บลองแปง แอร์ คอมมานด์ โครโนกราฟ (Blancpain Air Command Chronograph) คือตำนานแห่งเรือนเวลาอันทรงคุณค่าที่หาได้ยากยิ่ง จนขึ้นทำเนียบนาฬิกาสำหรับนักสะสม ถึงแม้จะไม่ค่อยมีผู้ใดล่วงรู้ว่า ประดิษฐกรรมเวลาชิ้นนี้มีต้นกำเนิดอย่างไร จนถึงกับมีการสันนิษฐานกันไปต่างๆนานา แท้จริงแล้ว นี่คือสุดยอดนวัตกรรมเพื่อปฏิบัติการการบินของกองทัพโดยเฉพาะ ที่เหนือชั้นกว่าเครื่องบอกเวลาอากาศยานอื่นใด และยังมีรูปลักษณ์อันงดงามที่ทั่วโลกต่างหลงใหล บลองแปงปลุกตำนานเรือนเวลาบทนี้ขึ้นมาอีกครั้ง กับการรังสรรค์โมเดลวินเทจลิมิเต็ด อิดิชั่นใหม่ล่าสุด มีเพียง 500 เรือนเท่านั้นทั่วโลก จะมาไขทุกปริศนาที่มาที่ไปของเรือนเวลานี้
ย้อนกลับไปเมื่อราวๆต้นยุค 1950s กระทรวงกลาโหมฝรั่งเศสได้เฟ้นหานาฬิกาโครโนกราฟประสิทธิภาพสูงเพื่อตอบโจทย์การใช้งาน ในภารกิจของกองทัพโดยเฉพาะ โดยระบุคุณสมบัติว่าต้องเป็นนาฬิกาหน้าปัดสีดำ พร้อมตัวเลขและเข็มบอกเวลาแบบพรายน้ำเพื่อให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจน และจะต้องมีฟังก์ชั่นฟลายแบ็ค (Flyback) และเข็มวินาทีที่มีขนาดเล็ก อีก 2-3 ปีต่อมา กองทัพต่างๆ ต่างก็ต้องการนาฬิกาคุณสมบัติเดียวกันนี้ บลองแปงซึ่งสร้างชื่อโด่งดังมาแล้วจากการประดิษฐ์นาฬิกาประดาน้ำฟิฟตี้ ฟาธอมส์ (Fifty Fathoms) ให้กับกองทัพเรือสหรัฐเป็นผลสำเร็จ จึงนำประสบการณ์ดังกล่าวมาเป็นแรงบันดาลใจเพื่อต่อยอดรังสรรค์นวัตกรรมใหม่ โดยมอบหมายให้อเลน วี ทอร์เน็ค (Allen V. Tornek) ผู้จัดจำหน่ายนาฬิกาบลองแปง เป็นผู้ส่งมอบโมเดลต้นแบบที่ผลิตขึ้นเพียง 12 เรือนให้แก่กองทัพอากาศสหรัฐ จึงทำให้บลองแปง แอร์ คอมมานด์ โครโนกราฟ กลายเป็นนาฬิการุ่นลิมิเต็ดไปโดยปริยาย
ต่อมาเพียงไม่นานในช่วงปลายยุค 1950s บลองแปง แอร์ คอมมานด์ โครโนกราฟ ก็กลายเป็นนาฬิกาดังซึ่งเป็นที่ต้องการมากที่สุดในกองทัพ และล่าสุด ในปี 2019 นี้ บลองแปงเผยโฉม บลองแปง แอร์ คอมมานด์ โครโนกราฟ อีกครั้ง ในรูปลักษณ์ที่ยังคงความออริจินัล ผนวกกับกลไกที่ประดิษฐ์ขึ้นเป็นพิเศษสำหรับเหล่านักบินมือหนึ่งผู้ขับเคลื่อนอากาศยานที่ล้ำหน้าสุดในสมัย ทั้งขอบหน้าปัดแบบ “เคานท์ดาวน์” หมุนได้เพื่อจับเวลาขณะบิน
โดยเมื่อปรับตั้งค่าก่อนบินแล้ว ฟังก์ชั่นจับเวลานี้จะช่วยในการนับถอยหลังอย่างต่อเนื่องแม่นยำ ทำให้ทราบเวลาที่แน่นอนว่าเชื้อเพลิงจะลดถึงระดับที่จำกัดไว้เมื่อไร มาตรเวลาที่ขอบหน้าปัด รวมถึงหลักชั่วโมงและเข็มบอกเวลา ล้วนถูกเคลือบด้วยสารเรเดียมเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนวา (Old Radium Type Super-LumiNova®) ให้สีเฉดส้มเฉกเช่นเดียวกับเวอร์-ชั่นออริจินัล และยังมีฟังก์ชั่นจับเวลา 30 นาที ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา และจับเวลา 12 ชั่วโมง ณ ตำแหน่ง 9 นาฬิกา พร้อมมาตรวัดความเร็ว (Tachymeter Scale) อยู่บริเวณวงแหวนขอบหน้าปัดสำหรับวัดความเร็วในระยะ 1,000 เมตร
