“Disney’s Lilo & Stitch ลีโลแอนด์สติทช์” ยังคงกระแสแรง เดินหน้าสร้างสถิติอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกวาดรายได้ในประเทศไทยทะลุ 100 ล้านบาท และครองใจแฟน ๆ ชาวไทยจนขึ้นแท่นเป็นภาพยนตร์ที่มีรายได้สูงสุดของปี 2025ของไทย ที่ได้รับความนิยมและเสียงชื่นชมอย่างล้นหลามงานนี้สติทช์ดีใจถึงขั้นขี่คาปิบาร่ามาชวนแฟน ๆ ฉลองไปด้วยกัน ซึ่งไม่เพียงแค่ความน่ารักเกินต้าน และซาบซึ้งกินใจ “Disney’s Lilo & Stitch ลีโลแอนด์สติทช์” ยังอบอวลไปด้วยความอบอุ่นที่สัมผัสได้จากความหมายของคำว่า Ohana ที่แปลว่าครอบครัว ทำให้ทุกคนต่างยกให้เป็นภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชันแห่งปีที่ควรค่าแก่การไปดื่มด่ำกับเรื่องราวอันน่าประทับใจในโรงภาพยนตร์ นอกจากนี้อีกหนึ่งแง่มุมที่ทำให้หลายคนรักภาพยนตร์เรื่องนี้คือการนำเสนอ วัฒนธรรมฮาวายที่ไม่ใช่แค่ความงดงามของสถานที่ แต่ยังสะท้อนจิตวิญญาณและความเป็นชุมชนได้อย่างลึกซึ้งและสมจริงด้วย
การรักษาความถูกต้องทางวัฒนธรรมและการถ่ายทอดจิตวิญญาณของฮาวายถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับทีมผู้สร้าง “Disney’s Lilo & Stitch ลีโลแอนด์สติทช์” ที่เน้นถ่ายทอดความเป็นฮาวายอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ภูมิประเทศที่สวยงามแต่รวมถึงวัฒนธรรมด้วย เพื่อให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สะท้อนประสบการณ์ของครอบครัวและชุมชนในฮาวายได้อย่างสมจริง โดยการถ่ายทำทั้งหมดเกิดขึ้นในฮาวายด้วยทีมงานที่ส่วนใหญ่เป็นชาวฮาวาย และที่สำคัญคือได้นักเขียนบทชาวฮาวาย Chris Kekaniokalani Bright และทีมที่ปรึกษาซึ่งเชี่ยวชาญเรื่องวัฒนธรรมและภาษาฮาวายมาช่วยกันสะท้อนวัฒนธรรมผ่านบทสนทนาภาษา Hawaiian ทั้งยังสอดแทรกข้อมูลทางด้านวัฒนธรรมเชิงลึกเข้าไปในการตกแต่งฉากและองค์ประกอบในเรื่อง ซึ่งไม่ใช่แค่แอบซ่อนรายละเอียดเล็กๆ (Easter eggs) เอาไว้ แต่ทุกการตัดสินใจมีรากฐานจากอิทธิพลทางวัฒนธรรมและเรื่องเล่าจริง ๆ
Todd Cherniawsky ผู้ออกแบบฉากทั้งหมดของ “Disney’s Lilo & Stitch ลีโลแอนด์สติทช์” เผยว่าเพื่อเพิ่มความสมจริงให้กับภาพยนตร์เขาเลือกใช้ข้าวของท้องถิ่นที่พบเห็นได้ตามบ้านทั่วไปในทุกฉาก “เราอยากให้ทุกอย่างดูโดดเด่นบนจอภาพยนตร์และรู้สึกถึงความเป็นฮาวายที่ถูกต้อง เลยทำงานอย่างใกล้ชิดกับทีมศิลป์และออกแบบฉากเพื่อให้มั่นใจว่าทุกรายละเอียด ตั้งแต่สติ๊กเกอร์ท้ายรถ ไปจนถึงการออกแบบบ้านของครอบครัว Pelekai มีความสมจริงมากที่สุด” เขาอธิบาย พร้อมกับเสริมว่า “ผมไปสำรวจหมู่เกาะฮาวายประมาณสองสัปดาห์ครึ่ง เริ่มจากเกาะ Kaua‘i ที่มีเมือง Hanapēepēe เป็นแรงบันดาลใจดั้งเดิมของเมืองในแอนิเมชันต้นฉบับ จากนั้นย้ายไปที่ O‘ahu และพยายามทัวร์รอบเกาะ เพื่อค้นหาสถานที่ที่ไม่เคยถ่ายทำภาพยนตร์ มาประกอบเป็นฉากต่าง ๆ ซึ่งรวมจุดเด่นของหมู่เกาะเข้าไว้ด้วยกัน”
สำหรับโลเคชั่นหลักของภาพยนตร์อย่างบ้านของนานีและลีโล ถูกเนรมิตขึ้นใหม่บนชายฝั่งลมของ O‘ahu ตามรูปแบบบ้านแบบดั้งเดิมของฮาวาย เพื่อใช้ในการถ่ายทำภายนอกตัวบ้าน ส่วนฉากภายในถูกสร้างขึ้นในสตูดิโอที่ Point Panic ในเขตเมือง Honolulu โดย Chris Kekaniokalani Bright ผู้เขียนบทเล่าถึงความรู้สึกเมื่อเห็นบ้านหลังนี้ว่า “ครั้งแรกที่ผมก้าวเข้าสู่ฉากบ้านตระกูล Pelekai ผมถึงกับตกใจ เพราะมันดูเหมือนบ้านของป้าเราจริง ๆ ในทุกรายละเอียด ความใส่ใจของทีมงานในการทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบนั้นน่าทึ่งมาก”
ไม่เพียงแค่ฉากต่าง ๆ เพลงประกอบในเรื่องก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายฮาวาย โดยได้ Lynell K. Bright แม่ของ Chris Kekaniokalani Bright นักเขียนบท ซึ่งเป็นผู้อำนวยการคณะนักร้องประสานเสียง Kamehameha Schools Children’s Chorus ในฮาวาย และเคยขับร้องเพลงฮาวายแท้ ๆ ในภาพยนตร์ต้นฉบับ กลับมาร่วมสร้างสรรค์บทเพลงสุดไพเราะ และยังได้ Nyjah Music & Zyah Rhythm สองนักดนตรีหนุ่มที่เกิดและเติบโตบนชายฝั่งทางเหนือของเกาะ Oʻahu หลานชายของ Bruno Mars มาร่วมร้องเพลงBurning Loveของ Elvis Presley ที่เคยโด่งดังในยุค 70 ให้แฟน ๆ ได้อินในช่วงเครดิตท้ายภาพยนตร์ด้วย
ซึ่งด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นอย่างใส่ใจนี่เอง ทำให้ “Disney’s Lilo & Stitch ลีโลแอนด์สติทช์” เป็นภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชันที่ทั้งน่ารักและน่าดู ใครยังไม่ได้ดู อย่าพลาด! ตีตั๋วไปฟินและอินกันได้แล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ
#LiloAndStitchTH #ลีโลแอนด์สติทช์
