ชวนมาเช็คอินที่ “จังหวัดศรีสะเกษ” เมืองที่งดงามทั้งธรรมชาติ และวัฒนธรรม

0
1635

  ลอดประตูสู่ศรีสะเกษ เมืองที่ต้องลองมาเที่ยวดูสักครั้ง ด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันน่าค้นหา ทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ยังคงความงดงามสมบูรณ์ รวมถึงอัธยาศัยมิตรไมตรีของผู้คนที่แสนน่ารัก มีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย และยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมประเพณีประจำท้องถิ่น

เมืองศรีนครลำดวนแห่งนี้เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอันซีนมากมาย รวมทั้งมีจุดชวนเช็กอินที่น่าสนใจหลายแห่ง เริ่มแรกนมัสการ หลวงพ่อโต หรือ พระพุทธมหามุนี ที่ประดิษฐานเป็นพระประธานอยู่ในพระวิหารหลวงพ่อโต วัดมหาพุทธาราม 1 ใน 13 วัดเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานของจังหวัดศรีสะเกษ ใกล้กันบริเวณด้านหน้าวัดมหาพุทธารามเป็นที่ตั้งของวงเวียนแม่ศรี

จากนั้นขับรถออกจากตัวเมืองมาประมาณ 17 กิโลเมตร มาถึงวัดหนองตะเคียน วัดที่สร้างตามแบบผสมผสานศิลปะขอม-ล้านนา เป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อมาได้รับการบูรณะและขยายพื้นที่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยในอดีตวัดแห่งนี้เคยเป็นวัดที่สำคัญในประวัติศาสตร์ เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้พาไพร่พลมาพักทัพที่นี่เมื่อสมัยกอบกู้เอกราช จึงได้สร้างอนุสาวรีย์พระเจ้าตากไว้ที่วัดแห่งนี้ด้วย ภายในอุโบสถประดิษฐานพระศรีอริยเมตไตรย บริเวณข้างพระอุโบสถมีลานพระพุทธรูปปางสมาธิ 28 องค์ เป็นแนวรูปสี่เหลี่ยม ปราสาทหินวัดสระกำแพงใหญ่ เป็นปราสาทขอมขนาดใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดของศรีสะเกษ ลักษณะเป็นปรางค์ 3 องค์บนฐานเดียวกัน เรียงกันในแนวทิศเหนือ-ใต้ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ปรางค์ประธานอยู่ตรงกลางก่อด้วยหินทราย มีอิฐแซมบางส่วน มีทับหลังจำหลักภาพพระอินทร์ทรงช้างบนแท่นเหนือหน้ากาล ส่วนปรางค์อีกสององค์เป็นปรางค์อิฐ ประกอบตกแต่งที่เป็นหินทราย เช่น ทับหลัง กรอบหน้าบัน และกรอบเสาประตูด้านหลังปรางค์องค์ทิศใต้ มีปรางค์ก่ออิฐอีกหนึ่งองค์

ด้านหน้ามีวิหารก่ออิฐสองหลังล้อมรอบด้วยระเบียงคต มีโคปุระหรือประตูซุ้มทั้งสี่ทิศ บริเวณปราสาทมีการขุดค้นพบโบราณวัตถุจำนวนมาก เช่น ทับหลังจำหลักลวดลายต่างๆ พระพุทธรูปนาคปรก พระพุทธรูปปางสมาธิ พระพิมพ์ดินเผา และประติมากรรมทวารบาลสำริด ปราสาทหินวัดสระกำแพงใหญ่สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นเทวาลัยถวายแด่ พระศิวะ โดยได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็นวัดในพุทธศาสนาในลัทธิมหายานเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 18 เกาะกลางน้ำ เดิมสถานที่แห่งนี้เคยเป็นป่าละเมาะและทุ่งนา กระทั่งเทศบาลเมืองศรีสะเกษได้พัฒนาเพื่อสร้างเป็นศูนย์ประสานการท่องเที่ยวอีสานใต้ พัฒนาให้เป็นอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำคำ เป็นสถานที่ท่องเที่ยว และใช้เป็นสถานที่พักผ่อน ออกกำลังกาย รวมถึงทำกิจกรรมทางน้ำของประชาชน นอกจากนี้ ยังเป็นสถานที่ตั้งของศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ พิพิธภัณฑ์แสดงประวัติศาสตร์ สวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา (เกาะห้วยน้ำคำ) จัดสร้างโดยมุ่งหวังให้เป็นสถานที่ออกกำลังกาย พักผ่อนหย่อนใจ เป็นสถานที่จัดงานลอยกระทง และงานรื่นเริงต่างๆ รวมถึงใช้เป็นศูนย์จัดการประชุมและนิทรรศการ