ทั้งนี้ เพื่อให้นาฬิกาที่ควรค่าแก่การสะสมเรือนนี้ บอกข้อมูลบนหน้าปัดได้อย่างเปี่ยมประสิทธิภาพยิ่งขึ้น บลองแปงได้พัฒนารูปแบบหน้าปัดให้มองเห็นได้ชัดขึ้นกว่าเดิม และนี่เป็นครั้งแรกที่บลองแปงใช้กระจกคริสตัลแซฟไฟร์แบบบ็อกซ์ (Sapphire box-type crystal) ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของนาฬิการุ่นนี้ มากรุหน้าปัดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง หน้าปัดมีขนาด 42.5 มม. ตัวเรือนทำจากสตีล โดยด้านหลังของนาฬิกาเผยให้เห็นถึงกลไกภายในที่ทำงานอย่างช้าๆแต่หากแม่นยำยอดเยี่ยม ตรงข้ามกับตุ้มเหวี่ยงเรดโกด์ที่ถูกดีไซน์เป็นรูปทรงใบพัดสุดโฉบเฉี่ยวดุดันทว่าแสนสง่างาม
ไม่มีกลไกใดจะเหมาะกับเรือนเวลาระดับตำนานอันทรงคุณค่านี้มากไปกว่ากลไก F388B ที่ทำงานด้วยความถี่ถึง 5 เฮิรตซ์ เป็นความถี่ในระดับที่สามารถแบ่งระยะเวลาแต่ละวินาทีได้ถึง 10 ส่วน ซึ่งความถี่ระดับสูงนี้จะช่วยให้การบอกเวลาเป็นไปได้อย่างแม่นยำและทรงประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ระบบจับเวลา ทั้งนี้กลไก F388B ยังมีข้อดีอีกประการคือ ระบบคลัชต์แนวดิ่ง (Vertical Clutch) ที่ช่วยให้เข็มวินาทีสำหรับจับเวลาทำงานได้อย่างนุ่มนวลตั้งแต่เริ่มต้น และช่วยให้การหยุดหรือเริ่มจับเวลาใหม่อีกครั้งเป็นไปได้อย่างลื่นไหลไร้สะดุด นอกจากนี้ยังมีระบบคอลัมน์-วีล (Column-wheel System) ที่เป็นคุณสมบัติที่เรือนเวลาโครโนกราฟชั้นสูงทั้งมวลพึงมี เพราะช่วยให้เข็มจับเวลาหมุนกลับมาที่ตำแหน่งศูนย์ได้ลื่นไหลดั่งสัมผัสจากกำมะหยี่ ฟังก์ชั่นฟลายแบ็คยังช่วยให้นาฬิกาสามารถเริ่มตั้งจับเวลาใหม่ที่ตำแหน่งศูนย์ได้อย่างทันทีและง่ายดาย
เรือนเวลาแอร์ คอมมานด์ โครโนกราฟ รุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟ คือ การหลอมรวมกลิ่นอายวินเทจอันงดงามเลอค่าเข้ากับนวัตกรรมสุดล้ำของบลองแปง ที่มีเพียง 500 เรือนเท่านั้น เข้าคู่กับสายนาฬิกาหนังลูกวัวที่ใช้เทคนิคชุบย้อม พร้อมที่จะสร้างตำนานร่วมสมัยบทใหม่ให้แก่โลกนาฬิกา เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิที่สำนักสร้างสรรค์นวัตกรรมเรือนเวลาของบลองแปง ณ เลอบราซู (Le Brassus) ได้สร้างตำนานแห่งอากาศยานทางทหารไว้ในยุค 1950s