพราะว่าในใจของผม ผมก็ยังอยู่อาร์เอสตลอด ตั้งแต่วันแรกที่ผมมีตัวตน จนถึงวันนี้ แล้วก็ผมมีชีวิตที่ดีขึ้น พ่อแม่มีความสุขขึ้นก็เพราะเฮียฮ้อทั้งนั้น เราไม่คิดเลยว่า มันเป็นเพียงกระดาษหนึ่งใบที่มันหมดสัญญา แต่ตัวเองนั้นก็ยังอยู่เหมือนเดิม

ทางเฮียฮ้อเขาทราบไหมว่ามันเกิดประเด็นดราม่าขึ้น ได้คุยกับเฮียฮ้อไหม?
ฟิล์ม : จริงๆ ผมคุยกันตลอด แต่ผมเชื่อว่าเฮียน่าจะยุ่ง คงมองว่าผมน่าจะเอาอยู่ อยู่แล้ว มันเป็นเรื่องธรรมดามาก คงจะเป็นแค่คนพูดกัน คือเขาคงหวังดีกับเราแหละ ลงบอกหน่อย แต่ผมอยากจะบอกกับทุกท่านว่าสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อสักครู่ว่ามันไม่จำเป็นหรอกครับ ทำไมผมต้องประกาศว่าผมอิสระแล้ว ทั้งที่มันเป็นเพียงแค่หน้าที่การงานของผม แต่จริงๆ แล้วผม ความรู้สึกกับผู้บริหาร เฮียฮ้อ ผมก็ยังรักและเคารพเหมือนคุณพ่อผมตลอดมา

มีคำแรงที่เรารู้สึกว่ามันแรงไปมีไหม?
ฟิล์ม : มันก็มีบ้าง แต่เราก็ห้ามความคิดใครไม่ได้ มันกลายเป็นแบบอย่างไปแล้วว่าศิลปินเวลาออกจากค่ายเขาก็จะโพสต์กัน แต่เรากลับไม่ได้โพสต์ เพราะว่าผมก็มีเหตุผลของผม

แล้วอยู่ค่ายเดิมมากี่ปี?
ฟิล์ม : 15 ปีเต็ม มันมีแต่ความสุข แล้วได้รับโอกาสจากเด็กธรรมดาคนหนึ่งกลายเป็นคนที่มีคนรู้จักทั่วประเทศ มันทำให้เรารู้สึกว่าโอกาสนี้ไม่รู้ว่าเราจะหาคำขอบคุณหรือไปทดแทนบุญคุณนั้นยังไง คือผมก็มีแต่ความสุขแล้วได้รับโอกาสที่ดีตลอดมา ผมอยู่กับอาร์เอสผมไม่ได้ทำอะไรเลย คือจะมีผู้ใหญ่มอบโอกาสให้ผมเสมอ พิธีกร ตั้งแต่เด็กๆ เดินตามกองถ่ายสัมภาษณ์คนอื่น เป็นนักร้อง เป็นดาราละคร ภาพยนตร์ แล้วก็หลายๆ อย่างที่ผมไม่เคยทำก็ได้รับจากที่นี่

เราอยากจะบอกอะไรกับคนที่พูดถึงเราในแง่ไม่ดีบ้างไหม?
ฟิล์ม : อยากจะขอบคุณมากกว่า เขาก็คงรักเราแหละ เขาอยากให้เราดูน่ารักตลอด ผมก็เป็นตัวของผม ผมก็จะรู้ว่าผมควรจะทำอะไร แล้วก็อยากให้เคารพความคิดของผมบ้าง

