เริ่มต้นที่เขาหงอนนาค ปลายทางที่เกาะลันตา
‘กระบี่’ ถือเป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายมากสุดในประเทศไทย เพราะนอกจากทะเล หาดทราย หมู่เกาะ ปะการัง สระมรกต คลองสองนํ้า นํ้าตกร้อน ถํ้าโบราณและหน้าผาสำหรับปีนป่าย ‘กระบี่’ ยังมี 2 แหล่งท่องเที่ยวน่าไปสัมผัส นั่นคือ ‘เขาหงอนนาค’ และ ‘เกาะลันตา’
สวรรค์คนรักการเดินป่า
เขาหงอนนาคเป็นเส้นทางเดินป่า (Trekking) ที่กำลังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว มีความสูงประมาณ 500 เมตร ระยะทางเดินจากฐานขึ้นไปถึงยอดเขา 3.7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินขึ้นลงราว 4-5 ชั่วโมง เส้นทางเดินโดยรวมไม่ชันมากนัก แต่ในบางช่วงที่ชันมากก็จะมีบันไดให้นักท่องเที่ยวได้เดินขึ้นอย่างสะดวกสบาย
ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองทะเล อำเภอเมือง โดยมีหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ พพ. 4 (หาดทับแขก) เป็นผู้ดูแล นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินป่าในเส้นทางนี้อาจจะต้องเช่าเหมารถ หรือขับรถมาเอง ตามเส้นทาง 6024 จากหาดคลองม่วง ผ่านหาดทับแขก ขับมาเรื่อยๆ จะไปสิ้นสุดตรงหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ พอดี
ก่อนเริ่มเดินขึ้นเขาต้องไปลงชื่อจ่ายค่าธรรมเนียมและบันทึกเวลากับเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่า ตรงทางขึ้นเขาจะมีร้านขายนํ้าดื่มและเครื่องดื่มแช่เย็น อย่าลืมพกน้ำดื่มขึ้นไปด้วย เพราะบางทีขวดเล็กขวดเดียวอาจไม่พอ
ช่วงแรกของเส้นทางเดินป่าจะพบน้ำตกขนาดย่อม เมื่อเดินขึ้นไปอีกเล็กน้อยจะเป็นลำธารสายเล็กๆ มีสะพานให้ข้ามไปอย่างสะดวก ระหว่างทางเดินจะมีแผ่นป้ายบอกข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับป่าและการอนุรักษ์ธรรมชาติ ตลอดเส้นทางเดินเต็มไปด้วยไม้ป่านานาพันธุ์ ยิ่งเฉพาะต้นเสม็ดแดงที่มีเปลือกสีแดงทั้งต้น สวยจับใจจริง
เมื่อเดินขึ้นไปจนถึงจุดชมวิว จะพบกับวิวของเกาะห้องและเกาะแก่งต่างๆ ในละแวกนั้น หากเดินสูงขึ้นไปอีกในบางมุมของยอดเขา สามารถมองเห็นไกลไปถึงหาดนพรัตน์ธารา อ่าวนาง เกาะปอดะ ฯลฯ เป็นวิวแบบพาโนรามาน่าชม
บริเวณยอดเขาหงอนนาค มีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชัน ด้วยความที่ทิวทัศน์บนนั้นสวยงามมาก นักท่องเที่ยวบางคนที่ชอบถ่ายรูป ควรใช้ความระมัดระวังให้มาก หากพลาดตกลงไปจะได้ไม่คุ้มเสียเปล่าๆ
ปกตินักท่องเที่ยวจะเริ่มมาเดินป่ากันตั้งแต่ในช่วงที่ยังไม่สว่าง เพื่อให้ทันเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้น จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ฯ จึงรู้ว่าที่นี่จะปิดรับนักท่องเที่ยวในช่วงเวลา 15.00 น. เพื่อป้องกันปัญหาการหลงป่าได้ในเวลากลางคืนและเดินกลับลงมาไม่ทัน
ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าริมทะเล ตลอดจนทิวทัศน์อันงดงาม เชื่อว่าเขาหงอนนาค คงจะเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในอนาคต
เตรียมพร้อมก่อนไปเขาหงอนนาค
– ควรแน่ใจในความสมบูรณ์แข็งแรงของสุขภาพร่างกาย