ส่วนด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ในยามเช้ามีประเพณีตักบาตรข้าวเหนียวที่วัดพระธาตุสุพรรณหงส์ และชมวิถีชีวิตของ ชาวบ้านในรูปแบบของตลาดวัฒนธรรม โดยชาวบ้านจะนำผักและผลไม้ที่ปลูกเองมาวางขาย รวมถึงอาหารและขนมท้องถิ่นอย่าง ‘ขนมตดหมา’ ชื่ออาจจะแปลกแต่หากได้ลองชิมรับรองจะต้องติดใจ เป็นขนมที่ทำจากแป้งข้าวเจ้าผสมแป้งข้าวเหนียว ใส่มะพร้าว และปรุงรส ด้วยเกลือและน้ำตาล ตักใส่ใบตองแล้วนำไปย่าง รสชาติหวานมัน มีรูปลักษณ์คล้ายขนมจาก

จากนั้นมาสัมผัสวิถีชุมชนเผ่าเยอที่วัดปราสาทเยอเหนือ (1 ใน 13 วัดเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานของจังหวัดศรีสะเกษ) เรียนรู้วัฒนธรรมและประเพณีอันงดงาม พร้อมสัมผัสวิถีชีวิตอันแสนเรียบง่ายของชาวเผ่าเยอ การทอผ้า การตกแต่งเครื่องประดับด้วยกระดุมเงินที่บ่งบอกถึงฐานะความร่ำรวย การทำอุหรือการทำเหล้าขาวที่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือจะแวะเที่ยวชมสวนหอมแดงลุงละม้าย เทศบาลตำบลยางชุมน้อย และสวนลุงบุญมี กลุ่มข้าวเกษตรอินทรีย์ที่โด่งดังที่สุด

จากนั้นเดินทางสู่ผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เพื่อรอชมแสงแรกของสามประเทศคือ ไทย ลาว และกัมพูชา โดยบริเวณใต้หน้าผามออีแดงจะมีภาพแกะสลักหินนูนต่ำเป็นงานศิลปะตั้งแต่โบราณกาล มีอายุประมาณ 1,500 ปี พร้อมกันนี้ทางอุทยานได้ขยายพื้นที่รองรับนักท่องเที่ยวให้สามารถเดินชมรอบบริเวณพื้นที่ได้โดยรอบไปจนถึงภาพสลักหิน สามารถมองเห็นทางขึ้นของปราสาทพระวิหารได้ด้วย และเมื่อเดินทางลงมาจากผามออีแดงไม่ถึง 15 นาที จะพบกับจุดแวะซื้อของฝาก “กลุ่มทอผ้าขาวม้าพื้นเมือง” OTOP นวัตวิถี บ้านภูมิซรอล ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ที่มีความโดดเด่นเรื่องผ้าขาวม้า น้ำกลั่นบริสุทธิ์จากใบย่านาง และสมุนไพรพื้นบ้านต่างๆ

ตามด้วยกิจกรรมจัดเต็มจากหมู่บ้านนวัตวิถีโอทอป บ้านโนนสว่าง อำเภอพยุห์ จังหวัดศรีสะเกษ ชมวิถีชีวิตชุมชนวัฒนธรรม ผลิตภัณฑ์ผ้าไหม ชมกระบวนการทำหม่อนไหม การทอไหม การแซวผ้าลูกแก้วอันเป็นเอกลักษณ์ของศรีสะเกษ อีกทั้งยังได้นั่งรถอีแต๋นชมท้องทุ่ง ความงามสอง ข้างทางว่าสวยแล้ว แต่ไฮไลท์อย่างสะพานไม้ไผ่…ห้วยทา ก็สวยงามไม่แพ้กัน สะพานไม้ทอดยาวไปยังกลางผืนน้ำ เปิดรับลมชายทุ่งแบบเต็มๆ และก่อนกลับเราก็ไม่พลาดจะแวะตลาดชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี “ดอนแก้วหนองสามขา” ที่บ้านหนองสามขา อำเภอโนนคูณ อีกหนึ่งจุดเช็กอินแห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเมื่อไม่นานนี้เอง

สั่งจองนิตยสาร Howe โดยไม่ต้องรอหาตามแผงสั่งได้ที่
Line : Howemagazine
  Fanpage : Howemagazine
รายละเอียดการสั่ง (คลิ๊ก)

อ่านนิตยสาร Howe Magazine ออนไลน์ได้ที่

Ookbee-Logo
LOGO-MEB-2017
Facebook Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.