บางคอมเมนต์บอกว่า ว่างงาน 3 ปีไม่ได้ทำอะไรเลย อันนี้ก็เลยเป็นหนึ่งเหตุผลที่พี่ฟิล์มออก?
ฟิล์ม : จริงๆ แล้วไม่เกี่ยว อย่างที่ผมบอกกระดาษมันก็หมดไปตามสัญญาของมัน แต่ความรู้สึกผม ผมไม่ได้หมดไปจากเฮียเลย ผมก็ยังรักแล้วเคารพเหมือนเดิม ผมมองว่าวันนี้ในมุมมองของธุรกิจ ของโมเดลต้นสังกัดเก่า เรามีธุรกิจที่เปลี่ยนไป แต่ตัวผมเอง ผมอยากทำงานในสิ่งที่ผมรักอยู่ อยากร้องเพลง อยากเล่นหนัง เล่นละครในเมื่อโมเดลธุรกิจเปลี่ยนไป แต่ตัวเราเองนั้นโตขึ้น แล้วก็มีการตัดสินใจได้มากกว่าเดิม เราก็ควรออกมาทำอะไรที่เรารักมากขึ้น ผมเชื่อว่าเฮียฮ้อก็คงภูมิใจกับผม เพราะสิ่งที่ผมทำทุกวันนี้ไม่เคยทำอะไรนอกลู่นอกทาง หรือว่าทำอะไรให้เขาไม่ภูมิใจ ผมมองว่าผมยังร้องเพลงได้ ผมยังเต้นได้ แล้วต้นสังกัดเราจะไม่มีอะไรพวกนี้แล้วผมก็ออกมาทำที่อื่นได้

หลายคนมองว่าที่เราไม่ต่อสัญญาเพราะว่าเราจะก้าวเข้าสู่การเมืองหรือเปล่า?
ฟิล์ม : จริงๆ แล้วการเมืองมันเข้าเส้นเลยตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เราชอบการเปลี่ยนแปลง เราชอบเห็นสังคมเจริญขึ้น ประเทศไทยดีขึ้น แต่บทบาทของวัยรุ่นสมัยก่อนมันไม่ค่อยอินกับการเมือง อยู่ๆ เป็นดารานักร้อง ออกมาการเมืองจะถูกก่า ถูกว่า อยู่ๆ เป็นวัยรุ่นออกมาพูดเรื่องการเมืองจะถูกมองว่าไร้สาระ ไม่มีประสบการณ์ แต่พอยุคที่ผ่านมามันมีการเปลี่ยนแปลง วัยรุ่นออกมาขยับตัวเคลื่อนไหวในสังคมมากขึ้น มันก็เลยทำให้คนดูว่า ถ้าที่ผ่านมาเราวิเคราะห์กันแล้ว รุ่นใหม่เก่งกว่ารุ่นเก่า แต่ต้องใช้รุ่นเก่ามาสอนรุ่นเก่าหน่อย มันก็เลยโคจรประเทศไทยก็เจริญขึ้น

ทำไมพี่ฟิล์มถึงชอบการเมือง?
ฟิล์ม : จริงๆ ผมชอบมาก ตรงที่ว่าถ้าเกิดว่ากลุ่มวัยรุ่นมาปรับเปลี่ยนอะไรได้มันจะดี แต่ว่าที่ผ่านมามันถูกสกัดกั้นจากคนรุ่นเก่าทำอะไรเดิมๆ ประเทศไทยเราก็เลยไม่ก้าวหน้า แต่ต่างประเทศเขาเจริญไปไหนต่อไหนแล้ว แล้วผมก็อยากเห็นประเทศไทยมี สตาร์ทอัพ เกิดขึ้นจริงที่เขาเรียกว่ายูนิคอร์น

พอเล่นการเมืองพี่ฟิล์มไม่กลัวดราม่าหรอ?
ฟิล์ม : จริงๆ ก็โดนมาตลอด เขาก็จะมองว่าเป็นศิลปินดาราจะมีความคิดจริงหรอ ผมก็อยากจะบอกกับคุณผู้ชมว่าลองดูความคิดผมก่อน ก่อนที่จะพูดคำนี้ เพราะว่าเราก็เป็นคนคนหนึ่งที่เรารก็มีความรู้ความสามารถ มีเรื่องที่เราถนัดเหมือนกัน เราพยายามส่งเสริม ปลุกกระแสให้คนรุ่นใหม่ออกมาทำประโยชน์ให้กับประเทศ จริงๆ แล้วไม่ควรออกมาสกัดกั้น ควรส่งเสริมกันมากวก่า