– แต่งตัวตามสบาย ด้วยเสื้อผ้าที่ระบายความร้อนและเหงื่อได้ดี ควรใช้รองเท้าเดินป่า หรือรองเท้าผ้าใบ รองเท้าแตะไม่น่าจะไหว เพราะทางเดินบางช่วงขรุขระมากและเต็มไปด้วยหิน ช่วงเดินขาลงจะลื่นได้
– ใครที่เหงื่อออกง่าย อาจมีเหงื่อไหลโชกทั้งขาขึ้นและขาลง ควรพกผ้าขนหนูผืนเล็กสำหรับซับเหงื่อไปด้วย เพราะในช่วงที่ไม่มีลมพัด อากาศจะอบอ้าวมาก กระดาษทิชชูเอาไม่อยู่
– หากพกกล้องถ่ายรูปขนาดใหญ่ไป ควรสะพายกระเป๋าใส่กล้องไปด้วย เพราะช่วงที่เหงื่อท่วมตัวจะได้ไม่ลำบากและพะวงกับการดูแลกล้อง
ได้เวลาไปเป็นชาวเกาะ (ลันตา)
หมู่เกาะลันตา ประกอบด้วย เกาะลันตาใหญ่และเกาะลันตาน้อย รวมทั้งเกาะเล็กเกาะน้อยในบริเวณใกล้เคียง อยู่ไม่ไกลจากหาดปากเมงและเกาะไหงของจังหวัดตรัง เดิมทีการเดินทางไปยังเกาะลันตาค่อนข้างลำบาก เพราะต้องโดยสารไปกับแพขนานยนต์ถึง 2 ต่อ ปัจจุบันนี้มีสะพานสิริลันตาที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปี 2559 เชื่อมระหว่างเกาะลันตาน้อยและเกาะลันตาใหญ่ ช่วยให้การข้ามไปมาระหว่าง 2 เกาะนี้สะดวกขึ้น แต่การเดินทางจากแผ่นดินใหญ่มายังเกาะลันตาน้อยยังต้องอาศัยแพขนานยนต์อยู่ดี
หากเช่ารถขับเอง สามารถเดินทางไปเที่ยวเกาะลันตาแบบเช้าไป-เย็นกลับได้ แต่คงต้องออกจากที่พักแต่เช้าตรู่ เพราะระยะทางจากตัวเมืองกระบี่ถึงท่าเรือหัวหินที่จะข้ามไปยังเกาะลันตาน้อย ระยะทางประมาณ 75 กิโลเมตร หากว่าไม่ได้ขับรถมาเอง หรือเช่ารถขับเอง การเดินทางมาที่นี่ค่อนข้างสมบุกสมบันพอสมควร คงต้องโดยสารรถตู้จากในอำเภอเมือง หรือไม่ก็โดยสารมากับเรือโดยสารของอ่าวนางพริ้นเซส ซึ่งจะรับผู้โดยสารจากอ่าวนางและหาดไร่เลย์มายังท่าเรือศาลาด่าน เกาะลันตาใหญ่ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง
นอกจากหาดทรายสวยๆ ตามเวิ้งอ่าวมากมายในฝั่งตะวันตกของเกาะ แหล่งท่องเที่ยวที่อยากแนะนำ คือชุมชนตลาดเก่า บนฝั่งตะวันออกของเกาะลันตา ชุมชนนี้ยังรักษาสภาพอาคารบ้านเรือนที่สร้างจากไม้ได้อย่างดี ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยนิยมมาพักค้างแรมกันเป็นระยะเวลานานๆ ชุมชนตลาดเก่าจึงมีความคึกคักและเปี่ยมไปด้วยสีสันความเคลื่อนไหว
จุดหมายอีกแห่งที่ห้ามพลาด คงหนีไม่พ้นประภาคาร ที่ตั้งตระหง่านบนหน้าผาท้ายเกาะ ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา สามารถเข้าถึงโดยสะดวก ด้วยการใช้เส้นทางเลขที่ 4245 ขับไปจนสุดทาง จะพบกับที่ทำการอุทยานฯ และลานกิจกรรมขนาดใหญ่ ตัวประภาคารจะอยู่บนเนินเขาไม่สูงมาก สามารถเดินขึ้นไปชมทิวทัศน์ของทะเลอันดามันอันกว้างใหญ่และสวยงามในมุมที่แปลกตากว่าที่อื่น
ใครมาทริปเช้าไปเย็นกลับ ควรเริ่มเดินทางออกจากที่ทำการอุทยานฯ สักประมาณ 4 โมงเย็น ส่วนใครที่พักค้างคืนบนเกาะ การได้นั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกทะเลในบริเวณประภาคารนี้จะเป็นทางเลือกและประทับใจไม่รู้ลืมทีเดียว
สั่งจองนิตยสาร Howe โดยไม่ต้องรอหาตามแผงสั่งได้ที่
Line : Howemagazine
Fanpage : Howemagazine
รายละเอียดการสั่ง (คลิ๊ก)
อ่านนิตยสาร Howe Magazine ออนไลน์ได้ที่