เรามาย้อนประเด็นดราม่า ฟิล์มจำได้ไหมว่าประเด็นอะไร?
ฟิล์ม : ถ้าใหญ่สุดในชีวิต ที่อยู่กับมันมา 3 ปีก็เรื่องที่คุณผู้ชมรู้กัน ผมถึงขั้นต้องไปบวช แต่ผมเชื่อว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของผมเหมือนกันนะ ตรงที่ว่าผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่าชีวิตผมจะมีเวลาว่างถึงขั้นได้ไปบวชทดแทนพระคุณแม่ ถึงขั้นได้ไปเรียนต่อเมืองนอก มันทำให้ผมมีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น ทำให้ผมได้เปิดโลกใบใหม่ๆ ที่ไม่ใช่เห็นแต่รั้วของประเทศไทย

แต่กว่าจะถึงขั้นที่เราทำใจไปบวช ไปเรียนเมืองนอก แล้วก่อนหน้านั้นเรารับมือยังไง?
ฟิล์ม : ต้องบอกว่าพื้นฐานทางด้านความคิดและครอบครัวอบอุ่นและแข็งแรงแบบสุดๆ มันก็เลยทำให้ผมผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ ถ้าเกิดผมไม่แข็งแรง มันอาจจะเป็นโรคซึมเศร้าไปเลยก็ได้ เพราะมันเจอทุกวัน แล้วก็มีทุกวัน 1.เลยคือความถูกต้องที่เราทำ เราทำบนพื้นฐานความถูกต้องไหม เราไม่ได้ทำผิดต่อใคร ดอเค ถ้างั้นเราก็ผ่านมันมาได้ เดี๋ยวเวลามันจะเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวเราเอง แต่ผมก็มองว่าเดี๋ยวความถูกต้องมันจะกลับมาเอง เราก็ดำเนินชีวิตเราต่อไป

ตอนนั้นเสียสูญไหม?
ฟิล์ม : มันมีบ้างครับ ทำไมไม่มีใครเข้าใจ แต่ผมโชคดีตรงที่เราเป็นสื่อ เวลาที่เราเป็นสื่อคนก็อยากจะฟังทั้งสองด้าน ฟังด้านนั้นแล้วก็มาฟังด้านเรา พอเขามาฟังด้านเรา เราก็พยายามคิด วิเคาะห์ คำนวนในสิ่งที่เราอยากจะพูด คือผมเป็นสไตล์ที่ว่าไม่พูดพาดพิงถึงใคร จะพูดแต่ในมุมของเรา

เห็นว่าก่อนที่จะเป็นเรื่องนี้ก็มีเรื่องอื่นๆ เห็นว่าหนักๆ ทั้งนั้น เพื่อนในวงโดนยิง?
ฟิล์ม : ผมตั้งแต่ได้พี่พชร์ อานนท์เข้ามาดูแล มาปั้นให้ทำงาน เล่นหนัง เริ่มแรกแกพามาฝากที่แกรมมี่ก่อน ผมก็มีเพลงออกมา มีผม มีเป๊ก ผลิตโชค แล้วก็มีเพื่อนอีกคนหนึ่งชื่อ แบงค์ ตอนนั้นออกมาแล้ว 2 เพลง แล้วมันดัง ทางต้นสังกัดก็เลยบอกว่าให้ผมถ่าย MV ผมก็มานั่งรอที่ใต้ตึกแกรมมี่ มีเป๊กมาก่อน แต่แบงค์ยังไม่มา ทีมงานก็ตามกัน แล้วก็วิ่งมาบอกว่าเพื่อนเสียชีวิต

ความรู้สึกตอนนั้นเป็นยังไง มันจะประสบความสำเร็จอยู่แล้ว?
ฟิล์ม : เราประกาศไปหมดแล้วว่าเราเป็นนักร้องนะ ที่โรงเรียนพูดกับเพื่อนหมดเลยว่าจะเป็นนักร้องแล้ว เพลงนี้เป็นแก๊งเราร้องนะ ก็ดีใจมากมันก็ดาวน์ลงมาแค่คำพูดว่าเพื่อนจากไปแล้ว คือเราก็งง ต้นสังกัดบอกว่าพับโปรเจ็กต์ไป ผมก็เสียใจนะ เราก็เต็มที่แล้วแต่ก็ไม่เป็นไรครับ พี่พชร์ก็เลยพาผมเข้าไปอยู่อาร์เอส

เราหวังกับเพลงนี้ขนาดไหน?
ฟิล์ม : จากคนที่เป็นตัวประกอบตลอดชีวิต จากคนที่ไขว่คว้ามาตลอดชีวิต เราเป็นได้แค่ตัวประกอบหรอ แต่ความสามารถเราพยายามทุกวันมันน่าจะได้โอกาสนะ แล้วพอเราได้โอกาสมาแล้ว พอฟังผมก็ช็อกไปเหมือนกัน แต่ผมก็เสียใจนะ เราก็กอดคอกับเพื่อนบอกว่าไม่เป็นไรนะ เพราะว่าเขาก็จากไปแล้ว มันก็ดาวน์ๆ มันก็ผ่านไปได้

ไปอยู่อาร์เอสก็ดัง แต่ก็มาปึ้งๆ ดราม่าๆ เยอะมาก ทุกวัน?
ฟิล์ม : ก็เป็นที่จับตามอง แล้วคนสนใจ ก็อยู่มา 3 ปีเต็มๆ

รับมือได้ไง 3 ปี?
ฟิล์ม : ผมมองเป็นเรื่องชินไปแล้ว ตื่นมาผมต้องฟังข่าวตัวเองในทุกๆ วัน แล้วดูว่ากระแสเป็นยังไงบ้าง มันก็เป็นเรื่องชินมากกว่า อยู่กับมันได้ เราก็มองเห็นเลยว่า 1.เลยคุณพ่อ คุณแม่ก็เข้าใจ เฮียฮ้อก็เข้าใจ แฟนๆ ก็เข้าใจ แล้วผมผ่านมาได้ก็เพราะคนเหล่านั้น

เรื่องของฟิล์มยังไม่จบ ยังมีการบุกจับแบงก์ชาติอีก?
ฟิล์ม : ผมทำธุรกิจตั้งแต่ปี 54 ผมเป็นกลุ่มคนที่นำเข้าคิวอาร์โค้ด Payment Gateway, E-Commerce เข้ามาในประเทศไทยในยุคแรกๆ ทำธุรกรรมด้านการเงินผ่านมือถือ เสร็จแล้วก็ขยายเติบโต โดยการที่เราศึกษาข้อกฎหมายครบถ้วน มันใหม่มาก แล้วก็ไม่มีใครทำ แล้วอยู่ๆ ก็มีการตั้งข้อสอบถาม สงสัยว่าเป็นธุรกิจเถื่อนหรือเปล่า ผิดกฎหมายหรือเปล่า จนมันเป็นประเด็นขึ้นมา แล้วก็ถูกตรวจสอบ ผิดก็ว่าผิด ผมก็แก้ไขปรับปรุง ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่หนักที่สุดในชีวิต

ฟิล์มเคยคิดสั้นไหม?
ฟิล์ม : ต้องบอกไม่เคยคิดเลย มันดาวน์มีไหมมี บางทีเราหลงระเริงไป เพราะมันสุขมาก ดังใหม่ๆ มันสุขมาก ถ้าเราไปยึดติดปุ๊บเราจบเลย พอเจอทุกข์ปุ๊บแกะไม่หลุด เขาคิดว่าจิตไปยึดติดแล้ว แต่คิดว่ากลางๆ มันเป็นเรื่องธรรมดา พบเจอ สุข ทุกข์ เป็นเรื่องธรรมดา ผมก็ผ่านมา

เคยคิดจะออกจากวงการบันเทิงเลยไหม?
ฟิล์ม : ไม่เคยเลย เพราะผมมองว่าฟิล์มแฟมิลี่ หรือที่ผมเรียกว่าแฟนๆ เขารอผมอยู่ในทุกๆ วัน เรามีบุคคลเหล่านี้อยู่ก็เพียงพอแล้ว

ตอนนี้ลูกกี่ขวบแล้ว?
ฟิล์ม : 6 ขวบแล้วครับ

นิสัยเป็นยังไงบ้าง?
ฟิล์ม : ก็เหมือนผมนะ เพราะผมเลี้ยงมา อารมณ์ดี ขี้เล่น ตลกแล้วก็ชอบแกล้ง

ปู่-ย่า เห็นว่าหลงหลาน?
ฟิล์ม : หลงมาก ถ้าผมไม่ว่างคุณพ่อผมท่านก็จะไปรับแล้วคอยดูแลตลอด แต่เขาจะทะเลาะกับพ่อผมตลอดเวลา เด็กพอเริ่มโตก็เริ่มพูดเยอะ เริ่มเถียง เริ่มมีอะไรสงสัย แต่ผมก็เห็นว่ามันคือสีสัน ทำให้บ้านผมมีชีวิตชีวาขึ้นมา

เห็นว่าดื้อ?
ฟิล์ม : ดื้อมาก เพราะว่า อย่างที่ผมบอกมันคือสีสัน เขาจะประดิษฐ์อะไรตลอดเวลา ถาม บ้านพังก็คืวัยเขา

แล้วแฟนของคุณพี่ฟิล์มช่วยเลี้ยงลูกไหม?
ฟิล์ม : เป็นบางครั้งมากกว่า ไม่ได้มาช่วยอะไรมากมาย

วางแพลนอนาคตถึงเรื่องแต่งงานบ้างหรือเปล่า?
ฟิล์ม : ผมเฉยๆ กับเรื่องนี้นะไม่ค่อยเน้นเลยกับเรื่องพวกนี้ เพราะว่ามันคืออนาคตล้วนๆ แล้วบวกกับว่าผมอยากให้แฟนๆ ที่เอาผมเป็นแบบอย่าง ยึดแค่ผมทำงาน ผมดูแลพ่อ แม่ ผมจะไม่ให้เขามายึดอะไรแบบนี้ ผมก็เลยไม่ค่อยพูดที่ไหน ผมมองว่ามันเป็นอะไรที่ไม่แน่นอน แล้วผมไม่ชอบให้คนมาดูมุมนี้ของผม เพราะว่าในเมื่อมันไม่แน่นอนดูไปก็จะมีแต่ดราม่าเปล่าๆ

ตอนนี้ชีวิตครอบครัวแฮปปี้?
ฟิล์ม : แฮปปี้ครับก็มีจุดมุ่งหมายมากขึ้น รู้ว่าทำอะไรเพื่อใคร นอกเหนือจากทำให้คุณพ่อ คุณแม่ ก็ยังมีเด็กที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราขาดอะไรเราไปเติมที่เขาดีกว่า

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 13.30-14.30 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ ฟิล์ม รัฐภูมิ
https://youtu.be/MWLGnINRIXE

สั่งจองนิตยสาร Howe โดยไม่ต้องรอหาตามแผงสั่งได้ที่
Line : Howemagazine
  Fanpage : Howemagazine
รายละเอียดการสั่ง (คลิ๊ก)

  อ่านนิตยสาร Howe Magazine ออนไลน์ได้ที่

Ookbee-Logo
LOGO-MEB-2017
Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.